กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ จิตวิทยาการเทรด

บทความ

9 things traders need to have 9 อย่างที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องมี                สมัยนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่เทรดเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์หน้าใหม่และเทรดเดอร์หน้าเก่าสิ่งหนึ่งที่เรา ชาวเทรดเดอร์จำเป็นต้องมี ประหนึ่งว่าเป็นอาวุธคู่กายเอาไว้กันตาย และพาเราไปสู่เส้นชัยนั่นแหละ วันนี้แอดจะมาแนะนำ 10 สิ่ง ที่เราชาวเทรดเดอร์จำเป็นต้องมี 1. ความรู้                 ของมันแน่อยู่แล้ว ถ้าริเริ่มและอยากเป็นเทรดเดอร์เหมือนคนอื่นๆก็ต้องเริ่มศึกษาหาความรู้นะ เพราะความรู้ทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้พื้นฐานในการเทรด ข่าวสารบ้านเมือง เศรษฐกิจ สิ่งพวกนี้จำเป็นต้องรู้ด้วยนะ วันละนิดก็ยังดี 2.การแบ่งเงินลงทุนที่ชัดเจน                หลายๆคนพร้อมมากกับการเทรด แต่เงินทุนดันไม่พร้อม หรือ บางคนทุนก็พร้อมมาก แต่ดันไม่มีการวางแผนนี่สิ เราต้องแบ่งเงินลงทุนให้ชัดเจนนะ กำไรที่จะได้ กี่เปอร์เซนต์ เงินที่เทรดเสีย เสียได้กี่เปอร์เซ๋นต์ เงินสำรองมีมั้ย อันนี้ต้องหยุดคิดนิดนึงนะ ก่อนจะเอาเงินก้อนนี้ไปวางเดิมพัน เตือนแล้วนะ 3. เวลา                 ข้อนี้จัดว่าสำคัญไม่แพ้เงินทุน หากคิดที่จะเดินทางสายเทร
Trading Diary  บางคนก็เรียก Trading Journal เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเทรดเดอร์ และมืออาชีพส่วนใหญ่ก็จดบันทึก หรือหาทางการการเป็นมืออาชีพของการเทรด   Trading Diary  จดไปเพื่ออะไร 😀 เหตุผลการจดบันทึกของการเทรดนั้นมีหลายเหตุผลที่จำเป็นต่อการเทรด ถ้าเราอยากเทรดให้เก่งขึ้น การจด Trading Diary ก็แทบจะเป็นสิ่งขาดไม่ได้เลย โดยเหตุผลของการจด Trading Diary หลักๆ นั้นมีดังนี้ 1.เพราะสมองเรามีความจำที่จำกัด   😀    สมองของเราออกแบบมาเพื่อจำและลบความจำของเราทุกวัน โดยที่มักจะลบนั้นคือเหตุการ์ณที่ไม่สำคัญ ตัวอยากเช่น คุณสามารถจำได้ใหมว่า เมือ 12 วันที่ ตอนเย็น คุณกินข้าวกับอะไร แน่นอนว่า จำไม่ได้แน่นอน และสมองของเรานั้นก็จะรับข้อมูลใหม่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่การเทรดนั้น เราก็จะลืมออเดอรที่เข้าไป เพระาว่าเราเข้าออเดอร์ไม่ใช้ออเดอร์เดียว ฉนั้นการจดนั้นจึงมีความสำคัญมาก  เพราะนั้นคือสิ่งที่จำทำให้เรานั้น เทรดได้ดีขึ้น ก็เพราะสมองเรานั้นมีจำกัดมาก ไม่สามารถที่จะจำเหตุการ์ตการเทรดได้หมด แน่นอนการลืมนั้นก็จะเป็นเรื่องปกติ และการจดบันทึกนั้นก็จะยิ่งช่วยทำให้เราเห็นจุดผิดพลาดในการเทรด เพื่อที่จะใช้ในการพัฒ
