รหัสสกุลเงิน ต่างๆ รหัสสกุลเงิน ( Currency Code) โดยทั่วไปแล้ว การย่อสกุลเงิน จะใช้มาตรฐาน ISO 4217 โดยใช้อักษรย่อ 3 ตัว อักษรย่อสองตัวแรกจะแทน รหัสประเทศ ( Country Codes) และอักษรตัวสุดท้ายจะมาจาก ชื่อของสกุลเงิน เช่น THB ซึ่งเป็นคำย่อของเงินบาทไทย มาจาก Thai (TH) และ Baht ส่วน USD ซึ่งเป็นคำย่อของดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มาจาก United States ( US ) และ Dollar เป็นต้น มาตรฐาน ISO 4217 นอกจากจะใช้กำหนดอักษรย่อสกุลเงินแล้ว ยังกำหนดอักษรย่อของโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน พัลลาเดียม และทองคำขาว รวมทั้งอักษรย่อบางอย่างทางด้านการเงินระหว่างประเทศด้วย | A| ADF Andorran Franc ADP Andorran Peseta AED United Arab Emirates Dirham AFA Afghanistan Afghani ALL Albanian Lek ANG Netherlands Antillian Guilder AON Angolan New Kwanza ARA Argentine Austral ARS Argentine Peso ATS Austrian Schilling ( มีการใช้เงิน Euro ด้วย) AUD Australian Dollar
- Home
- About
- _Blockdit Our
- _Tradingview Our
- หมวดหมู่
- _ความรู้ทั่วไป
- _การวิเคราะห์พื้นฐาน
- _จิตวิทยาการเทรด
- _แนวคิดการเทรด
- _เทรด forex ยังไงให้ยั่งยืน
- _บุคคลที่ประสบความสำเร็จ
- _เศรษฐกิจโลก
- _Special Post
- _ไอเดียทำเงิน
- ทฤษฎี
- _รูปแบบแท่งเทียน
- _ElliottWave
- _Fibonacci
- _Fundamental
- _Harmonic
- _Price Action
- เครื่องมือ
- _ระบบเทรด
- _Expert Advisor
- _Indicators
- Crypto
- _Bitcoin
- _NFT
- _DeFi
Buscar este blog
เรื่องราวที่น่าสนใจ
-
Author Trader Tan
ย้อนกลับไปในปี 1920-30s มีอัจฉริยะด้านการบัญชีคนหนึ่งชื่อ Ralph Nelson Elliott (ราฟ เนลสัน เอลเลียต) ได้ทำการวิเคราะห์วิจัยตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด กับข้อมูลบน 75 ปี ของ ตลาดหุ้น เขาพบว่า ตลาดหุ้นนั้น มีพฤติกรรมที่การเคลื่อนไหวของราคาที่ไร้รูปแบบ ซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนั้น ‼️ เมื่อเขาอายุ 66 ปี เขาได้หลักฐานสุดท้ายที่ทำให้มั่นใจในการค้นพบของเขา เข้าตีพิมพ์ทฤษฎีลงหนังสือ ชื่อ The Wave Principle . เขาบอกว่า ตลาดนั้นมีการเทรดเป็นลักษณะวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาก อารมณ์ของนักลงทุน ที่ส่งผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ กัน เช่น (ข่าวใน CNBC Bloomberg, ESPN ) หรือ ข่าวที่มีผลต่อจิตวิทยา ของนักลงทุน เวลานั้น ๆ อธิบายว่า การสวิงขึ้นลง↕️ ของทิศทางราคา สาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมทางจิตวิทยา ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เสมอ ๆ 👍 👍 👍 เขาเรียกการสวิงขึ้นลง ↕️ ของราคาในลักษณะนี้ว่า คลื่น หรือ Waves เขาเชื่อว่า ถ้าเราสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาที่เกิดซ้ำ ๆ ได้ ก็จะสามารถทำนาย ทิศทางราคาได้ ว่ามันจะไปทางไหน (หรือว่าไม่เคลื่อนไหว) ต่อไป 👏
