กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Bitcoin

บทความ

 Three Arrows Capitals (3AC) กองทุนคริปโตแสนล้าน กับการล่มสลาย  EP.2                     👋 จากความเดิมตอนที่แล้ว เราเกริ่นนำไปถึง ที่มาที่ไปของ  Three Arrows Capital  กันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูสาเหตุใหญ่ อีกสักสองสามสาเหตุกันบ้าง ที่ทำให้  Three Arrows Capital  ยื้อฉุดกระชากไม่ไหวจนต้องต้องยื่นขอล้มละลายไปในที่สุด มา มาอ่านต่อกัน พอร์ตดูดี แต่แค่กำไรชั่วคราว????                          👋 เมื่อเจาะลึกเข้าไปดูเหรียญที่ 3AC ลงทุนนั้น มีการลงทุนใน  Governance Token  ของโปรเจค  DeFi  ต่างๆทั้งเหรียญใหญ่อย่าง  UNI, AAVE, SNX, COMP  และ  YFI  และเหรียญขนาดเล็กอย่าง  FST, KNC, NRV, DHT, MTA, ROOK และ DODO  ด้วย ซึ่งปัญหาของเหรียญเหล่านี้คือจะมีแรงเทขายจากการเพิ่มสภาพคล่องอยู่ตลอดเวลาเรียกว่า   Toxic Liquidity                            👋 สาเหตุที่เหรียญกลุ่มนี้โดนเทขายเนื่องจากประโยชน์ของเหรียญเหล่านี้มีน้อยและ  Supply  ของเหรียญที่จะมีการแจกเรื่อยๆ ทำให้เหรียญถูกเพิ่มจำนวนอยู่ตลอด ดังนั้น 3AC แม้จะได้เปรียบเรื่องต้นทุนในตอนแรก แต่การมีระยะเวลาปลดเหรียญทำให้เมื่อถึงเวลาจริง ราคาขายที่ได้อาจจะไ
 Three Arrows Capitals (3AC) กองทุนคริปโตแสนล้าน กับการล่มสลาย  EP.1                    👋 ข่าวแซ่บมาแรง ที่ไม่รู้ไม่ได้แล้วนะ และล่าสุดอัพเดทแบบเรียลทามม์กันไปเลย สำหรับยักษ์ใหญ่กองทุนคริปโต Three Arrows Capital ที่ยื่นขอล้มละลายในนิวยอร์กแล้วหลังทนพิษบาดแผลไม่ไหว                    👋 สำหรับชาวเทรดเดอร์คริปโตเคอเรนซี่ คงจะคาใจอยู่ไม่น้อย เกี่ยวกับประเด็นของ 3AC  และบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วสำคัญอย่างไร แอดบอกเลยว่าสำคัญมากครับ เกี่ยวข้องและกระทบการเงินทั่วตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยตรงหลายเด้ง หลายต่อเลยแหละ  วันนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักกับเขาสักหน่อย มา ตามมาอ่านกัน เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่อินเทรนด์                👋 3AC    หรือชื่อเต็มๆว่า Three Arrows Capitals  (3AC) เป็น Venture Capital ที่ก่อตั้งช่วงปี 2012 โดยมีการลงทุนอยู่ในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วไป แต่เมื่อปี 2018 เป็นต้นมา 3AC มุ่งเน้นในการลงทุนด้าน Cryptocurrency เป็นหลัก ซึ่งมีทั้ง GBTC กองทุน Bitcoin ของ Grayscale, Blockchain Layer 1, DeFi, แพลตฟอร์มคริปโตฯ รวมถึงเกมบน Blockchain มากกว่า 50 ตัว!!!!            