7 Habits of Successful Traders 7 นิสัยของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ                 หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จในการเทรด แต่ยังไม่รู้ว่าวันไหน วันใด วันหนึ่ง จะถึงเป้าหมายสักที วันนี้แอดมีเคล็ดลับมาบอก เกี่ยวกับนิสัยของเทรดเดอร์ระดับโลกที่เขามักจะทำกันบ่อยๆ และเขาก็ประสบความสำเร็จกันเยอะแยะเลย                แน่นอนว่า ใครๆก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิต และการเลียนแบบหรือทำตามที่นักเทรดระดับโลกเขาทำกัน ก็ย่อมส่งผลให้เราเทรดได้ดีขึ้น และอาจประสบความสำเร็จตามเขาบ้างก็ได้ ต้องมาลองดูกันหน่อยแล้วละว่า นิสัยแบบไหนที่เขาชอบทำ แล้วทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ มาดูกัน 1.มีความรับผิดชอบสูงในตัวเองแบบสมบูรณ์                 การมีความรับผิดชอบในตัวเองแบบสมบูรณ์คือ การยอมรับในการเทรดของตัวเอง และรับรู้ได้ว่าการเทรดนั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เมือเทรดเสีย ผิดพลาด ผิดทาง จะต้องไม่มีการกล่าวโทษคนอื่น โทษกราฟ โทษตลาด หรือโทษใคร เพราะเทรดเดอร์มือออาชีพ จะไม่พยายามแก้ตัว มีแต่จะหาทางแก้ไข    2.มีระบบที่เหมาะกับตนเอง                เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่ มักจะมีระบบการเทรดเป็นของตัวเอง บ
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรดก็มักจะประสบความล้มเหลวจากการขาดทุนในเทรดจนทำให้อยากที่จะล้มเลิกการเทรดหรือมีภาวะท้อแท้หรือ เครียด  วันนี้เราจะแนะนำ Mindset สำคัญเพื่อ ดึงเรากลับมาจากความล้มเหลว ว่ามีอะไรบ้าง 😀Mindset สำคัญเพื่อ ดึงเรากลับมาจากความล้มเหลว 1.ยอมรับความพว่ายแพ้ เป็นเรื่องปกติ 😁 การแพ้ชนะหรือความล้มเหลว มันคือเรื่องปกติมากๆ คนที่สำเร็จแทบจะทุกคนก็เคยผ่านจุดล้มเหลวกันมาทั้งนั้นและทุกความสำเร็จก็ต้องมีความล้มเหลมมาเป็นส่วนประกอบเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ทอมัส เอดิสัน ทดสอบสร้างหลอดไฟดวงแรกของโลกก็ผ่านการล้มเหลวนับหมื่นครั้ง กว่าเราจะได้หลอดไฟดวงแรก ฉนั้นการล้มเหลมคือเรื่องปกติ ทุกคนต้องเคยผ่าน  2.จริงๆ น่ะหรอ?❓ ช่วงเวลาที่ล้มเหลว ก็มักจะโทษตัวเองว่า เราอาจไม่เก่ง เราทำไม่ได้ 1 คำที่จะทำให้เรามีสติกลับมา นั้นคือการต่อคำว่า จริงๆ น่ะหรอ? หลังคำที่คิดว่าเป็นลบกับเรา เช่น ทำไม่ได้จริงๆ นะหรอ ? 3.คุยกับตัวเอง😀 ฟังดูแล้วเหมือน คนบ้า แต่การคุยกับเองนั้นมันคือวิธีการของคนที่สำเร็จมากมายใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิต สิ่งที่จะได้แน่ นั้นคือ สติเราจะกลับมาและเราจะเห็นข้อผิดพลาดของเรา  4.ความสำเร็จในคว