-
Author Trader Tan
วันนี้มาดู การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มโดยใช้กราฟแท่งเทียน ถาม : ทำไมต้องศึกษารูปแบบพวกนี้ ตอบ : เพราะราคา มักจะมีรูปแบบเฉพาะตัว ที่มักจะมี รูปแบบของแท่งเทียน บอกให้เรารู้ว่า ราคาต่อไปจะเป็นอย่างไร สรุปคือ รูปแบบพวกนี้ มีการเก็บสถิติ ว่า มีการเกิดขึ้นบ่อยๆ และมีการเก็บสถิติต่อว่า เมื่อเกิดรูปแบบที่ว่าแล้ว ราคามันจะเป็นอย่างไรต่อไป กร๊าฟแทงเทียนโดยทั่วไปจะมี อยู่ 2 สี ที่ต่างกัน คือ เขียว กับ แดง (แต่ปรกติตัวโปรแกรมสามารถตั้งเป็นสีอะไรก็ได้) อย่างที่บอก กร๊าฟแทงเทียน 1 แทง คือการต่อสู้กันของพลังซื้อ กับพลังขาย หากกร๊าฟ นั้นเป็นสีแดง นั้นคือ ในแท่งนั้น พลังขายชนะ หาก เป็นสีเขียว นั้นคือ พลังซื้อชนะ ส่วนที่เป็นบริเวณไส้เทียน นั้นคือ จุดสูงสุด หรือสุดต่ำสุด ที่พลังทั้ง 2 สู้กัน แต่ถ้าหากว่ากร๊าฟแท่งเทียน ไม่มีตัว นั้นหมายถึง ราคาปิด กับราคาเปิด เป็นจุดเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ พลังซื้อ กับ พลังขาย มันมีพลังพอๆกัน ในช่วงแท่งเทียนนนั้น สำหรับเจ้าโดจิป้ายศพ ตามรูปข่างล่าง หากเกิดขึ้นที่ยอดของราคาหุ้น มันก็ตามความหมายเลย ต้องรีบขายซะ ........................... ทีนี้มาดูกร๊าฟแท่งเทียนร
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgxondq3wawnhG4rCIHwB7TjCCIj11LsmLBBhfRZ9mjqn_rN8G43TzSLBlcr04--Qlzgtm0vm_xGeET3ltYfKFIlCqnPy6UuGuQ9ehcTQu9HcA16o2nv0sjXRC4sWjEGB2NkFCZLo2_8j8MxAK6OWxzBNgcIF6x6ewKKRXn0qN8KHndAN2il-rc4RmSA/s16000/sp2%20(3).jpg)
-
Author will
หลังจากที่เราเขียน Balance / Imbalance ไปแล้ว วันนี้จะเจาะลึกถึงรูปแบบการเคลื่อนที่ของราคากัน โดย วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก กับ Rally Base Rally (RBR) และ Drop Base Drop (DBD) คืออะไร แนวทางการใช้งาน Rally / Base / Drop ก่อนที่จะไปรู้จักกับการคเคลือนที่รูปแบบ Rally Base Rally (RBR) และ Drop Base Drop (DBD) ต้องรู้ก่อนว่า แต่ลำคำนั้นหมายความยังไง 📊 Base หมายถึง การสร้างฐานราคานั่นเอง หรือ ช่วงเวลาที่ราคานั้น มีจำนวนคนซื้ออกับคนขาย เท่ากัน หรือ ภาษากราฟ ก็จะเรียกว่า Balance 📈 Rally การปรับตัวขึ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาหรือแนวโน้มของราคาสูงขึ้นอย่างชัดเจน เป็นการแสดงถึงแรงซื้อนั้นมีมากกว่า แรงขาย จนทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นรวดเร็ว 📉 Drop ก็หมายถึงปรับตัวลงราคาหรือแนวโน้มของราคาลดลง เป็นการแสดงถึงฝังขายมีมากกว่ากำลังซื้อ และลดลงรวดเร็ว Rally Base Rally (RBR)📈 ก็คือรูปแบบการวิ่งของราคาที่เคลื่อน ราคาขึ้น (Rally) และพักราคา (Base)สร้างโซนเป็นฐาน Demand ไว้ และขึ้นต่อ (Rally) Drop Base Drop(DBD)📉 ก็คือรูปแบบการปรับลดลงของราคา ที่เคลือนที่ ราคาลง (Drop) และพักราคา (