เมื่อต้นเดือน พ.ค. สุดยอด นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ( Warren Buffett ) ในงานประชุมผู้ถือหุ้น ก็ได้มีการออกแสดงความคิดว่า ต่อให้เอาบิตคอยน์ทั้งโลกมากองในราคา 25 เหรียญ เขาก็ไม่ซื้อ และเขายังต่อด้วย  บิตคอยน์นั้นไม่ได้มีค่าอะไร เพราะมันมิได้สร้างผลิตผลอะไรเลย   เพราะเหตุผลได วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงไม่ชอบ บิตคอยน์ Bitcoin วันนี้เราจะไปหาคำตอบไปพร้อมๆกัน  สไตล์ การลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ 💬 โดยสไตล์ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มักจะพูดเสมอว่า เค้านั้นลงทุนเหมือนกับ ลงทุนกับฟาร์มสักแหล่ง ที่มีผลผลิตออกมาทุกปี หรือ พูดง่ายๆ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์  ชอบลงทุนกับบริษัติที่ผลิตสินค้าออกไปขาย โดยแก่จะมักบอกสินทรัพย์ประเภทนี้ว่าเป็น Productive Assets โดย ปู่มองว่า    Bitcoin และ cryptocurrency เป็นรอแบบทรัพย์สิน  Non-productive Assets หรือเป็นทรัพสินที่ไม่มีการผลิต โดยคุณจะได้เงินก็ต่อเมือ คนที่ซื้อต่อจากคุณในราคาที่สูงกกว่าที่คุณซื้อ  Bitcoin คือ Tulip Mania 2.0  Tulip Mania หรือ วิกฤตดอกทิวลิป เหตุการที่ฝั่งยุโรบน้ำเข้าดอกทิวลิป  เพราะสมัยนั้น ดอกทิวลิป ไม่มีในยุโรป ทำให้ ดอกทิวลิ
  หลังจากที่เราทำความรู้จักกับ วาฬ ในตลาดคริปโตไปแล้ววันนี้เราจะแนะนำวิธีการดูการเคลื่อนไหวของ วาฬ เพื่อใช่เป็นข้อมูลการตัดสินใจ  วิธีสังเกตการเคลื่อนไหวของ วาฬ 🐋 👉  วิธีแรก จับตาดูการเคลื่อนไหวของเหรียญจากบัญชีที่อยู่ของ Wallet ที่ถือเหรียญจำนวนมากไว้  โดยสามารถเข้าไปเช็คได้ที่ เว็บไซต์  https://bitinfocharts.com/top-100-richest-bitcoin-addresses.html ในเว็บก็จะเห็นจำนวน Wallet ของ คนที่ถือเหรียญ  Bitcoin ทั้งหมด  โดยสังเกตการเคลื่อนใหวของ  Wallet   ที่เหรียญระดับ 100,000 ขึ้นไป  👉 วิธีสองติดตามข่าว เพราะว่าการเคลื่อนไหวของ  วาฬ แน่นอนว่า คนทั้งตลาดสนใจอยู่แล้ว โดยสามารถเข้าไปอ่านข่าวที่ได้ที่  https://siamblockchain.com/ สรุป การเคลื่อนใหวของ วาฬ เป็นเพียงข้อมูลแค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดการตัดสินใจ มีหลายครั้งราคาเลือกเดินทางสวนทางกับ การเคลื่อนใหวของ วาฬ ฉนั้นใช้เป็นแค่ข้อมูลอ้างอิงการตัดสินใจจะดีที่สุด  สำหรับใครที่อยากได้บทวิเคาะ  Bitcoin หรือคริปโต คู้เงิน  มีบทวิเคราะกราฟทุกวัน   สามารถเข้าไปอ่านได้ที่  https://th.tradingview.com/u/Tradertanofficial/ cr.อ่านเพิ่มเติมได้ที่🙏🙏
  🐳🐋 สำหรับหลายคนที่เข้ามาตลาดคริปโต  Cryptocurrency หากติดตามข่าวการซื้อขายก็น่าจะเจอกับคำว่า  วาฬ” หรือ “ Whale ซึ่งหลายคนก็อาจจะ งง มันคืออะไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ วาฬ” หรือ “ Whale และส่งผลต่อตลาด  Cryptocurrency อย่างไร  ? วาฬ หรือ Whale คืออะไร  วาฬ” หรือ “ Whale หรือบางคนก็จะเรียกว่า เจ้ามือ คือกลุ่มคนหรือบุคคนที่ถือสินทรัพย์จำนวนมหาศาล ซึ่งจทำให้มีอำนาจที่จะพอเปลียนแปลงราคาของทรัพสินนั้นได้ และยิ่งตลาด Cryptocurrency ที่มีจำนวนเหรียญอยู่าจำกัด การที่กลุ่มคนพวกนี้เคลื่อนใหวก็จะส่งผลต่อตลาดได้อย่างมีนัยยะสำคัญ   