กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ การวิเคราะห์พื้นฐาน

บทความ

เชื่อได้ว่าหลายคนที่มาเทรดไม่ว่าตลาดอะไรก็ตาม ก็ไม่มีใครที่อยากจะขาดทุน อยากให้ทุกไม้บวกตลอด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ที่จะชนะตลาดไปตลอด ซึ่งแน่นว่าการคาดหวังแบบนั้นมากเกินไปที่จะชนะทุกไม้ ก็อาจจะเกิดอาการ  Loss Aversion การหลีกเลี่ยงการเสีย ซึ่งเราจะมาทำให้ความ Loss Aversionให้มากขึ้น รวมไปถึงหาแนวทางการแก้ไข และรับมือ  Loss Aversion การหลีกเลี่ยงการเสีย คืออะไร 😓 คืออาการทางจิตของมนุษ์ที่ต้องการหลีกเลียงการสูญเสีย ซึ่งทุกคนมีทุกคน โดยคาดว่ามาจากแต่ยุคที่มนูษย์เราถือกำเนิด เพราะร่างกายเราสอนให้เราปลอดภัยใว้ก่อน เพื่อการอยู่รอดของเผ่าพันธิ์ ยกตัวอย่างง่าย เวลากินอาหารเยอะ แน่นอนว่าเราต้องอ่วน ซึ่งส่งไม่ดีต่อร่างกาย รายการเต็มไปด้วยไขมัน ซึ่งรางกายก็รู้ว่าไขมันมันไม่ดี แต่ทำไมถึงเก็บไขมันใว้เป็นหน้าท้องเพราะว่า ร่างกายต้องคิดเผื่อว่า ถ้าวันหนึ่งไม่มีอาหารก็ยังใช้ไขมันนีมาเป็นพลังงานได้  ฉนั้น เป็นเรื่องปกติที่เราจะมีความคิดที่จะกลัวเสียมากกว่าได้  โดยทฏษฏีนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี คศ. 1979 โดย kaneman และ tversky  ยกตัวอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น  ลองพิจารณาตัวอย่างง่ายๆ นี้ดูก็ได้ มีกล่องจับ
TD Sequential  การนับแท่งเทียนทำกำไรจากจุดกลับตั ว  EP.1 TD Sequential  จัดเป็นเครื่องมือที่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเทรด ที่จัดว่าค่อนข้างดังและดีเลยทีเดียว เครื่องมือการเทรดตัวนี้ถูกคิดค้นโดย Tom DeMark ซึ่งเป็น Indicator ประเภท Market timing ความสามารถของเครื่องมือนี้ค่อนข้างจะหลากหลาย  โดยสามารถใช้ดูแนวโน้มการแกว่งตัวของราคา และหาจังหวะในการเข้าเทรด หรือเรียกง่ายๆให้เข้าใจได้ก็คือ การนับแท่งเทียนทำกำไร จากจุดกลับตัวของราคาแท่งเทียนนั่นเอง และที่เด็ดดวง ไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ไอ่เจ้า TD Sequential นี้เหมาะมากๆ กับเทรดเดอร์สาย ฟิวเจอร์และออปชั่น หากใครเป็นเทรดเดอร์สายนี้ละก็ ต้องจดเอาไว้นะ ของเค้าดีจริงๆ มา มาดูกัน TD Sequential จะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ     1.  TD Setup (นับ 1-9)   2.  TD Countdown (นับ 1-13) โดยลักษณะการเกิดจะต้องไล่กันมาเป็นสเต๊ปตามนี้ 👇👇👇  Price Flip     🔜🔜🔜   TD Setup     🔜🔜🔜   TD Countdown  1. TD Setup (นับ 1-9) TD Setup จะเป็นการนับแท่งเทียน 1-9 โดยในการเริ่มต้นนับแท่งที่ 1 จะเริ่มจากเกิด Price Flip และแท่งเทียนที่นิยมใช้กันมักจะเป็น บาร์ชาร์ต แต่แบบแท