   Salary Or Extra Income เทรดเลี้ยงชีพ หรือ เทรดแค่เป็นรายได้เสริมดี 👉 ในยุคสมัยที่คนออกแบบชีวิตตัวเองได้เอง หาเงินง่าย ซื้อง่าย ขายคล่องกันแบบนี้ เทรดเดอร์ก็ดูจะเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคน แต่ทุกเส้นทางมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปเราต้องมาชั่งน้ำหนักกันก่อน 👉 และหากใครที่กำลังลังเลอยู่ ว่าจะออกมาเทรดเป็นอาชีพหลักดี หรือแค่เทรดขำๆ แค่เป็นรายได้เสริมลองมาอ่านบทความนี้ดูก่อน อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นว่า จะจัดการกับกับความว้าวุ่นในใจคุณได้แบบไหนกันบ้าง 1.) อาการเบื่อคน  👉 เชื่อเถอะว่าเหตุผลข้อนี้จะเป็นเหตุผลอันดับต้นๆเลย ที่ทำให้คนเราอยากออกจากงานประจำ เพราะเบื่อที่ต้องมาเล่นสงครามประสาทกับเพื่อนร่วมงาน ไหนจะโดนเอาเปรียบอีก ไหนเจ้านายไม่เห็นคุณค่าอีก บลา บลา  ฯลฯ และคนเหล่านี้ก็ไปหาทางออกจากการเป็นเทรดเดอร์หนะสิ หลายคนเชื่อว่าการเทรดหุ้นจะสามารถสร้างรายได้ได้ โดยที่ไม่ต้องไปง้อใคร   ข้อนี้มักจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม เพื่อนน้อยครับ หากคุณชอบอยู่คนเดียว แล้วต้องการมีรายได้ตลอดเวลา ก็เข้าข่ายที่ควรจะเริ่มอะไรใหม่ๆ แต่หากเพียงแค่หนีปัญหา แต่เดี๋ยวก็กลับไป
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรดไม่ว่าจะตลอดใหนก็ใช้แท่งเทียนในการซื้อขายหรือวิเคาะห์ราคาก็จะต้องเจอหรือ ศึกษา เกียวกับ PriceAction หรือรูปแบบแท่งเทียน ซึ่ง PriceAction แรกที่เราจะนำเสนอนั้นคือ doji แท่งเทียนแห่งความลังเล  Doji  ความลังเลในตลาด 📊 Doji คือแท่งเทียนที่มีระดับราคา เปิดแท่งเทียนและปิดแท่งเทียน คือราคาเดียวกัน เป็นการบอกกับตลาดว่า เกิด ความลังเลในตลาด  โดย  Doji  นั้นก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะแตกต่างกันตรงที่หางของแท่งเทียน โดยมีรูปแบบ ดังนี้  1.  Basic Doji👈 Doji (โดจิ) แบบทั่วๆไปแหละครับ High Low Open Close ไม่ได้ห่างกันมากนัก มองไกลๆดูเหมือนเครื่องหมายบวก Doji (โดจิ) ประเภทนี้ถ้าไม่เกิดที่แนวรับแนวต้าน ก็จะดูไม่ค่อยมีความหมายอะไรนัก เป็นแท่งไม่ค่อยนมีแรงซื้อขายมากหนัก จะเจอบ่อยเวลาตลอดเปิดตอนเช้า หรือ timeframe เล็ก  2.Long Legged Doji 👈 รูปแบบจะเหมือนกับ  Basic Doji แต่ต่างกันที่หางจะยาวมากๆ ซึ่งเป็นการต้อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายที่เท่ากัน และ สุดท้ายไม่มีใครชนะ เลยกลับมาปิดที่เดิม ซึ่งเป็นรูปแบบที่แสดงถึงการสู้กันหากเกิดบริเวณแนวรับแนวต้านก็จะมีนัยยะในการกลับตัวเก
   แนวคิดการเทรดของ Ed Seykota EP.2 👉 Ed เริ่มเข้าสู่อาชีพเทรดการเทรดแบบเต็มตัวในปี 1970 ในบริษัทโบรคเกอร์หุ้นเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่ง ในบริษัทนี้ Ed ได้พัฒนาระบบเทรดระบบแรกของเขาสำหรับเทรดในตลาด Futures เขาได้ไปที่บริษัท IBM 360/65 และทดสอบระบบเทรดของเขากับคอมพิวเตอร์ เขาใช้ภาษา FORTRAN 4 ในการทดสอบและการทดสอบประมาณ 