กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Defi

บทความ

เชื่อได้ว่า ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในโลก Cryptocurrency ก็คงไม่พ้น ข่าว Terra UST และ LUNA ที่มีการเทขายอย่างหนักจน LUNA จาก 120$ ต่อ 1 เหรียญ LUNA ลดเหลือ 0.0004$ เหรียญ LUNA  วันนี้เราจะไปหาคำตอบกันว่าเกิดอะไรขึ้น !? โครงสร้างของ UST และ LUNA  😀 UST คือ Stablecoin (เหรียญcryptocurrency ที่มีค่าคงที่ เช่น 1 UST เท่ากับ 1$) ที่ทาง Terra  สร้างขึ้น แต่ UST นั้นไม่ถูกสร้างโดยเอาดอลลาร์สหรัฐมาตึงราคาใว้ แต่เป็นการใช้อัลกอริทึมมาในการจัดการ ซึ่งจะผูกกับเหรียญ  LUNA  โดยหลักการทำงานอัลกอริทึม UST 😀 เมื่อมีการฝากหรือลงทุนกับ UST  มากจนค่า UST  มีค่ามากกว่า 1 $ ระบบจะทำการปรับสมดุลให้ค่า UST มีค่า เท่ากัน 1$ โดยการแปลง LUNA  ให้กลางเป็น UST และเมื่อเหรียญ UST มีมากขึ้น ราคา UST ก็จะลดลง เท่ากับ 1$  และ LUNA  ถูกใช้ในการแปลงเป็น UST ทำให้ LUNA  นั้นน้อยลง คนมีความการเท่าเดิม เหรียญน้อยลง แน่นอนว่าราคา LUNAก็จะขึ้นตาม  UST มีค่าน้อยกว่า 1$  LUNA ก็ต้องผลิตเหรียญมากขึ้นเพื่อนำมาค้ำราคา USTให้กลับมาที่ 1 UST สรุปคือ  คนใช้ UST มากขึ้น   ราคาเหรียญ LUNA ก็จะขึ้นตาม เป็นเงาตามตัว                 
  สำหรับมือใหม่หลายคนที่จะเข้ามาวงการ คริปโต ก็อาจจะงง ว่า Stablecoin คืออะไร ซึ่งเราจะหาคำตอบไปพร้อมกัน และมัน เสถียรภาพ จริงใหม Stablecoin คืออะไร📢 สินทรัพดิจิตอล หรือ เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี รูปแบบหนึ่งที่จะมีสถานะคงที่ตลอดเวลา โดยใช้สินทรัพย์อื่นในการตรึงราคา ตัวอย่างเช่น ตรึงกับ เงินดอลล่า จึงทำให้ Stablecoin คล้ายกับ ‘เงิน’ เพราะรักษามูลค่า (store of value) เอาไว้ได้ ดังนั้น Stablecoin จึงถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงินมากขึ้นในปัจจุบัน 📢 ตัวอย่างเช่น USDT อ้างอิงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ ประเภทของ Stablecoin 💬 Fiat-collateralized😀 Stablecoin ที่มีมูลค่าอ้างอิงตาม เงิน Fiat เป็นรูปแบบที่น่าจะบพเจอมากที่สุด  Fiat-collateralized ที่มีเสถียรภาพมากที่สุด โดยการนำเงินหรือสกุลเงินต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะดอลลาร์ ยูโร หรือเงินบาทก็ได้ไปฝากไว้กับใครสักคน (ตัวกลาง) และคนกลางก็จะออกเหรียญออกมา ใน อัตราส่วน 1 ต่อ 1 โดยคนกลางที่ออกก็มักจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่  ธนาคาร เหรียญ Tether หรือ USDT  Commodity-collateralized😊 Stablecoin ที่มีมูลค่าอ้างอิงตาม สินค้าโภคภัณฑ์  ไม่ว่าจะทองคำ น้ำมัน ที่ดิน
จากตอนที่แล้วที่เราเล่าโครงสร้างและความสัมพันระหว่าง UST และ LUNA ไป วันนี้เราจะมาต่อกัน ว่าจุดเริ่มต้นของการเทขายครั้งใหญ๋ มาจากใหนกัน ด้วยความนิยม UST สูงมาก มีเม็ดเงินที่ฝากเข้ามาจำนวนมาก และการเติบโตของราคา LUNA มีทิศทางที่สดใส จนทำให้ หลายบริการใช้ UST เป็นตัวกลางในการชำระเงินมากขึ้น และทาง Terra ก็มีโปรเจคที่ไล่ซื้อเหรียญ bitcoin เพื่้อนำมาค้ำเหรียญ UST ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น  จุดเริ่มต้นของหายนะ 🔥 จุดเริ่มต้นนั้น มีนักวิเคาะห์หลายคนเห็นไปตรงกันว่า เกิดจากราคาบิตคอย มีการเทขายที่รุนแรงเกินไป แน่นอนว่า เหรียญที่ใหญ่ที่สุดอย่าง bitcoin ร่วง เหรียญอื่น ก็ลงตามเป็นธรรมดาแน่นอน ว่า LUNA ก็ร่วงตาม  ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกร่วมไปถึง เหรียญ UST ที่ใช้ bitcoin  และ LUNA ในการตึงราคา  หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีเงินก้อนหนึ่ง หลักร้อยล้านเหรียญเทขาย UST  ซึ่งเป็นการเทขายที่ทำให้ราคาคนที่ถือ UST  ทั่วโลก เริ่มไม่มั่นใจต่อเหรียญ UST  แน่นอนว่า เหรียญ LUNA ที่ถูกนำมาตึงราคาก็เริ่มที่จะมีการเทขายอย่างหนัก เพราะไม่มั่นใจต่ออัลกอริทึมในการตึงราคา UST เมื่อตลาดเกิดความกลัวและไม่มั่นใจต่อ UST เก