สำหรับคนที่เทรด forex ก็น่าจะมีคำถาม ว่าเปิดบัญชีแบบใหนดี  ระหว่างเสีย spread หรือ เสียค่า commission วันนี้จะทำความรู้จัก ข้อดีและข้อเสีย ของการ เสีย spread หรือ เสียค่า commission ไปพร้อมกัน  ทำไมเราต้องเสีย spread หรือเสียค่า commission 😀 spread หรือ commission ก็เป็นเหมือนค่าธรรมเนียมในการดำเนินการให้เราของโบรค มันคือรายได้หลักของโบรคเลยก็ว่าได้  ค่า spread 😀 คือราคาส่วนต่างระหว่าง ราคาเสนอซื้อ และราคาเสนอขาย   Bid Price กับ Ask Price  ตัวอย่างเช่นหุ้นราคาเสนอซื้อ 10 ขาท และเสนอขาย 11 บาท สว่น ต่าง 1 บาทนั้นเป็นของคนกลางหรือโบรคนั้นเอง  ข้อดีคือ ✅ 1.เป็นบัญชีสำหรับเริ่มต้น และแทบทุกโบรคก็จะมีบัญชีที่เสียค่า spread  เป็นมารตฐาน  2.มักจะมีโบนัสหรือโปโมชันมากกว่า รูปแบบ ค่า commission ข้อเสีย ❌ spread  มีความผันผวนไม่นิ่ง ขึ้นอยู่กับตลาด และมีโอกาศถ่างสเปรดได้ ถ้าเทรดช่วงเวลาที่มีข่าว หรือเทรด คู่เงินที่ไม่ได้รับความนิยม  ค่า commission 😀 หรือ บัญชี ECN เป็นบัญอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องเสียเงินเพิ่ม นั้นคือ ค่า commission ตัวอย่างเช่น เรา buy 1 lot  เราก็จะต้องเสียเงินแน่ๆ ก่อนเลย 10 เห
วันนี้เราจะนำเสนอ  อินดิเคเตอร์ยอดนิยม อีกตัวหนึ่งนั้นคือ Commodity Channel Index (CCI) ที่มีความสามารถหลากหลาย งั้นเราไปทำความรู้กจัก Commodity Channel Index (CCI)  ไปพร้อมกัน  Commodity Channel Indexหรือ CCI คืออะไร😱 Commodity Channel Indexหรือ CCI   คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ประเมินทิศทาง และ ความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาในปัจจุบันเทียบกับราคาเฉลี่ยในอดีต  ถูกคิดค้นโดย Donald Lambert โดย  Commodity Channel Index จะบอกความผันผวนของดัชนี มีค่าอยู่ระหว่าง +100 และ -100 อธิบายอย่างง่ายคือ เมื่อ indicator มีค่าสูงกว่า +100 จะบ่งบอกถึงภาวะ Overbought และ ดัชนีมีค่าต่ำกว่า -100, จะบ่งบอกถึงภาวะ Oversold แต่นิยมนำ Commodity Channel Index นำมาวิเคราะห์ทิศทางของกราฟ ในรูปแบบ Bullish divergence และ Bearish divergence  สูตรที่มา CCI = (Typical Price – 20-period SMA of TP) / (0.015 x Mean Deviation) Typical Price = (High + Low + Close) / 3 Constant = 0.015 แนวทางการใช้งาน  1 . Overbought / Oversold👍   CCI มีค่ามากกว่า 100 หมายความว่าราคาอยู่ในภาวะ Overbought CCI มีค่าน้อยกว่า 100 หมายความว่