50 ค่า Parameter ในตลาดโภคภัณฑ์ทดสอบย้อนหลังไปเป็น 10 ปี เขาต้องใช้เวลาทดสอบกว่า 6 เดือน  ภายใต้เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นที่มีความล้าหลังมากเมื่อเทียบกับสมัยนี้ และนั่น!!!! จึงเป็นที่มาของคำว่า บิดาแห่ง System Trader ผู้ซึ่งพัฒนาระบบการซื้อขายบนคอมพิวเตอร์ 👉   Ed ลาออกจากที่ทำงานเดิม เนื่องจากปัญหาที่ไม่ร่องรอยกันกับหัวหน้าของเขา ดังนั้น    Ed Seykota ในวัย 23 ปี  จึงได้ออกมาเทรดด้วยเงินของตัวเอง ประมาณ 10,000 – 25,000 เหรียญ และในช่วงกลางปี 1988 เขาก็ได้เปิดให้คนอื่นร่วมลงทุนด้วย  ซึ่งสร้างผลตอบแทนกว่า 250,000 % หรือ 2500 เท่า   ในเวลา 12 ปี  เชียวหละ  นั่นยิ่งตอกย้ำให้เราได้รู้ว่า ระบบเทรดของเขาเทพจริงๆ   ระบบการเทรดของ Ed Seykota                 ระบบการเทรดของเขา เป็นก
วันนี้เราจะนำเสนอ  อินดิเคเตอร์ยอดนิยม อีกตัวหนึ่งนั้นคือ Commodity Channel Index (CCI) ที่มีความสามารถหลากหลาย งั้นเราไปทำความรู้กจัก Commodity Channel Index (CCI)  ไปพร้อมกัน  Commodity Channel Indexหรือ CCI คืออะไร😱 Commodity Channel Indexหรือ CCI   คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ประเมินทิศทาง และ ความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาในปัจจุบันเทียบกับราคาเฉลี่ยในอดีต  ถูกคิดค้นโดย Donald Lambert โดย  Commodity Channel Index จะบอกความผันผวนของดัชนี มีค่าอยู่ระหว่าง +100 และ -100 อธิบายอย่างง่ายคือ เมื่อ indicator มีค่าสูงกว่า +100 จะบ่งบอกถึงภาวะ Overbought และ ดัชนีมีค่าต่ำกว่า -100, จะบ่งบอกถึงภาวะ Oversold แต่นิยมนำ Commodity Channel Index นำมาวิเคราะห์ทิศทางของกราฟ ในรูปแบบ Bullish divergence และ Bearish divergence  สูตรที่มา CCI = (Typical Price – 20-period SMA of TP) / (0.015 x Mean Deviation) Typical Price = (High + Low + Close) / 3 Constant = 0.015 แนวทางการใช้งาน  1 . Overbought / Oversold👍   CCI มีค่ามากกว่า 100 หมายความว่าราคาอยู่ในภาวะ Overbought CCI มีค่าน้อยกว่า 100 หมายความว่
แนวคิดการเทรดของ  Ed Seykota EP.1 👉 วิธีการเทรดที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ระบบการเทรดหรือแนวคิดการเทรดจากเทรดเดอร์ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่ง Ed Seykota ก็เป็นหนึ่งในนั้น มาวันนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักกับเทรดเดอร์ผู้ที่ประสบความเร็จในการเทรดกัน  👉 Ed Seykota หรือชื่อเต็ม Edward Arthur Seykota เกิดปี 1946 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ย้ายมาอยู่สหรัฐตั้งแต่ยังเด็ก  โดยมีคุณพ่อของเขาเอง เป็นอาจาร์ยคนแรก เพราะ พ่อของ Edเป็นนักเทรดหุ้น 👉 