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIg3daUEP9qEqXuVwiDQzHJYW_Kfqm3Qon_s6nAoHfsaKmPD8_cawGqY7ymZ3NWi08N7sNYqVkOoEIi-k39G_rMtBs1j770qVRO-1lnChlQ1kF7XW3RxBtOkqLAKK9HIaYnz6n1HkiKILt/s16000/dow+theory.jpg)
-
Author FOREX FOR YOU
Dow Theory (ทฤษฎีดาว) หากคุณกำลังสนใจและอยากจะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดการเงินหรือตลาดหุ้น สิ่งหนึ่งที่คุณต้องเรียนรู้และให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ Dow Theory ทฤษฎีดาว เป็นทฤษฎีต้นแบบในการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค Technical กราฟราคาหุ้น ตลาดทองคำ ค่าเงิน ฯลฯ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีมากว่า 100ปีแล้ว โดยการนำตัวเลขดัชนีมาเขียนเป็นกราฟ ให้เห็นรูปแบบที่แสดงความสัมพันธ์ของราคาและปริมาณการซื้อขายกับแกนวันเวลา (Price Pattern) เพื่อที่จะสามารถคาดคะเนแนวโน้มได้ และยังเป็นต้นแบบในการต่อ ยอดพัฒนามาเป็นการนับคลื่นใน Elliott wave อีกด้วย ผู้ที่คิดค้น ทฤษฎีดาวนี้ มีชื่อว่า Charles Henry Dow เป็นนักข่าวสายตลาดหุ้นที่มักจะเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการมองแนวโน้มของตลาดไว้ในหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal (WSJ) ต่อมาภายหลังมีผู้สนใจแนวคิดดังกล่าว และได้รวบรวมไว้เป็นหลักทฤษฎี โดยมีหลักการสำคัญในการใช้ Technical เอาไว้ 6 ข้อ ทฤษฎี Dow แบ่งออกเป็น 6 หลักการสำคัญ คือ 1. ตลาดมีการเคลื่อนไหวหลักๆ อยู่ 3 รูปแบบ (The market has three movements) คือ - แนวโน้มโหญ่
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcjkKtqIdjBHfQQO43twt8jhSoQyqjRoMbmrCldXjt2mD5mcFGgwkzj1E-FnXmjt67Cv9_2ktAU7iZ3B4blJYxlX_uHuzx6VUSmn8gAcClEsKpJ7CZq3O3vvKLbstbALzgktrB2tFgaQk/s320/fVUI2fe.png)
-
Author Trader Tan
สวัสดีครับ....เพื่อนๆทุกท่านสัปดาห์นี้ ผมจะมานำเสนอรูปแบบการกลับตัวราคาของกราฟมาให้ศึกษา ซึ่งผมสรุปสั้นๆแบบรวบรัดและเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องเจาะลึกมาก(มันจะยากไป) บทความนี้เป็นแบบเวอร์ชั้นย่อส่วน ซึ่งเพื่อนๆแค่จดจำรูปแบบนี้ตามรูปต่างๆที่ผมเขียนไว้ แล้วก็ทำไปเข้าออร์เดอร์ตามรูปได้เลยครับ [vtab] Double Top Reversal กราฟรูปสองยอดถ้าปรากฎในตลาดขาขึ้นเราเรียก Double Top แสดงสัญญาณปลายตลาดกระทิง เตือนให้นักลงทุนระวังการเปลี่ยนทิศทางของตลาด ควรใช้ประกอบสัญญาณ Bearish Divergence ประกอบ บริเวณยอดที่สองมักมีปริมาณการซื้อขายลดลง แต่หากปรากฏในตลาดขาลง เราเรียก Double Bottom แสดงสัญญาณปลายตลาดหมี ส่งสัญญาณให้นักลงทุนเข้าซื้อ โดยยอดที่สองมักมีปริมาณกายซื้อขายเพิ่มขึ้น ควรใช้ร่วมกับสัญญาณ Bullish Diverence โดยเป้าหมายของการลงหรือขึ้น เท่ากับความยาวของเส้นคอ เมื่อวัดจากยอดที่สูงสุด ดูจากรูป Triple Top and Bottom กราฟรูปสามยอด (Triple Top and Bottom) เมื่อปรากฏที่ตลาดขาขึ้น เราเรียก Triple Top แสดงสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น และสัญญาณขาย โดยปริมาณการซื้อขายลดลงในยอดที่สองและสาม ในการสังเกตุให้
