Theory SEPA กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน 2


  Theory SEPA กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน2

         จากเดิมตอนที่แล้วเราได้พูดถึงวิธีการซื้อขาย กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ไปแล้ว จากจุดเข้าซื้อ และจุดออกขาย  โดยเขาใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 220% จากเงินในบัญชีที่มี USD 100,000 วิ่งขึ้นไปสู่  USD 30 ล้าน  เน้นการเทรดระยะยาว(ถือยาวมากๆ )

        ถึงแม้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดของ มาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini) จะเป็นจุดเข้าซื้อ แต่เขาก็ให้ความสำคัญในอันดับรองลงมาคือการบริหารความเสี่ยงด้วยเช่นกัน จากในหนังสือโมเมนตัมมาสเตอร์ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เขากล่าวว่าความเสี่ยงสำหรับพอร์ตโฟลิโอของเขาจะอยู่ที่ราวๆ 1-2% เท่านั้นเอง นั่นคือ กล้าและคิดตัดสินใจเร็ว ในการตัดขาดทุน

        ความหมายก็คือ ด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท จะยอมขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 1-2 หมื่นบาทเท่านั้น ยิ่งขาดทุนน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำกำไรกลับมาได้โดยง่าย นั่นหมายความว่ารูปแบบการเทรดของ  มาร์ค มิเนอร์วินี เป็นแบบซื้อถูกขายแพง และเป็นการเทรดแบบ Trend Following ไม่ซื้อบ่อย ขยันซอยไม้ ตามแนวย่อแนวรับของเทรน

ข้อเสียของ SEPA

        การเทรดแบบ Trend Following เกือบทุกแบบล้วนมีข้อเสียคล้ายๆ กันคือ มีโอกาสผิดทางสูง (เดาถูกได้ 30-40% ก็เก่งแล้ว) และราคาย่อตัวแต่ละครั้งที่รุนแรง การควบคุมความเสี่ยงจึงไม่ได้จบที่เฉพาะการขายตัดขาดทุน แต่อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมด้วย   และเนื่องจากวิธีการลงทุนลักษณะนี้จะต้องใช้เวลาถือหุ้นประมาณหนึ่ง โอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันจึงมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน

5 กุญแจที่สำคัญของระบบ SEPA

- เน้น trend ขาขึ้น จะไม่เข้าเทรดในช่วงที่เป็น trend sideway หรือ downtrend

- Fundamentals: เน้นสะสมกำไร หุ้น super performance จะถูกขับเคลื่อนด้วย กำไรที่เติบโตขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งอาจจะเกิดจากการยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะมีสินค้าใหม่ หรือ ลด Cost เพราะปรับปรุงกระบวนการผลิต

- Catalyst : หุ้นที่มีกำไรมหาศาล เนื่องมาจากมีตัวเร่ง (Catalyst)  อาจจะเกิดจาก สินค้าที่ออกมาใหม่ทำให้ได้รับความนิยม ทำให้ขายได้มาก  หรือ เข้าไปซื้อบริษัทเพิ่มที่ทำให้เกิด เป็นหุ้นวัฏจักรเป็นราคาขาขึ้นของสินค้านั้นๆ

- Entry Point : เวลาที่เข้าซื้อหุ้นนั้นสำคัญมาก จะดู VCP Pattern ที่จะ break แนวต้านก่อนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

- Exit Point: ปกป้องกำไรและเงินต้น โดยมีการทำ stop-loss ตัดขาดทุนให้ไว 

        Mark Minervini เป็นนักลงทุนแนว techno-fundamental คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) และการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานกิจการ (Fundamental Analysis) เข้าด้วยกัน โดยแนวทางการลงทุนลักษณะนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งการลงทุนทั้งแบบระยะกลางและระยะยาว

โดยเขาได้เขียนหนังสือคือ   Trade Like a stock market Wizard  และ Think and Trade like a Champion สามารถหามาอ่านได้  และยังมีหนังสือที่เขาถูกเชิญไปในสัมภาษณ์ได้แก่

Momentum Master: A roundtable interview with super traders

Stock Market Wizards: Conversation with America’s top stock trader

The Earnings Maturation Cycle

        หากเราอยากประสบความสำเร็จในการเทรดหรือลงทุนในหุ้นจริงๆ การหาต้นแบบหรือไอดอลเพื่อเป็นแนวทางในการปูพื้นของเราก็เป็นส่วนช่วยส่งเสริมความมั่นใจอีกทางหนึ่ง แถมยังสร้างแรงบันดาลใจได้ดีอีกด้วยนะ 

ขอบคุณข้อมูลจาก zyo71.com

"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม  ใน Blockdit ของเรา

https://www.blockdit.com/posts/6181e9a0b153ce0c9bf26fb2


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