โดยเขาเริ่มศึกษาหุ้นตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และมีอุปกรณ์เป็นวิทยุเก่า ๆ  เครื่อง Oscilloscopes เพื่อทำการทดลอง เพราะ Ed ชอบสร้างรูปแบบของคลื่น ซึ่งอีก 4 ปีให้หลังพ่อของ Ed ก็ได้แสดงให้เขาเห็นถึงการซื้อหุ้น วิธีการซื้อหุ้น โดยเขาได้อธิบายว่า เขาควรจะซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นมันทะลุกล่องด้านบน และควร Sell เมื่อราคาหุ้นทะลุกล่องด้านล่าง ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเทรดของ Ed Seykota 👉 Ed เริ่มเรียนจบ และเริ่มสนใจระบบเทรดของ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคท่านหนึ่งชื่อ Richard Donchian   จากการอ่านหนังสือของเขา ระบบนี้เป็นระบบที่แสนจะธรรมดามาก  ระหว่างเส้น MA 5 และเส้น MA 20 โดยใช้
  นอกจากรูปแบบแท่งเทียนแล้ว ในโลกเราก็รูปแบบกราฟ หลายรูปแบบ และวันนี้เราจะมีอีกรูปแบกราฟที่นิยมใช้ต่างประเทศ นั้นคือ Point and figure (P&F) กราฟที่ไม่สนเวลา ซึ่งเราจะทำความรู้มันไปพร้อมกันๆ  Point and figure คืออะไร ? Point and figure หรือในชื่อย่อ P&F เป็นรูปแบบกราฟ ที่แสดงการเคลือนที่ของราคา โดยไม่ได้สนใจเวลาเหมือนกับแท่งเทียน เพื่อให้ราคานั้นมีแนวโน้มที่ชัดเจนและง่าย  Point and figure นั้นจะไม่ได้ใช้รูปแบบแท่งเทียนมากำหนดราคาขึ้นหรือลง แต่ใช้เครื่อง x กับ o ในการแสดงผล โดย.... ตัวอักษร X บนกราฟ  แสดงถึงการปรับตัวขึ้นของราคา 📈 ตัวอักษร O แสดงถึงการปรับตัวลงของราคา📉 โดยเราจะเรียก 1 ตัวอักษรที่แสดงบนกราฟ ว่า box โดยเราสามารถกำหนด ขนาดของ  box (box size) เช่น กราฟ box size = 10 จุด นั่นหมายความว่า ในหนึ่ง box ของ X และ O ช่วงการแกว่งตัวคือ 10 จุด  ยกตัวอย่าง X ในช่วงราคา 1560 ก็จะแสดงการขึ้นของราคาช่วง 1560-1564.99  ส่วนแถว X ล่าสุด (ขวาสุด) แสดงถึง X ถึง 5 ช่อง ก็แสดงถึงการขึ้นของราคาช่วง 1560 -1584.99 ส่วนในการเริ่มต้นแถวใหม่ จากแถว X เป็น O หรือจากแถว O เป็น X) เราจะพิจารณา
การพักผ่อนนั้นคือสิ่งที่สำคัญมกสำหรับเราทุกคน ขนาดตลาดเองก็มีช่วงเวลาที่พักเพื่อปรับฐานของราคา เราเป็นนักเทรด ก็ควรมีช่วงเวลาที่พักผ่อน วันนี้จะพูดถึงเรื่องการพักผ่อนกัน  ทำไมต้องมีการพักผ่อนจากการเทรด 😀 การเทรดนั้นเป็นอาชีพที่ใช้ความคิดและสมาธิค่อนข้างสูง แน่นอน พอเวลาผ่านไปยิ่งนาน สมาธิและสมองเราที่ใช้งานอย่างต่อเนื่องก็เริ่มที่จะเกิดอาการล้าและทำงานได้แย่ลง และนั้นก็อาจจะทำให้เรานั้น มีการตัดสินใจที่ผิดพลาด และ มีมีโอกาศที่จะมีอารมเข้ามาเกียวข้อง  ฉนั้นการพักนั้นเป็นเหมือนการให้สมองและร่างกายของเราได้ฟืนฟู เพื่อที่จะได้กลับมาพร้อมอกีครั้งสำหรับการเทรด  ประโยชน์ของการพักผ่อนจากการเทรด 😀 1.ได้พักสมองและความคิดเกี่ยวกับกราฟ  2.ลดโอกาศขายหมู เพราะว่า มองจอน้อยลง อารมที่เข้าไปเกียวข้องก็น้อยลง  3.