กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ

บทความ

Jarratt Davis สุดยอดเทรดเดอร์ในศตวรรตที่ 21 ตอน 3                มาถึงที่คนสุดท้ายท้ายที่สุด ของ 1ใน 3 นักเทรดอันดับต้นๆ ของโลก หากกล่าวถึงเทรดเดอร์ตัวท้อปของโลกทั้งที จะพลาด Jarratt Davis ไปก็คงไม่ได้ เพราะเขาติดโพลนักเทรดอันดับต้นๆ ของโลกมาตั้งแต่ปี 2008 และได้รับการขนานนามจากธนาคาร Barclays ว่าเป็นเทรดเดอร์ฝีมือดีที่สุดอันดับ 3 ของโลก โดย Davis ได้ครองตำแหน่งนี้เรื่อยมาถึง 5 ปี จนกระทั่งปี 2013                ปัจจุบัน Davis ได้ผันตัวมาเป็นโค้ชสอนเทรดให้กับนักเรียนมากมาย พร้อมทั้งแบ่งปันเทคนิคการเทรดให้ผู้ติดตามจำนวนมากผ่านวิดีโอเกี่ยวกับคู่มือและบทเรียนเทรดทุกสัปดาห์ เขายินดีต้อนรับเทรดเดอร์มือใหม่ด้วยเนื้อหาการสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงทักษะการเทรดที่เขาใช้เทรดจริงๆ จากประสบการณ์จริงในตลาดมาอย่างยาวนาน เทรดเดอร์สามารถเรียนรู้ forex ขั้นพื้นฐาน รวมถึงการใช้ อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค ร่วมกับกลยุทธ์การวิเคราะห์กราฟเทคนิคหลายๆ รูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น Davis ยังเปิดเผยเทคนิคการใช้ข่าวและเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ต่อการเทรดอีกด้วย                แอดจะสาธยายแบบคร่าวๆนะ ว่า  J
Austin Netzley สุดยอดเทรดเดอร์ในศตวรรตที่ 21 ตอน 2                Austin Netzley เป็นนักเทรดมือเทพ อันดับต้นๆของโลก อีกคนที่ท่านๆทั้งหลายสายเทรดหุ้น ต้องติดตาม เขาคือตัวแทนแห่งยุค จากผลงานการพัฒนาการเทรดด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเขา มีชื่อเสียงจากการคิดค้นระบบเทรดหุ้นอัตโนมัติที่ทรงพลัง และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่นักเทรดทั่วโลก ทำให้เขาโด่งดังและมีรายได้มหาศาลจากการคิดค้นดังกล่าว  ซึ่งถึงแม้ว่า Netzley จะยังเทรดและทำงานประจำไปด้วยแต่เขาก็กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในตลาดการเงินได้ในที่สุด ซึ่งขอบอกเลยว่า อายุน้อย ร้อยล้านของจริง จริงๆเลยคนนี้เนี่ย    Austin Netzley  เขาเป็นผู้ก่อตั้ง ONE Pursuit Investments และโฮสต์ของบล็อก YoPro Wealth เขาเป็นบุคคลที่ไม่มีสมบัติอะไรมาก่อนนะ ไม่ใช่ลูกคนรวย ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และเคยเป็นหนี้ก้อนโต 81,000 ดอลลาร์ และด้วยความสามารถด้านวิศวกร ทำให้เขามองเห็นช่องทางทำกำไร และประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 27 ปี เอง อู้วววหูวววว แบบว่าอยู่ในตลาดการเงิน งมๆคลำทางมาตั้งแต่อายุ 22 นะจ๊ะ ไม่ธรรมดาจริงๆนะคนนี้   Austin ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการ
Samuel Leach สุดยอดเทรดเดอร์ในศตวรรตที่ 21  ตอน 1                วินาทีนี้ เราต้องตามกระแสโลกให้ทัน การนำเสนอเรื่องราวของเทรดเดอร์ในตำนานก็มีมาเยอะแล้ว วันนี้แอดขอแทรกคิว ของเทรดเดอร์ Forex ในยุคปัจจุบัน และยุคใหม่ๆกันบ้าง แม้ว่าประสบการณ์ในการเทรด อาจจะไม่มากเท่ารุ่นพี่เก๋าๆหลายๆคน  แต่ความสามารถของพวกเขาก็แทบจะมองข้ามไม่ได้เลย รายชื่อที่เราจะเสนอต่อไปนี้คือ 3 ผู้มีอิทธิพลในการวงการ Forex ยุคใหม่ ที่คุณต้องจดจำชื่อพวกเขาไปอีกนาน!แสนนานเลยทีเดียว               Samuel Leach    หลังจบการศึกษาและได้รับเกียรติยศ "Dean's Award" Samuel ก็ได้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลเลยทีเดียวแหละ โดยเขาได้สั่งสมประสบการณ์ในโลกแห่งการเงินระหว่างการทำงานกับหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ จนกระทั่งในปี 2012 Samuel ได้ประกาศโปรเจ็คของตัวเองในชื่อว่า "Samuel and Co Trading" ที่เจริญก้าวหน้ามากๆ และถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นบริษัท CPD ระดับโลกไปแล้ว                นอกจาก Samuel จะเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์มือดีที่สุดที่น่าติดตามในปี 2020 แล้ว เขายังได้รับชื่อเสียงจากการเป็น Influ
 Jesse Livermore    นักเทรดระดับโลก ตอน 2                มาต่อกันจากความเดิมตอนที่แล้วกับ     เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ( Jesse Livermore)  เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร     ผู้ที่มีชีวิตผันผวนยิ่งกว่ากราฟทองเสียอีก                   👉 ในปี 1929 (อายุ 52) ลิเวอร์มอร์ อยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพ ในตอนนั้นเขาทำกำไรมาได้ต่อเนื่อง จากสภาพตลาดที่เป็นขาขึ้นหลายปี จนก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Great Depression) เขามองออกแล้วว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดีพอที่จะหนุนตลาดหุ้นให้ขึ้นต่อได้ ตลาดน่าจะลงยาว ซึ่งเขาก็ไม่พลาดที่จะทำการ Short Sell เช่นเคย คราวนี้เขาทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญ                👉 หลายครั้งหลายหนที่เขาเผชิญกับปัญหาครอบครัว เพราะเขามีภรรยาหลายคน แต่ละคนใช้เงินฟุ่มเฟือย ลูกติดยาเสพติด ส่งผลให้ ลิเวอร์มอร์ เกิดความเครียด จนต่อมาเริ่มความจำเสื่อม สมองเสื่อม รวมทั้งกลายเป็นโรคซึมเศร้า                  👉 ปี 1934 (อายุ 57) และแล้วชีวิตที่ร่ำรวยของเขา ได้ผ่านไปราวกับความฝัน ไม่กี่ปี กำไรมหาศาลของเขาก็หมดลง เชื่อกันว่าด้วยสภาพจิตใจและอาการป่วย ทำให้เขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้เฉียบขาดเหมือนเคย เขาทำผิดพลาดอ
Jesse Livermore    นักเทรดระดับโลก ตอน1                นักเทรดในตำนานของเราวันนี้ คือ    เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ( Jesse Livermore)  เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร   ทำไมจึงพูดว่านักเทรดในตำนาน???? เพราะว่าบุคคลคนนี้ ได้จากโลกนี้ไปแล้ว เหลือไว้เพียงตำนานที่น่าจดจำ  แนวคิดของเขาเป็นรากฐานของการเทรดหุ้นอย่างมีระบบแบบแผนในปัจจุบัน    และเป็นต้นแบบเทคนิคการเทรดแบบเก็งกำไรของนักเทรดระดับโลกหลายๆคน                 👍 ประวัติของชายคนนี้บอกได้เลยว่าสนุกและน่าค้นหามาก เพราะชีวิตของเขาไม่ธรรมดา เขาทำเงินได้มหาศาลจากตลาดหุ้นหลายต่อหลายครั้ง  แล้วก็เจ๊งจนหมดตัวอยู่หลายครั้งเช่นกัน เขาเคยทำกำไรได้ 100 ล้านเหรียญ แต่ก็สูญเสียมันไปในเวลาไม่นาน ช่างมีชีวิตที่ผันผวนไม่แพ้กราฟทองเลยทีเดียวเชียว แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้นละ มา.... แอดจะเล่าให้ฟัง                👍 เจสซี่  ลิเวอร์มอร์ เกิดในปี ค.