 Stage of Trader   คุณอยู่ในระยะไหนของการเป็นเทรดเดอร์  EP.2             มาต่อจากบทความที่แล้วกัน ในเรื่องการมองหาระยะการเป็นเทรดเดอร์ของตัวเอง มาลองสังเกตุกันดูว่า เราอยู่จุดไหน อยู่ระยะที่เท่าไหร่ ของการก้าวขึ้นสู่การเป็นเทรดเดอร์ ระยะที่ 4 สับสน                ระยะนี้เราจะเริ่มสับสนในตัวเองแล้ว ว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้  สิ่งหนึ่งเป็นเพราะระยะนี้ เป็นระยะที่ผู้คน มักจะออกตามหาตำราพิชัยสงคราม มองหาจอกศักดิ์สิทธิหรือตำรามหาเทพ ว่าเล่มไหนดีที่สุด  เพราะยังหาไม่เจอ นั่นก็เพราะคุณเริ่มที่จะมีอาจาร์ยมากมาย  เริ่มหาระบบเทรดเทพๆจากการไปลงคอร์สเรียนทั้งแบบแอดว๊านซ์และแบบขั้นเทพให้รู้ลึก รู้จริง เผื่อว่าสักวันเราจะเจอขุมทรัพย์เข้าสักวัน และจากสิ่งนี้เอง ทำให้ทุกแนวทางการเทรดของมหาเทพทั้งหลาย อีรุงตุงนังอยู่ในหัวของคุณ ก็เพราะข้อมูลมันมากเกินไป เลยทำให้ยากต่อการตัดสินใจ เมื่อตัดสินใจไม่ได้ ก็ต้องหาที่พึ่งใหม่ ขอคำปรึกษาเพิ่มอีกมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะนี้จึงเป็นระยะที่ยากที่สุดของการเป็นเทรดเดอร์  เพราะเกิดความกลัวและความไม่มั่นใจ ที่เรียกว่า scared money คือ เป็นการเทรดด้วยความกลัว แล้วถ้ายิ่งปราศ
  Stage Of Trader    คุณอยู่ในระยะไหนของการเป็นเทรดเดอร์  EP.1    หลายครั้งที่เรามักจะสงสัยในตัวเองเกี่ยวกับการเทรดของตัวเองนั่นแหละ บางคนยังงุนงงอยู่ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น เรียกว่าการก้าวข้ามผ่านสิ่งที่มุ่งหวังหรือยัง หรือใกล้สำเร็จหรือยัง เรายังต้องพบเจออะไรอีก  วันนี้แอดจะมานำเสนอ 6 ระยะของพัฒนาการในการเป็นเทรดเดอร์ ให้ลูกเผ่าได้ลองอ่านและสังเกตุตัวเองดู ว่าตอนนี้เราอยู่ในระยะไหน แล้วเราต้องทำยังไงต่อไป ระยะที่ 1 การหลงผิด                บอกได้เลยว่าระยะแรกเริ่มนี่แหละ ที่เหล่าเม่าน้อยๆทั้งหลายมักจะถูกหลอกล่อ หมดตัว หลงผิดเอาได้ง่ายๆจากการที่ไม่รู้อะไรเลย และศึกษาหาข้อมูลมาน้อยอีกต่างหาก ไหนจะถูกหลอกจากพวกมิจฉาชีพทั้งหลาย ก็ต้องมาโดนตลาดหลอกอีกแหนะ ด้วยความที่อ่านกราฟไม่เป็น มองตลาด อ่านเกมส์ไม่ออก สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไป หมดตัวและออกจากตลาดไปอย่างรวดเร็วในที่สุด ระยะที่ 2 Hot Pot Stage               ระยะลองของ  หลังจากที่เม่าน้อยๆเริ่มจะจับทางได้ถูกแล้ว เริ่มอ่านกราฟเป็นแล้ว แถมยังลองผิดลองถูกมาได้สักระยะแล้ว จดจำพฤติกรรมและสัญญาณการเทรดเริ่มได้แล้ว ก็ถึงเวลาลองไฟแล้หนะสิ จึงเทหมดหน้า