ลดความเคียดวิตกกังวลได้จากการมองกราฟนานๆ 4.ทำให้มีโอกาศทำตามระบบได้ดีมากขึ้น  แนวทางการพักผ่อนจากการเทรด 😀 ควรเป็นกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำความสบายใจเบาสมอง และไม่ควรมีกราฟหรืออะไรก็ตามเกียวกับกราฟเข้ามาเกียวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง ดูหนัง นอน หรือกินของว่าง สิ่งพวกนนี้จะทำให้ร่างการเรานั้นได้ผ่
5 Trading Mistake 5 สิ่งที่นักลงทุนมักผิดพลาดในการเทรด                สิ่งที่บั่นทอนจิตใจของนักลงทุนในตลาด ไม่ว่าจะในหุ้นหรือในตลาดการเงิน สิ่งที่เหมือนๆกันนี้ก็คือความผิดพลาดและการขาดทุน หลายคนรู้ตัวดีว่าข้อผิดพลาดอยู่ตรงไหน แต่ในอีกหลายๆคนนั้นแทบจะไม่รู้ตัวเลย มารู้ตัวอีกทีคือตอนที่สูญเสียไปมากมาย และผิดพลาดไปก็หลายครั้งหลายที แต่ก็ไม่เอ๊ะสักที                 วันนี้แอดจะมาไกด์ไลน์ ให้นักลุนทั้งหลายฝึกการสังเกตุตัวเองดู ว่าสิ่งไหนที่เราพลาด หรือลืมคิดไปบ้างแล้วมันทำให้เราต้องขาดทุน หรือพาไปสู่ความหายนะกันบ้าง มาตามมาอ่านกัน              1. เพราะราคาสูงเลยยังไม่เข้า    อันนี้ส่วนใหญ่เทรดเดอร์เป็นกันทุกคน และเป็นกันเยอะด้วย เพราะส่วนลึกๆในจิตใจบอกว่า อาจจะดอยถ้าเข้าสูงเกินไป  วิธีแก้นั้นไม่ยาก อย่าไปโฟกัสที่ราคา ให้ดูภาพรวมว่ามันสามารถขึ้นไปได้อีกจริงหรือไม่ ถ้าใช่ก็เข้าเลย ไม่ต้องกลัว โดยมี MM เป็นตัวยืนพื้นฐานในการทำกำไรแค่นี้ก็พอแล้ว จริงๆ             2. ไม่ยอมทำตามแผนที่วางไว้   อันนี้ก็เป็นกันเยอะ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเราเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองนั่นเอง ทำให้เกิดความกลัว แผนท
การเตรียมความพร้อมก่อนเทรดนั้นคือเรื่องที่สำคัญมากๆในการเทรด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม  วันนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเทรดกัน  ทำไมต้องเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนเทรด💬 แน่นอนว่าการเทรดนั้นก็เหมือนกันงานทั่วไปที่ต้องการสมาธิและสติที่สูง หากร่างงกายไม่พร้อมในการเทรด ก็จะทำให้การเทรดของเรานั้นแย่ลง รวมไปถึงการตัดสินใจต่างๆ  คนส่วนใหญ่ที่เทรดนั้นก็ไม่ได้เทรดเต็มเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาเทรดหลังเลิกงาน ตอนกลางวันทำงานมาได้ความกดดันหรือความเครียดมา แล้วมาเทรดเลยนนั้นก็อาจจะทำให้รางกายนั้นเหนื่อล้าจากการทำให้และทำให้การตัดสินใจนั้นแย่ลง  เตรียมความพร้อมร่างกายก่อนเทรด💭 1.การอาบน้ำ นั้นช่วยได้มาก ที่จพทำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าและความไม่สบายตัวนั้นหายไป ทำให้ร่างพร้อมสำหรับการเทรด  2.แวดล้อมการเทรด การที่มีแวดล้อมที่หมาะสมในการเทรด เช่นไฟสว่างเพื่อลดการทำงานหนักของตา หรือ ห้องที่เงียบ แอร่เย็น ก็จะช่วยให้เราโฟกัสกับกราฟได้ดีขึ้น  3.การนั่งสมาธิ ก็จะทำให้เรานั้นโฟกัสกับกราฟและระบบการเทรดมากขึ้น  4.ไม่สบายไม่เทรด หากคุณรู้สึกไม่สบาย ควรหยุดพัก เพราะว่าร่างกายไม่พร้อม จะทำให้ยิ่