ศ. 1877 ครอบครัวเป็นชาวไร่ มีฐานะยากจน เมื่ออายุ 14 ปี เขาหนีออกจากบ้าน เพราะต้องการเลือกเส้นทางเดินด้วยตัวเองและในที่สุด เขาก็ได้งานแรกของชีวิต นั่นคือ เด็กเคาะกระดานซื้อขายหุ้น  เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับหุ้น เขาจึงอยากลองเทรดเองบ้าง
หากใครเทรด Forex หรือเทรดทอง หลายปี ก็จะต้องรู้จักร ป้าเจเน็ต เยลเลน หรือหลายคนเรียกว่า ป้ามหาภัย ก่อนที่มี อีลอนมัส คำพูด เปลียนกราฟได้ ก็มีป้านี้แหละที่พูดทีเปลียนกราฟกราฟที วิ่งที่หลักพันจุด วันนี้เราจะมาทำความรู้จักป้าให้มากขึ้น ปละปัจจุบันป้าทำอะไรอยู่  เจเน็ต เยลเลน หรือชื่อเต็ม เจเน็ต หลุยส์ เยลเลน หรือรู้จักในชื่อป้าเยลเลน เกิดและเติบโตที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุ 74 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 394 ล้านบาท โดยเธอเรียนจบทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต (PhD) จากมหาวิทยาลัยเยล โดยหลังจากนั้นได้ไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจนถึงปี 2519 ประวิติการทำงานของป้า ก็จัดว่าโหดสุดๆ📜 2520-2521   เธอทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ในสภาผู้ว่าการของธนาคารกลางสหรัฐฯ 2521-2523  ก็ได้ไปเป็นผู้บรรยายประจำ London School of Economics and Political Science (LSE)  2537  เธอได้ยื่นใบลาออกจากเบิร์กลีย์ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญในฐานะ "สมาชิกสภาผู้ว่าการ" ของ    ระบบ    ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 2542  เธอก็ควบตำแหน่งประธาน
สำหรับบ้านเรานั้นก็คงคุ้นเคยกับ กองทุนรวม หรือ Mutual Fund และกองทุนอื่นๆ โดยเป็นรวมเงินไปลงทุนใน ตราสารหนี้ หรือหุ้นสามัญเป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างกับรูปแบบกองทุนที่เราจะไปทำความรู้จักวันนี้ กองทุนนั้คือ เฮดจ์ฟันด์ หรือ กองทุนป้องความเสี่ยง เฮดจ์ฟันด์ หรือ กองทุนป้องความเสี่ยง คืออะไร 👪 เป็นกองทุนที่เน้นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งในแต่ละกองทุนก็จะกระจายเงินของเรานั้นไปลงทุนหลายอย่างหลายสินค้า และการเข้าซื้อของเฮดจ์ฟันด์ ก็ไม่จำกันแค่ ซื้อ Long อย่างเดียวแต่การมีขายหรือ Short  รวมไปถึง เฮดจ์ฟันด์ ก็ใช้ Leverage  เพื่อเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้นอีกด้วย   บางกองทุนจึงทำให้กองเฮดจ์ฟันด์ นั้นมีความยืดหยุ่นกว่ากองทุนอื่น และได้ความนิยมสูงจนขนาดคนเริ่มที่ลงทุนหรือเทรด โดยใช้กลยุทย์ของ เฮดจ์ฟันด์ มาใช้ในการเทรด แน่นอนว่า ผลตอบแทนของ เฮดจ์ฟันด์ ก็จะมากว่า กองทุนทั่วไป แต่ความเสี่ยงนั้นก็เพิ่มมากเช่นกัน  เฮดจ์ฟันด์ เหมาะกับใคร ✅💲 1.รับความเสี่ยงได้  เพราะความเสียงมีสูงกกว่ากองทุนทั่วไป  2.มีทุนเยอะ ยิ่งกองทุนนั้นดังก็ยิ่งต้องมีเงินลงทุนสูง  3.คนที่มีประสบการการลงทุนในต่างประเทศ 4.ไม่นำเงินร้อนมาลงทุน เฮดจ