 4 ขั้นตอน คุมต้นทุน จำกัดความเสี่ยง  Planing and control risk                     ย้ำกันแล้วก็ย้ำอีก เกี่ยวกับการบริหารและควบคุมความเสี่ยง แต่หลายคนยังไม่ถึงบางอ้อ วันนี้แอดจะแนำนำวิธีควบคุมต้นทุนและจำกัดความเสี่ยงแบบเป็นขั้นเป็นตอน อ่านจบ 4 ขั้นตอนนี้ เริ่มลงมือทำได้เลย เริ่มเร็วก็รวยเร็ว เริ่มช้า ก็รวยช้านะ  ขั้นตอนที่ 1 : ซื้อดี ไม่ซื้อดี                 ก่อนจะซื้อจะขายแต่ละครั้ง เราต้องคำนวนก่อนนะ ว่าจุดที่เข้านั้น ได้เปรียบเทียบและ เสียเปรียบกี่จุด หรือ กี่บาท แล้วจะทำกำไรได้ประมาณกี่บาท กี่จุด คุ้มมั้ย อันนี้สำคัญเลย หลายคนไม่เคยคำนวน เชื่อสิ แอดนั่งเขียนก็รู้ ลองคำนวนดูก่อน คิด พิจารณาดูก่อน อย่าสักแต่ว่าจะเข้า อยากเข้าแล้ว จะซื้อต้องได้ซื้อ เปลี่ยนพฟติกรรมนี้ด่วน  แล้วเราจะลืมคำว่า รู้งี้ หรือ ไม่น่าเลย ไปเลยแหละ                          อาจมีการคำนวน Reward to Risk Ratio : RRR เพิ่มก็ได้                           หาก Reward มีค่ามากกว่า Risk แปลว่ามีความคุ้มค่าที่จะเสี่ยง                          หาก Risk มีค่ามากกว่า Reward แปลว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง หรือ ได้ไม่คุ้มเสีย ต
 Psychology of Sustainable  หลักจิตวิทยาในการเทรดแบบยั่งยืน              เมื่อเราเริ่มการเทรดอย่างจริงจังมาในระดับหนึ่งแล้ว แอดเชื่อว่า ทุกคนจะมีแนวทางและกลยุทธ์ในการซื้อขายที่แตกต่างกันออกไป แต่การควบคุมตัวแปร และ เทรดให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวนั้น ค่อนข้างจะทำได้ยากยิ่งยวด  ดังนั้น วันนี้แอดมีแนวทางแนะนำในการปฏิบัติ ของการควบคุมและจัดการกับความเสี่ยงที่สามารถพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นระบบที่ยั่งยืนในระยะยาวได้ด้วย มาดูกัน 1.ใช้ Leverage ยิ่งน้อยยิ่งดี                เมื่อการเปิด Position Trading ในแต่ละครั้ง ทำให้มาร์จิ้นที่เรามีลดน้อยลง และการซื้อ หรือการถือออเดอร์ยาวๆ อาจจำเป็นต้องลดขนาดของการเทรดให้เหมาะสมกับเงินลงทุนที่มี  เนื่องจากการสวิงของกราฟ การเหวี่ยง  การพุ่ง ซึ่งบางครั้งทำให้พอรตของเรา อาจจะโดนลากยาว เกินกว่าจะรับไหว การลดเลเวอเรจ ทำให้เราเปิดออเดอร์ได้น้อยลงนั่นเอง ทำให้เราไม่ต้องทนรับความเสี่ยง พอร์ตแตก ก็จัดว่าดีนะ  ไม่ต้องรีบด่วนใจร้อนไม่ต้องรีบรวย  2. ลดต้นทุนการถือครอง               วิธีนี้ค่อนข้าง  Advance หน่อย เช่น หากเราเปิด Position ที่ใหญ่ ก็เพียงแค่ลดขน
เชื่อได้ว่า หลายคนน่จะเห็นข่าวเกี่ยวการปั่นราคาของหุ้นมาบ้าง ที่หลายคนเรียกว่าหุ้นปั่น ล่อเม่า หรือแม้แต่ยุคปัจจุบันก็มีการปั่นเหรียญคลิปโต วันนี้เราก็แนะทางการหลักสักเกตเพื่อป้องกันไม่ให้เราเป็น เม่าที่โดนเผา หลักสักเกตุ การปั้นราคาในตลาด✅ 1.สินค้านั้นมักจะมีมูลค่าน้อย📈  จะเห็นได้ว่า หุ้นหรือ คลิปโตที่โดนปั้นราคา มักจะเป็นเหรียญหรือหุ้นขาดเล็ก เพราะง่ายต่อการปั่นเพราะมูลค่ามันน้อย การใช้เงินในการปั้นราคาก็จะน้อยตามไปด้วย 2.