 Stage of Trader   คุณอยู่ในระยะไหนของการเป็นเทรดเดอร์  EP.2             มาต่อจากบทความที่แล้วกัน ในเรื่องการมองหาระยะการเป็นเทรดเดอร์ของตัวเอง มาลองสังเกตุกันดูว่า เราอยู่จุดไหน อยู่ระยะที่เท่าไหร่ ของการก้าวขึ้นสู่การเป็นเทรดเดอร์ ระยะที่ 4 สับสน                ระยะนี้เราจะเริ่มสับสนในตัวเองแล้ว ว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้  สิ่งหนึ่งเป็นเพราะระยะนี้ เป็นระยะที่ผู้คน มักจะออกตามหาตำราพิชัยสงคราม มองหาจอกศักดิ์สิทธิหรือตำรามหาเทพ ว่าเล่มไหนดีที่สุด  เพราะยังหาไม่เจอ นั่นก็เพราะคุณเริ่มที่จะมีอาจาร์ยมากมาย  เริ่มหาระบบเทรดเทพๆจากการไปลงคอร์สเรียนทั้งแบบแอดว๊านซ์และแบบขั้นเทพให้รู้ลึก รู้จริง เผื่อว่าสักวันเราจะเจอขุมทรัพย์เข้าสักวัน และจากสิ่งนี้เอง ทำให้ทุกแนวทางการเทรดของมหาเทพทั้งหลาย อีรุงตุงนังอยู่ในหัวของคุณ ก็เพราะข้อมูลมันมากเกินไป เลยทำให้ยากต่อการตัดสินใจ เมื่อตัดสินใจไม่ได้ ก็ต้องหาที่พึ่งใหม่ ขอคำปรึกษาเพิ่มอีกมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะนี้จึงเป็นระยะที่ยากที่สุดของการเป็นเทรดเดอร์  เพราะเกิดความกลัวและความไม่มั่นใจ ที่เรียกว่า scared money คือ เป็นการเทรดด้วยความกลัว แล้วถ้ายิ่งปราศ
  ความเสียใจของการเทรดนั้นหลักก็แบ่งได้ 2 รูปแบบ นั้นคือเสียใจที่ ‘ทำ’  ทำมัยถึงซื้อราคานี้ เรียกว่า Regretful Action และเสียใจที่ไม่ได้ทำ เสียใจที่ ‘ไม่ได้ทำ’ ทำมัยเราถึงไม่ขาย ปล่อยให้ดอยทำมัย เราเรียกกว่า Regretful Inaction  ซึ่งวันนี้เราจะมาความรู้กจัก 2 คำนี้ไปพร้อมกันๆ และ แนวทางการรับมือ  Regretful Action ในการเทรด 😢 คือรูปแบบที่เรากระทำไปโดยใช้อารมมากกว่าเหตุผล หรือนอกแผนการที่วางใว้ แล้วผลลัพท์มันออกมาแย่ จึงเกิดอารมเสียใจที่เราทำไปโดยที่ไม่ได้ว่างแผนให้ดีกว่านี้  หรือแม้การเข้าออเดอร์ซื้อขายแล้วติดลบหรือติดดอย นี้ก็นับเป็น  Regretful Action Regretful Inaction ในการเทรด  😭 อารมเดียวข้างบน แต่เลือกที่จะไม่ทำ โดยส่วนใหญ่ ก็มาพร้อมกับความหวังและความโลภเข้ามาครอบงำไม่ให้เราทำใตามแผน เช่น ไม่ยอมขาดทุนเพราะหวังว่าราคาจะขึ้นไปอีก จะกลับมาบวกได้ หรือ ราคาถึงเป้าหมายที่จะปิดกำไรแล้ว แต่ในใจยังเชื่อว่ายังขึ้นต่อ แต่ราคากลับลง ก็เสียใจทำมัยเราถึงไม่ขายไปนะๆ  Regretful Action vs Regretful Inaction 😭 คนเราเสียกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่าทำ ยกตัวอย่างเช่น มีหวย 2 ใบ ให้คุณเลือกแต่คุณเลือกซื