 Crypto Scams  อาชญากรรมในวงการคริปโต ตอน2                มาต่อกันจากความเดิมตอนที่แล้วยังคงมีอีกหลายวิธีที่พวก scams ทั้งหลายใช้ในการหลอกล่อ หรือล่อลวงเทรดเดอร์ให้ตกหลุมพลาง ด้วยวิธีการที่ง่ายๆแต่ก็มีคนหลงเชื่อกันเยอะทีเดียว 3.Altcoins Pump and Dump                คือ การสร้างกระแสปั่นราคาเหรียญให้สูงขึ้นด้วยการซื้อเหรียญมาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก แล้วเอามาปล่อยในราคาสูงๆ เพื่อกวาดเอากำไรจากการขายกลับมา โดยทั่วไปแล้ว อัลท์คอยน์ (altcoin) หรือเหรียญทางเลือก จัดเป็นเหรียญที่มีมูลค่าไม่สูงและมีสภาพคล่องต่ำ เหล่าแฮกเกอร์มักเลือกหยิบเหรียญใหม่ๆ หรือไม่ได้เป็นที่นิยมเช่นนี้ขึ้นมาสร้างกระแสปั่นราคา เพราะไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อเหรียญมาเก็บไว้ ส่วนเหรียญบิตคอย์ยนั้น บอกเลยว่าน้อยมากที่แฮกเกอร์จะเลือกมาปั่นราคาเพราะต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อมาเก็บไว้เมื่อเทียบกับเหรียญทางเลือกอื่น                การปั่นกระแสราคาเหรียญในปัจจุบันมักจะเน้นไปการประโคมข่าว เพื่อเรียกแขกให้เข้ามาซื้อเหรียญที่ตัวเองปั่นกันมากๆ วิธีที่ใช้ก็คือบอกต่อข่าวลือในโลกโซเชียล สร้างปรากฏการณ์ FOMO ให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าห
Crypto Scams  อาชญากรรมในวงการคริปโต ตอน 1                 ต้องยอมรับว่าการเทรดคริปโตได้รับความสนใจและเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อย  เมื่อมีคนหันมาลงทุนกันมากเรื่อยๆ ก็เป็นแรงดึงดูดเหล่าอาชญากรไซเบอร์ ได้มากขึ้นอีกทาง  จากการอ้างอิงตามรายงานของวงการคริปโต พบว่า เมื่อตอนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เหล่าแฮกเกอร์ในแวดวงคริปโตฯ ได้ฟอกเงินไปทั้งหมด 432 ล้านดอลลาร์  โดยการฟอกเงินจำนวน 56% นั้นมาจากการแฮกบน DeFi ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่มากเมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมา และยังไม่รวมอาชญากรรมรูปแบบอื่นในกลุ่มคนเทรดคริปโตฯ ที่เจอกันอยู่เสมอ                วันนี้แอดเลยจะพามาทำความรู้จักอาชญากรรมไซเบอร์ในแวดวงคริปโตหรือ Crypto scams  ที่เหล่าแฮกเกอร์มักใช้กัน มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่แฮกเกอร์ใช้บ่อย และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีกมากในปีนี้ อือหืม ระวังๆตัวกันไว้ด้วยน๊าา  1. DeFi rug pulls                rug pull คือ กลวิธีการโกงรูปแบบหนึ่งที่พบได้มากบนระบบ DeFi โดยหลอกให้เอาเงินมาลงทุนไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล หรือ DEX (Decentralized Cryptocurrency Exchange) จากนั้นก็เอาเงินโอนออกไปจนหมด  โดยตรวจส
  DeFi = โลกของการเงิน ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคาร                โลกของเรากำลังเปลี่ยนไป ทั้งการดำรงชีวิต และการใช้ชีวิต เงินก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนแปลงใหม่ แถมยังมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นในโลกออนไลน์ ที่เรารู้จักกันดี ในชื่อ สกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency   แต่สกุลเงินดิจิทัลก็ยังไม่สามารถมาแทนค่าเงินปกติในชีวิตประจำวันได้  เพราะความผันผวนของราคาที่สูงมากๆ ทำให้มันน่าสนใจ แต่จับต้องไม่ได้ แต่มันสามารถสะสมและเพิ่มมูลค่าได้ ทำให้สกุลเงินดิจิทัล เป็นที่ต้องการของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลก และยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีของมันก็ได้ถูกต่อยอดเพิ่มไปอีกไปในหลายๆ วงการ เช่น Smart Contract หรือการระดมทุนแบบใหม่อย่าง ICO และล่าสุดเราก็ได้พบกับ Decentralized Finance (DeFi) ที่อาจจะมาพลิกโฉมโลกการเงินไปตลอดกาล มาดูกันว่า   (DeFi) คืออะไร แล้วส่งผลกับชีวิตของเราอย่างไรบ้าง Decentralized Finance (DeFi)                  คือระบบการเงินรูปแบบใหม่ ที่ให้เราทำธุรกรรมทางการเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอน จำนอง กู้ยืม การให้ดอกเบี้ย หรืออื่นๆ แบบที่ไม่ต้องมีตัวกลางอย่างสถาบันการเงินมารับรองแบบที่เราคุ้น