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDS7dZ0w372AkqfGqbRSJvH4-HE87cQmj4PIq7qzhs6rfEMOUOPBPAc3UItXKD4jkktNzG8aSH3PtfzK55MTr4CYem_oSdML8LzC0lwuWQbY0kDiLHUrEm0x6Fl89RapiiuyWnKHEBHUghYgh20b68vCg-8Ug--HX2fVYD-a3pg6zYMyRBEJ-BeY67mw/s16000/22%20(1).jpg)
-
Author will
เชื่อได้ว่าหลายคนก็น่าจะวิธีการเทรดและเริ่มที่จะมองกราฟเป็น วันนี้เราจะเจาะลึกโครงสร้างของราคา ทำไมราคาถึงขึ้นหรือราคาลง ร่วมไปถึง balance / imbalance คืออะไร เราจะไปหาคำตอบพร้อมๆกัน โครงสร้างของราคา 📉 📈 ราคาจะประกอบไปการ การเสนอซื้อกับเสนอขาย (bid /ask)หรือพูดเข้าใจง่ายๆ นั้นคือ คนซื้อกับคนขาย นั้นเอง โดยราคานั้นก็จะวิ่งตามอุปสงค์ กับ อุปทาน หรือแรงซื้อแรงขาย ฝั่งใหนมากกว่าราคาก็จะวิ่งไปทางนั้น ตัวอย่างเช่น ผลไม้ตามฤดูกาลราคาจะถูก เพราะว่า ผลไม้มีเยอะกว่า คนซื้อหรือความต้องการ ราคาเลยลดลง ทางกลับกัน ผลไม้นอกฤดูกาลผลไม้จะมีราคาแพง เพราะว่าของในตลาดมีน้อยกว่าความต้องการคนในตลาด ซึ่งแทบทุกตลาดก็ใช้โครงสร้างนี้ในการเคลื่อนของราคา balance / imbalance คืออะไร 📊 คือสภาวะของราคา โดย balance นั้นคือ อุปสงค์ กับ อุปทาน มีความเท่ากัน หรือเรียก สมดุล ทำให้ราคาราคาไม่วิ่งไปทางใหน ถ้าตีในกราฟ มันคือ กรอบ sideway ส่วน Imbalance คือ อุปสงค์ กับ อุปทาน ไม่เท่ากัน หากแรงซื้อมากกว่าราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ ถ้าแรงขายมากกว่า ราคาก็จะปรับลง หรือพูดภาษากราฟ คือ ราคาวิ่ง กับราคาพักนั้นเอง นี้คือพื
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwxf4voeefSPn7i4PeoG3mNw_wgeS8_f0FK5-1TCJWgd0zbCslkoYu0MywlpW3eN3R8EDzpIPAcBZgzq7H1rkcdngQyd3oTngW4wRQqDW5PbrWZS7yHWaUgcX5faF-YmtmnRlSXT_XQt4G/s16000/15+%25281%2529.jpg)
-
Author will
หากใครที่เทรด Forex มาสักระยะ และเกิดปัญหาในการเข้าตามเทรน เข้าแล้วติดดอย เข้าแล้วไม่ได้ราคาได้เปรียบ วันนที่เราทำความรูปแบบการของกราฟที่จะทำให้ราคามีโอกาสเข้าได้ที่ดีที่สุด นั้นคือ Swing-High Swing-Low ทำความรู้จักกับ Swing-High และ Swing-Low Swing-High คืออะไร? Swing-High คือ กราฟราคาที่เคลื่อนที่สูงสุด ภายหลังจากการเคลื่อนไหว ที่สูงแล้วก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะตกลงไป ต่ำกว่าเดิ ม การย้ายที่สูงขึ้นไปสู่ การสวิงสูงนั้น มักจะเป็นระดับที่สำคัญ และเทรดเดอร์ ที่เทรดด้วยการสวิง มักใช้ในการตามล่า หาการกลับตัวของกราฟราคา Swing-Low คืออะไร? Swing-สวิง Low มีแง่มุมเดียวกันกับการสวิง High แต่สลับด้านกัน ด้วยความที่กราฟราคาที่สวิง Low จะมีตำแหน่งการสวิงที่ต่ำกว่า สวิง Low ก่อนหน้า โดยจะการมีสวิงที่สูงขึ้น (ไม่สูงกว่าสวิงต่ำแรก) มาขั้นช่วงกลาง ก่อนสวิงต่ำกว่าอีกครั้ง เรียกว่า สวิง Low การเทรด สวิง High และ สวิง Low Swing-High โดยการเทรด Swing-High สิ่งสำคัญมาก นั้นคือ แนวรับ ราคาต้องลงมาที่แนวรับแนวต้าน แล้วมีการทดสอบแนวไม่ผ่าน และเกิดสัญญาณที่จะขึ้นต่อ หลังจากนั้นราคาก็หาจังหวะในการเข้า Buy