 Michael Marcus   นักเทรดระดับโลก ตอน 2               ความเดิมจากตอนที่แล้ว กับสโลแกน "ผมเป็นนักสู้โดยธรรมชาติ" ของ   Michael Marcus (ไมเคิล มาร์คัส)  นักเทรดที่ประสบความสำเร็จและเป็น Market Wizards หลังจากล้มลุกคลุกคลานไปพักใหญ่ จนลองผิดลองถูกไปก็เยอะ ทำให้เค้าเข้าใจวิถีธรรมชาติของการเทรดมากขึ้น  ข้อคิดและแนวทางในการเทรดของ  Michael Marcus (ไมเคิล มาร์คัส)  โดยสรุปคือ 1. มุ่งมั้นและเชื่อในตนเอง มีบางครั้งท้อ เพราะเจ็บปวดมากที่ต้องขาดทุนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็บอกตัวเองว่า “ไม่นะนายไม่ใช่คนโง่ นายแค่ต้องทำมันต่อไป” 2.  การเทรดที่ดีที่สุด คือ การเทรดที่มีองค์ประกอบครบทั้ง 3 อย่าง คือ พื้นฐาน เทคนิค และ จังหวะตลาด 3.  ตัวบอกใบ้ที่ว่าจุดสูงสุดกำลังใกล้จบ คือ ดูจำนวนวันที่ราคาไปลิมิต (ประมาณ Celing กับ Floor) อย่างเช่น ถ้าหาก Ceiling มา 3 วันติด วันที่ 4 เริ่มแปลกๆ ไม่ลิ่ง ก็ให้ขายทำกำไรออกมา 4.  แนะนำมือใหม่ : วางเดิมพันให้น้อยกว่า 5% ของเงินทั้งหมด คุณจะผิดพลาดได้มากถึง 20 ครั้ง 5.  แนะนำมือใหม่ : ต้องมีจุดตัดขาดทุนเสมอ 6. ถ้าการเทรดไหนรู้สึกไม่มั่นใจและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ให้
 Michael Marcus   นักเทรดระดับโลก ตอน 1                หากคุณยังคงอยู่ในวงจรการเทรดที่ขาดทุนซ้ำๆซากๆ หมดเนื้อหมดเนื้อก็หลายหน เจ๊งมาก็หลายร้อยที แต่คุณยังไม่หมดไฟในการเทรดแล้วละก็ บางทีสักวันคุณอาจจะกลายเป็น  Market Wizards  แบบ Michael Marcus (ไมเคิล มาร์คัส) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จก็ได้ เรามาทำความรู้จักกับเขากันสักหน่อยนะ                Michael Marcus (ไมเคิล มาร์คัส)   เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ในตลาดโภคภัณฑ์ มาก่อนแต่ด้วยความอยากเป็นเทรดเดอร์มากๆ จึงผันตัวออกมาเป็นเทรดเดอร์ Full time  ในช่วงเริ่มต้นหนทางมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอ ไมเคิล มาร์คัส เจ๊งจากการเทรดบ่อยมากๆ ย้ำว่ามากจริงๆ  ขาดทุนแล้ว ขาดทุนอีก เจ๊งแล้วก็เจ๊งอีก จนถึงขั้น ยืมเงิน พ่อ แม่ พี่น้องมาเทรด แต่ก็ไม่วาย ยังขาดทุนอีกแหนะ เฮ้อ ฟังแล้ว เราคงต้องส่ายหัวกันแล้วละ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา                หนทางที่เขาเผชิญอยู่มันช่างขรุขระและล้มลุกคลุกคลานดีจริงๆ หลังจากที่  ไมเคิล ขาดทุนอย่างหนัก เขาก็ยังคงเทรดไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะขาดทุนแล้ว ขาดทุนอีก วนๆซ้ำๆอยู่อย่างนี้ จนเป็นวงจรแห่งความล้มเหลว แล้วก็
  Paul Tudor Jones   นักเทรดระดับโลก ตอน 2                จากบทความที่แล้ว เราได้รับรู้ และอ่านประวัติคร่าวๆของ   Paul Tudor Jones ไปพอสมควรแล้ว ทีนี้เราลองมาศึกษาวิธีแห่งการเทรดเดอร์ของเขากันบ้าง  ตามที่ทุกคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าในวงการการเงินนั้น มีโอกาสน้อยมากที่นักลงทุนจะเผยความลับเชิงเทคนิคของการลงทุนของเขาออกมา  แต่ในกรณีของ Paul Tudor Jones แล้ว