โดยกลุ่มคนพวกนี้ก็ไม่ได้อยู่ในตลาด Cryptocurrency แต่อยู่แทบจะทุกตลาด แต่โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ในตลาดหุ้น หรือ Cryptocurrency ที่มีจำนวนทรัพสินที่ชัดเจน  🐋🐋  ผลกระทบ วาฬ ต่อราคา  Cryptocurrency  แน่นอนว่าคนที่ถือทรัพสินจำนวนมาก ก็จะมาพร้อมกับอำนาจ และด้วย  Cryptocurrency  ที่มีเหรียญอยู่อย่างจำกัด   ทำให้ การเคลื่อนใหวของ  วาฬ ส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ปี  2017  นาย Nobuaki Kobayashi ซึ่งได้ทำการเทขายเหรียญ Bitcoin จำนวนกว่า 36,000 เหรียญ
เชื่อได้ว่า ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในโลก Cryptocurrency ก็คงไม่พ้น ข่าว Terra UST และ LUNA ที่มีการเทขายอย่างหนักจน LUNA จาก 120$ ต่อ 1 เหรียญ LUNA ลดเหลือ 0.0004$ เหรียญ LUNA  วันนี้เราจะไปหาคำตอบกันว่าเกิดอะไรขึ้น !? โครงสร้างของ UST และ LUNA  😀 UST คือ Stablecoin (เหรียญcryptocurrency ที่มีค่าคงที่ เช่น 1 UST เท่ากับ 1$) ที่ทาง Terra  สร้างขึ้น แต่ UST นั้นไม่ถูกสร้างโดยเอาดอลลาร์สหรัฐมาตึงราคาใว้ แต่เป็นการใช้อัลกอริทึมมาในการจัดการ ซึ่งจะผูกกับเหรียญ  LUNA  โดยหลักการทำงานอัลกอริทึม UST 😀 เมื่อมีการฝากหรือลงทุนกับ UST  มากจนค่า UST  มีค่ามากกว่า 1 $ ระบบจะทำการปรับสมดุลให้ค่า UST มีค่า เท่ากัน 1$ โดยการแปลง LUNA  ให้กลางเป็น UST และเมื่อเหรียญ UST มีมากขึ้น ราคา UST ก็จะลดลง เท่ากับ 1$  และ LUNA  ถูกใช้ในการแปลงเป็น UST ทำให้ LUNA  นั้นน้อยลง คนมีความการเท่าเดิม เหรียญน้อยลง แน่นอนว่าราคา LUNAก็จะขึ้นตาม  UST มีค่าน้อยกว่า 1$  LUNA ก็ต้องผลิตเหรียญมากขึ้นเพื่อนำมาค้ำราคา USTให้กลับมาที่ 1 UST สรุปคือ  คนใช้ UST มากขึ้น   ราคาเหรียญ LUNA ก็จะขึ้นตาม เป็นเงาตามตัว                 
  สำหรับมือใหม่หลายคนที่จะเข้ามาวงการ คริปโต ก็อาจจะงง ว่า Stablecoin คืออะไร ซึ่งเราจะหาคำตอบไปพร้อมกัน และมัน เสถียรภาพ จริงใหม Stablecoin คืออะไร📢 สินทรัพดิจิตอล หรือ เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี รูปแบบหนึ่งที่จะมีสถานะคงที่ตลอดเวลา โดยใช้สินทรัพย์อื่นในการตรึงราคา ตัวอย่างเช่น ตรึงกับ เงินดอลล่า จึงทำให้ Stablecoin คล้ายกับ ‘เงิน’ เพราะรักษามูลค่า (store of value) เอาไว้ได้ ดังนั้น Stablecoin จึงถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงินมากขึ้นในปัจจุบัน 📢 ตัวอย่างเช่น USDT อ้างอิงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ ประเภทของ Stablecoin 💬 Fiat-collateralized😀 Stablecoin ที่มีมูลค่าอ้างอิงตาม เงิน Fiat เป็นรูปแบบที่น่าจะบพเจอมากที่สุด  Fiat-collateralized ที่มีเสถียรภาพมากที่สุด โดยการนำเงินหรือสกุลเงินต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะดอลลาร์ ยูโร หรือเงินบาทก็ได้ไปฝากไว้กับใครสักคน (ตัวกลาง) และคนกลางก็จะออกเหรียญออกมา ใน อัตราส่วน 1 ต่อ 1 โดยคนกลางที่ออกก็มักจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่  ธนาคาร เหรียญ Tether หรือ USDT  Commodity-collateralized😊 Stablecoin ที่มีมูลค่าอ้างอิงตาม สินค้าโภคภัณฑ์  ไม่ว่าจะทองคำ น้ำมัน ที่ดิน