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHUN78eZg6jPiodCFzgUjy55G7uzjUUi45b1R_vmC-bU4QqcJoXQykAe3dSPSRbyJZpA7vGYxpIUYrWGLoT-b1WHs5b9Yza7girx0I4PjIa-mtfEu3wlk5ToucUeE18oinBnx3-yyYW5pB/s16000/harmonicc.jpg)
-
Author FOREX FOR YOU
harmonic pattern Harmonic pattern เป็นรูปแบบการเทรดกราฟ ที่นำเอา Fibonacci เข้ามาใช้ ควบคู่กับการนับเวฟ จาก elliott wave = abcd โดยเป็นการผสมผสานกัน เพื่อหา PRZ (Potential Reverse Zone) หรือ จุดกลับตัวในการเข้าทำกำไร โดยกลยุทธิ์นี้จะใช้ตัวเลข Fibonacci ที่ระดับราคาต่างกัน และพฤติกรรมราคาที่มีความเชื่อมโยงกับรูปแบบเรขาคณิตต่างๆ ในการคาดการณ์จุดที่ราคาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง (Price Turning Point) รูปแบบ harmonic pattern ตั้งชื่อตามชื่อของ Harold McKinley Gartley ผู้ที่คิดค้นทฤษฎีนี้ในรูปแบบ Gartley ขึ้นมาครั้งแรกในปี คศ. 1932 ซึ่งประกอบไปด้วย จุด 5 จุด คือ X ABCD และต่อมาก็มีคนอื่นๆ ที่คิดค้นรูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Scott Carney ผู้คิดค้น Crab, Bat, Shark ฯลฯ AB=CD คืออะไร ABCD คือรูปแบบหนึ่งของฮาร์โมนิคแพทเทิร์น (Harmonic Pattern) ABCD เป็นรูปแบบขั้นพื้นฐานของรูปแบบฮาร์มอนิกชนิดอื่นๆ ประกอบด้วยการแกว่งของราคา 3 ครั้ง จาก AB และ CD เรียกว่า “ขา” ในขณะที่เส้น BC เรียกว่า การย้อนก
-
Author Trader Tan
Fail Fibonacci เราคงรู้จักการ Breakout ที่เกิดกับแนวรับแนวต้านกันดีอยู่แล้ว และเช่นเดียวกันในการใช้ Fibonacci ก็สามารถเกิด Breakout ได้เหมือนกัน ในภาพคือ กราฟ GBP/USD ใน TF 4 ชั่วโมง ซึ่งราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง และราคามีการดีดตัวกลับขึ้นมา เราจึงใช้ Fibonacci มาเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยในการหาจุดเข้าเปิดออเดอร์ใหม่ว่าจุดไหนจะเป็นจุดที่ดีที่สุด เราลาก Fibonacci จากสวิงไฮที่ 1.5383 ถึงสวิงโลว์ที่ระดับ 1.4799 สังเกตได้ว่าราคาวิ่งหยุด และไต่อยู่ที่ระดับ 50.0% ขอ Fibonacci และนี่ก็คือ ระดับที่เราน่าจะถือโอกาสเปิดออเดอร์เซล แต่ถ้าคุณไม่ได้เปิดออเดอร์ในจังหวะนี้ คุณก็อาจจะตกรถได้ แต่เดียวก่อน นอกจากนั้นคุณก็ต้องอย่าลืมเรื่องการจัดการกับความเสี่ยงด้วย เพราะบัญชีของคุณอาจจะเจอกับสภาวะการที่เลวร้ายได้หากว่าคุณไม่ได้มีการจัดการกับความเสี่ยง ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ การกลับตัวในสวิงโลว์จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง และตลาดเริ่มที่จะดีดตัวกลับไปหาสวิงไฮ และจากกรณีแบบนี้สอนอะไรเราได้บ้าง ? ในขณะที่ Fibonacci Level ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดได้มากขึ้น แต่ก็เช่นเดียวกับเครื่องมือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น