เขากลับที่จะเปิดเผยแนวคิดในการลงทุนดีๆออกมาหลายต่อหลายครั้ง และยังได้เคยปล่อยเคล็ดลับการลงทุนที่หากดูอย่างผิวเผินแล้ว อาจจะดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญอะไรมากมาย เช่นเทคนิคเล็กๆเกี่ยวกับ Moving Average (MA) ที่ Paul Tudor Jones ได้เคยกล่าวไว้ได้อย่างน่าสนใจมากๆ โดยพบว่ามันสามารถที่จะช่วยให้ผลตอบแทนการลงทุนนั้นดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อในหลายๆด้าน    “จงร่วมเป็นส่วนหนึ่งไปกับแนวโน้มใหญ่เสมอ และตัวชี้วัดในทุกสิ่งของผมคือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน!”        Paul Tudor Jones : ตัวชี้วัดที่ผมใช้กับทุกอย่างที่ผมลงทุนนั้นมาจากการดู Moving Average ที่ใช้ช่วงเวลา 200 วันของราคาปิด (Closing Price) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเห็นทั้งหุ้นและ Commodity ที่ราค
  Paul Tudor Jones   นักเทรดระดับโลก ตอน 1                👋 พอล ทิวดอร์ โจนส์ (Paul Tudor Jones) คนนี้ทำอะไรก็สำเร็จ หนึ่งในตำนานของ wallstreet       ชายคนนี้ประสบความสำเร็จในตลาดอนุพันธ์ ปัจจุบันเขาเป็น ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ผู้โด่งดังผู้ให้นิยามว่า “จงร่วมเป็นส่วนหนึ่งไปกับแนวโน้มใหญ่เสมอ และตัวชี้วัดในทุกสิ่งของผมคือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน!”                        👋  เมื่อเอ่ยถึง Paul Tudor Jones หรือ PTJ เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อผู้จัดการกองทุนคนนี้มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม เราจะขอเริ่มต้นด้วยการแนะนำประวัติของสุดยอดผู้จัดการกองทุน Hedge Fund คนนี้ก่อนสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาเริ่มกันดีกว่า                 👋 พอล ทิวดอร์ โจนส์ (Paul Tudor Jones) ปัจจุบันอายุ60 ปี เป็นผู้จัดการกองทุน Hedge Fund  Tudor Investment Corporation ระดับ Top ของโลก เป็นเศรษฐีพันล้านอันดับที่ 108 ของอเมริกา มีทรัพย์สินประมาณ $4.3พันล้าน โลดแล่นอยู่ในตลาดเก็งกำไรมาตั้งแต่ก่อนยุค 1980 เป็นชาวสหรัฐ เกิดโตในเมือง Memphis รัฐ Tennessee จบมหาวิทยาลัยด้าน Economic             
   Theory SEPA  กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน2             จากเดิมตอนที่แล้วเราได้พูดถึงวิธีการซื้อขาย กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ไปแล้ว จากจุดเข้าซื้อ และจุดออกขาย  โดยเขาใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 220% จากเงินในบัญชีที่มี USD 100,000 วิ่งขึ้นไปสู่  USD 30 ล้าน  เน้นการเทรดระยะยาว(ถือยาวมากๆ )           ถึงแม้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดของ มาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini)   จะเป็น จุดเข้าซื้อ แต่เขาก็ให้ความสำคัญในอันดับรองลงมาคือ การบริหารความเสี่ยง ด้วยเช่นกัน จากในหนังสือโมเมนตัมมาสเตอร์ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เขากล่าวว่าความเสี่ยงสำหรับพอร์ตโฟลิโอของเขาจะอยู่ที่ราวๆ 1-2% เท่านั้นเอง  นั่นคือ กล้าและคิดตัดสินใจเร็ว