จากตอนที่แล้วที่เราเล่าโครงสร้างและความสัมพันระหว่าง UST และ LUNA ไป วันนี้เราจะมาต่อกัน ว่าจุดเริ่มต้นของการเทขายครั้งใหญ๋ มาจากใหนกัน ด้วยความนิยม UST สูงมาก มีเม็ดเงินที่ฝากเข้ามาจำนวนมาก และการเติบโตของราคา LUNA มีทิศทางที่สดใส จนทำให้ หลายบริการใช้ UST เป็นตัวกลางในการชำระเงินมากขึ้น และทาง Terra ก็มีโปรเจคที่ไล่ซื้อเหรียญ bitcoin เพื่้อนำมาค้ำเหรียญ UST ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น  จุดเริ่มต้นของหายนะ 🔥 จุดเริ่มต้นนั้น มีนักวิเคาะห์หลายคนเห็นไปตรงกันว่า เกิดจากราคาบิตคอย มีการเทขายที่รุนแรงเกินไป แน่นอนว่า เหรียญที่ใหญ่ที่สุดอย่าง bitcoin ร่วง เหรียญอื่น ก็ลงตามเป็นธรรมดาแน่นอน ว่า LUNA ก็ร่วงตาม  ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกร่วมไปถึง เหรียญ UST ที่ใช้ bitcoin  และ LUNA ในการตึงราคา  หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีเงินก้อนหนึ่ง หลักร้อยล้านเหรียญเทขาย UST  ซึ่งเป็นการเทขายที่ทำให้ราคาคนที่ถือ UST  ทั่วโลก เริ่มไม่มั่นใจต่อเหรียญ UST  แน่นอนว่า เหรียญ LUNA ที่ถูกนำมาตึงราคาก็เริ่มที่จะมีการเทขายอย่างหนัก เพราะไม่มั่นใจต่ออัลกอริทึมในการตึงราคา UST เมื่อตลาดเกิดความกลัวและไม่มั่นใจต่อ UST เก
 Crypto Scams  อาชญากรรมในวงการคริปโต ตอน2                มาต่อกันจากความเดิมตอนที่แล้วยังคงมีอีกหลายวิธีที่พวก scams ทั้งหลายใช้ในการหลอกล่อ หรือล่อลวงเทรดเดอร์ให้ตกหลุมพลาง ด้วยวิธีการที่ง่ายๆแต่ก็มีคนหลงเชื่อกันเยอะทีเดียว 3.Altcoins Pump and Dump                คือ การสร้างกระแสปั่นราคาเหรียญให้สูงขึ้นด้วยการซื้อเหรียญมาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก แล้วเอามาปล่อยในราคาสูงๆ เพื่อกวาดเอากำไรจากการขายกลับมา โดยทั่วไปแล้ว อัลท์คอยน์ (altcoin) หรือเหรียญทางเลือก จัดเป็นเหรียญที่มีมูลค่าไม่สูงและมีสภาพคล่องต่ำ เหล่าแฮกเกอร์มักเลือกหยิบเหรียญใหม่ๆ หรือไม่ได้เป็นที่นิยมเช่นนี้ขึ้นมาสร้างกระแสปั่นราคา เพราะไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อเหรียญมาเก็บไว้ ส่วนเหรียญบิตคอย์ยนั้น บอกเลยว่าน้อยมากที่แฮกเกอร์จะเลือกมาปั่นราคาเพราะต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อมาเก็บไว้เมื่อเทียบกับเหรียญทางเลือกอื่น                การปั่นกระแสราคาเหรียญในปัจจุบันมักจะเน้นไปการประโคมข่าว เพื่อเรียกแขกให้เข้ามาซื้อเหรียญที่ตัวเองปั่นกันมากๆ วิธีที่ใช้ก็คือบอกต่อข่าวลือในโลกโซเชียล สร้างปรากฏการณ์ FOMO ให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าห
Crypto Scams  อาชญากรรมในวงการคริปโต ตอน 1                 ต้องยอมรับว่าการเทรดคริปโตได้รับความสนใจและเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อย  เมื่อมีคนหันมาลงทุนกันมากเรื่อยๆ ก็เป็นแรงดึงดูดเหล่าอาชญากรไซเบอร์ ได้มากขึ้นอีกทาง  จากการอ้างอิงตามรายงานของวงการคริปโต พบว่า เมื่อตอนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เหล่าแฮกเกอร์ในแวดวงคริปโตฯ ได้ฟอกเงินไปทั้งหมด 432 ล้านดอลลาร์  โดยการฟอกเงินจำนวน 56% นั้นมาจากการแฮกบน DeFi ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่มากเมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมา และยังไม่รวมอาชญากรรมรูปแบบอื่นในกลุ่มคนเทรดคริปโตฯ ที่เจอกันอยู่เสมอ                วันนี้แอดเลยจะพามาทำความรู้จักอาชญากรรมไซเบอร์ในแวดวงคริปโตหรือ Crypto scams  ที่เหล่าแฮกเกอร์มักใช้กัน มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่แฮกเกอร์ใช้บ่อย และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีกมากในปีนี้ อือหืม ระวังๆตัวกันไว้ด้วยน๊าา  1. DeFi rug pulls                rug pull คือ กลวิธีการโกงรูปแบบหนึ่งที่พบได้มากบนระบบ DeFi โดยหลอกให้เอาเงินมาลงทุนไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล หรือ DEX (Decentralized Cryptocurrency Exchange) จากนั้นก็เอาเงินโอนออกไปจนหมด  โดยตรวจส
 Rug Pull กลโกงในโลกคริปโตที่เกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว                ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Cryptocurrency วงการคริบโต เริ่มเติบโตและใหญ่โตขึ้น มากขึ้นทุกวันๆ โดยการสร้างรูปแบบการลงทุนใหม่ๆขึ้นมาอยู่อย่างต่อเนื่อง การผลิตเหรียญใหม่ๆออกมา  ก็เพื่อเป็นการสร้างโอกาสที่ดีในการที่จะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเหรียญใหม่ๆที่ออกมานั้น มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน                และในการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ความเสี่ยงในการสูญเสีย และกับดักกลโกงนั้นมีอยู่มากทีเดียว ที่อาจจะทำให้เงินลงทุนทั้งหมดของเรามลายหายไปในอากาศ เพราะมีคนส่วนหนึ่งมองเห็นโอกาสช่องโหว่วตรงนี้  โดยการฉกฉวยโอกาสโกงจากการหาเงินได้ง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม จริยธรรมใดๆ ที่จะเป็นการทำร้ายนักลงทุนรายย่อยคนอื่นๆอย่างเช่น ที่เห็นเป็นข่าวใหญ่โต จากเหรียญคริปโตที่ตั้งชื่อตามซีรี่ดังเรื่องหนึ่ง แล้วก็หลบหนีหายไปในอากาศอย่างลอยนวล ทิ้งให้นักลงทุนเคว้งคว้าง และสูญเสียเงินจำนวนมาก                เกริ่นมาขนาดนี้แล้วหลายคนคงถึงบางอ้อแล้วแหละ ว่าแอดกำลังพูดถึงเหรียญตัวไหน นั่นแหละประเด็นที่เราควรจะมาทำความร
  DeFi = โลกของการเงิน ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคาร                โลกของเรากำลังเปลี่ยนไป ทั้งการดำรงชีวิต และการใช้ชีวิต เงินก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนแปลงใหม่ แถมยังมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นในโลกออนไลน์ ที่เรารู้จักกันดี ในชื่อ สกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency   แต่สกุลเงินดิจิทัลก็ยังไม่สามารถมาแทนค่าเงินปกติในชีวิตประจำวันได้  เพราะความผันผวนของราคาที่สูงมากๆ ทำให้มันน่าสนใจ แต่จับต้องไม่ได้ แต่มันสามารถสะสมและเพิ่มมูลค่าได้ ทำให้สกุลเงินดิจิทัล เป็นที่ต้องการของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลก และยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีของมันก็ได้ถูกต่อยอดเพิ่มไปอีกไปในหลายๆ วงการ เช่น Smart Contract หรือการระดมทุนแบบใหม่อย่าง ICO และล่าสุดเราก็ได้พบกับ Decentralized Finance (DeFi) ที่อาจจะมาพลิกโฉมโลกการเงินไปตลอดกาล มาดูกันว่า   (DeFi) คืออะไร แล้วส่งผลกับชีวิตของเราอย่างไรบ้าง Decentralized Finance (DeFi)                  คือระบบการเงินรูปแบบใหม่ ที่ให้เราทำธุรกรรมทางการเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอน จำนอง กู้ยืม การให้ดอกเบี้ย หรืออื่นๆ แบบที่ไม่ต้องมีตัวกลางอย่างสถาบันการเงินมารับรองแบบที่เราคุ้น