ในการตัดขาดทุน           ความหมายก็คือ ด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท จะยอมขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 1-2 หมื่นบาทเท่านั้น ยิ่งขาดทุนน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำกำไรกลับมาได้โดยง่าย นั่นหมายความว่ารูปแบบการเทรดของ  มาร์ค มิเนอร์วินี เป็นแบบซื้อถูกขายแพง และเป็นการเทรดแบบ Trend Following ไม่ซื้อบ่อย ขยันซอยไม้ ตามแนวย่อแนวรับของเทรน ข้อเสียของ SEPA           การเทรดแบบ Trend Fol
 Theory SEPA  กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน1           หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวเกี่ยวกลยุทธ์การเทรดนี้มาบ้างหากคุณอยู่ในตลาดหุ้นมาก่อน และส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้จัก SEPA ว่ามันคืออะไร เทรดแบบไหน  วิธีการลงทุนของเทรดเดอร์ (หรือนักลงทุน) ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น มักจะเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน บางคนอาจบอกว่าให้ดูที่ค่า PE หรือ ROE ทุกครั้งเวลาจะเข้าซื้อ แต่ประเด็นคือ  ซื้ออะไร ซื้อเมื่อไหร่ และขายเมื่อไหร่ สามอย่างนี้เองที่มีนักลงทุนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมบอกให้ แต่ไม่ใช่สำหรับมาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini) ผู้บัญญัติแนวทางการลงทุนแบบ SEPA จนมีสาวกติดตามทั่วโลก          มาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini) ชายหนุ่มที่ไม่ได้คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาเกิด และเรียนจบเพียงแค่ชั้นมัธยมเท่านั้น  หลังจากลงทุนในหุ้นแบบลองผิดลองถูก มามากกว่า 7 ปี เขาได้ใช้ระบบเทรดแบบ SEPA  เข้าร่วมแข่งขันและชนะกลายเป็นแชมป์ใน U.S Investing Championship ปี 1997 โดยสร้างผลตอบแทนได้ 155% โดยการลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ไม่มีพวกอนุพันธ์เลย           แนวทางการลงทุนแบบ SEPA จะมีความคล้ายคลึงวิธีการแบบ CANSLIM (ของวิลเลียม โอนีล) ตรงท
   Andrew Kreiger นักเทรดระดับโลก ตอน2           Andrew J.Krieger  หรือ  Andy Krieger  สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังจาก  วิกฤติ  Black Monday   โดยการถล่มค่าเงินนิวซีแลนด์  ด้วยเลเวอเรจ 400:1 จากการ Short NZD เขาได้ให้มุมมองว่า ค่าเงินของนิวซีแลนด์นั้นแข็งเกินไปจากความเป็นจริง เป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงกว่า -22% ผู้คนส่วนใหญ่เริ่ม panic กลัวที่จะต้องถือค่าเงิน USD ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นๆดีดตัวขึ้นรวมไปถึง NZD ก็แข็งค่าขึ้นด้วย เหตุใดต้องเป็น  นิวซีแลนด์????          Andy Krieger   มองว่าประเทศ นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าสหรัฐมากและมีความอ่อนแอ แต่ด้วยความไม่ปกติจึงทำให้ค่าเงินดีดตัวแข็งค่าขึ้น เขาจึงทำการ short ค่าเงิน NZD หากเรามองทางด้านเทคนิคคอลแล้ว  Andy  เป็นนักเทรดที่ กล้าได้กล้าเสียในการเทรดมาก ลักษณะการเทรดของเขาจะเป็นแบบ  Aggressive  ซึ่งเป็นการวางเดิมพันเงินเป็นจำนวนมาก และมองหาจุดกลับตัว ที่แน่นอนจาก  price action  นั่นเอง           จากการวางเดิมพันด้วยเลเวอรเลจน้อยๆนี่เอง ( 400:1)ทำให้มูลค่าในการ short อยู่ที่ราวๆ $700- 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมูล
 Andrew Kreiger นักเทรดระดับโลก ตอน1               มาถึงแล้วกับ 1 ใน 3 ตัวท๊อป สำหรับ นักเทรดระดับโลก ที่จะไม่เอ่ยถึงชื่อบุคคลผู้นี้ไม่ได้เลย  Andrew J.Krieger หรือ Andy Krieger เป็นหนึ่งในผู้ค้าสกุลเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในตลาด Forex ระดับโลก เขาเป็นบัณฑิตจาก Wharton School of Business   และเรียนเอกภาษาสันสกฤตและปรัชญา (เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่กลายมาเป็นเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียง!)                อาชีพการเทรดของเขาเริ่มต้นจากการทำงานให้กับ  Saloman Brothers ซึ่งสร้างผลงานไว้เป็นที่น่าพอใจ จนถูกซื้อตัวไปโดย Bankers Trust ในปีค.ศ. 1986  และฝ่ายบริหารให้วงเงินลงทุนกับเขามากถึง 700 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ในขณะที่วงเงินลงทุนสูงสุดทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 50 ล้านดอลลาร์เท่านั้น               โดย Kreiger ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจากการถล่มค่าเงิน Kiwi (กีวี่)หรือค่าเงิน นิวซีแลนด์ดอลล์ล่าร์ Newzealand dollar (NZD) ในช่วง Black Monday หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Crash of 1987 เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2530  ด้วยวัยเพียง 32ปีเท่านั้น ยังหน
  Bill Lipschutz นักเทรดระดับโลก ตอน2          หลังจากสร้ายรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ    Solomon Brothers ได้ 5 ปี Bill  ก็พร้อมสำหรับการเกษียณอายุจากโลกแห่งการค้านี้ ซึ่งผิดวิสัยของเทรดเดอร์ในการซื้อขายเนื่องจากผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักต้องการหารายได้ที่มากขึ้นและเพิ่มความมั่งคั่งยิ่งๆขึ้นไป  แต่ Bill รู้ดีว่าเขาต้องหาเวลาพักผ่อนและพักฟื้นเพื่อลดระดับความกดดันที่ตัวเองต้องเผชิญ           หลังจากนั้น ในปี 1995 Bill ได้ร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขาเพื่อก่อตั้ง Hathersage Capital Management บริษัท นี้เป็นผู้จัดการ Global Macro ซึ่งเชี่ยวชาญในสกุลเงิน G10 ความสำเร็จส่วนใหญ่เกิดจาก Bill ซึ่งดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่และผู้อำนวยการฝ่ายบริหารพอร์ตการลงทุนตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง แนวคิดของ  Bill Lipschutz เกี่ยวกับตลาด Forex            Forex เป็นตลาดที่มีจิตวิทยาอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก เขาเชื่อว่าความคิดเห็นของ ผู้ซื้อขายในตลาดเป็นตัวกำหนดรูปแบบราคาพอ ๆ กับปัจจัยพื้นฐาน Bill ยังเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ Druckenmiller ที่ว่า เมื่อคุณจะเป็นเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็