  NFT Games  ส่อง7 เกมส์ ยิ่งเล่นยิ่งได้เงิน                ณ เวลานี้ หากจะเอ่ยถึง ( Cryptocurrency)   คริปโตเคอเรนซี่ หรือ   (blockchain)   บล็อกเชน เรามักจะนึกไปถึงเหรียญบิทคอยท์ หรือเหรียญคริปโตประเภทต่างๆ ซึ่งต้องใช้เงินไปซื้อไปแลกมา เพื่อสร้างกำไร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน   แต่ ณ ตอนนี้ ได้มีนวัตรกรรมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น และหนึ่งในนั้นจะต้องมีสินทรัพย์ดิจิตอล NFT (Non Fungible Token)  บล็อกเชนที่เป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบันแต่......วงการนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สินทรัพย์ดิจิตอลเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งนวัตรกรรมใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งแอดจะมาเล่าให้ฟัง                หลังจาก NFT โด่งดังและเป็นที่นิยมอย่างมาก ทางผู้สร้างเหรียญคริปโตฯ และบล็อกเชนก็ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มขึ้น  โดยเข้าไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวงการเกมส์  จากการสร้างวิดีโอเกมส์ผ่านการเขียนโปรแกรมลงบนบล็อกเชน   ทำให้  NFT Games เป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มสายเกมส์ คอเกมส์ ทั้งหลาย ที่นอกจากจะเล่นเกมส์สนุกๆแล้ว ยังได้เงินอีกต่างหาก เรียกได้ว่า  NFT Games สามารถเล่นและสร้างรายได้ได้อีกทางหนึ่งด้วย (Play to e
  CryptoCurrency เหรียญไหนมาแรงบ้าง ต๊าซซ!! บิตคอยน์ (Bitcoin)                ใช้อักษรย่อว่า BTC เกิดปี 2009 โดยผู้สร้างชื่อ ‘ซาโตชิ นากาโมโต’   บิตคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลกและเป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในปัจจุบันบิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และมูลค่าของบิตคอยน์ที่หมุนเวียนในระบบกว่า 17 ล้านเหรียญที่ถูกขุดออกมาแล้ว (จากทั้งหมด 21 ล้าน) มีมูลค่าเกินครึ่งของมูลค่าตลาดคริปโทโลก อีเทอเรียม (Ethereum)                ใช้อักษรย่อว่า ETH เกิดปี 2013 โดยผู้สร้างชื่อ วีตาลิค บูเจริน  ความโดดเด่นของอีเทอเรียม คือเป็น Open Source ให้บุคคลอื่นเข้ามาร่วมพัฒนาระบบได้ จึงทำให้อีเทอเรียมทำงานได้หลากหลายกว่าบิตคอยน์โดยอีเทอเรียมสามารถเปิดใช้ระบบ Smart Contract สร้างเงื่อนไขการสั่งจ่ายได้ อาทิ จ่ายค่าบัตรเครดิตหรือค่าหอพัก เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด จ่ายค่ารถเช่าเพื่อปลดล็อกรถ โดยไม่ต้องจ้างคนเพื่อเฝ้ารถ   นอกจากนั้น ยังนิยมใช้ในการระดมทุนแบบดิจิทัลที่เรียกว่า ‘ICO’ หรือ Initial Coin Offering รวมถึงยังมีการรวมตัวกันของบริษัทใหญ่และสตาร์ทอัพทั่วโลก เพื่อ