ราคาจะขึ้นอย่างรวดเร็วมาก📈 ราคาที่วิ่งเร็วปานสายฟ้านั้น ก็เพราะสินค้าบางตัวมันมีขนาดเล็กมา การทุบเงินใหญ่เข้าก็ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  3.การขึ้นผิดธรรมชาติ 📈 อยู่ดีๆก็ขึ้น ทั้งที่กำไรหรือตัวเลขของหุ้นนั้นก็ไม่มีอะไรเลย อยู่ราคาก็ขึ้นเฉย หรือในฝั้งคลิปโต Dogecoin : Shiba Inu ก็ถูกคนที่อำนาจหรือมีพลังอย่าง อีลอน มัสก์ ทวิตบอกว่าสนใจ ราคาก็ขึ้นสูง  ปล. จะสักเกตุได้ว่า เราไม่ได้เล่าถึง ตลาด forex เลยก็เพราะว่า forex นั้นมันคือ ค่าเงิน และมันอิงกับการอ่อนตัวและแข็งตัวของค่าเงิน และสเกลมันก็ใหญ่เกินที่จะมาปั้นราคาได้นั้นเอง  สรุปการเทรดสินค้าที่ไม่ใช้สินค้าหล
bias Trading คุณติดกับดักตัวเองอยู่หรือเปล่า?             👌 หลังจากที่เราเริ่มอ่านเทรนด์เป็น และเริ่มมีระบบเป็นของตัวเองแล้ว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักหลงติดอยู่ในวังวนกับดักที่ตัวสร้างเอาไว้ หืมมม มันเป็นยังไง ไหนเล่าสิมา แอดจะมาเล่าให้ฟัง             👌 ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์ที่วิเคราะห์กราฟได้เอง  เทรดเอง เก่งเอง ไม่ง้อใคร มักจะติดกับดักการเทรดของตัวเองโดยไม่ทันรู้ตัว อาการที่ว่านี้ก็คือ ยึดติดอยู่กับมุมมองของตัวเองจนเกินไป หรือในอีกแง่มุมหนึ่งก็คือ มองเกมส์การเทรดแค่หน้าเดียว มีแผนการเทรดแค่แบบเดียว เมื่อผิดทางมา จึงมักแก้ไข หรือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ หรือแก้ไขได้ยาก                 เช่นตีกราฟแล้วมองว่าลง มันก็ลงจริงนะ ลงแป๊บๆแล้วก็ขึ้น แต่เราก็ยังยึดติดกับขาลงจึงยอมปล่อยให้ลาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันจะกลับลงมา สุดท้ายลากกันจนขาลาก ดอยกันยาวเลยทีนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็อาจจะติดลบกันไป เกิน 50%แล้ว             👉👉👉 อาการนี้แอดก็เคยเป็น บ่อยด้วย แล้วก็มักจะตามมาด้วยคำว่ารู้งี้.....อีกแล้วฮะ นั่นเป็นเพราะว่าเราเทรดได้เอง และเทรดเก่งในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีความมั่นใจ ดื้อดึง และคิดเข้าข้างตัว
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักเกียวกับ การนอนส่งผลต่อการเทรดอย่างไร วันนี้เราทำความรู้จักต้นเหตุที่ทำให้นอนไม่มีคุณภาพหรือนอน ไม่หลับ นั้นคือการเทรดส่งผลต่อการนอน อย่างไร  การเทรดส่งผลต่อการนอนยังงัย 😴 จริงๆ แล้วส่วนใหญ่มันจะส่งผล ก็ต่อเมือเรามี ออเดอร์ที่เปิดใว้อยู่ โดยส่วนใหญ่ที่ส่งผลต่การนอน นั้นคือ ออเดอร์ที่เราถืออยู่นั้นติดลบ แล้วไม่มีแผนในการรับมือ ยิ่งหนักขึ้นไปอีก หากเทรดแบบ Overtrade  ก็จะเกิดภาวะ วิตกจริต และเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ ติดกราฟ คือต้องเปิดกราฟติดราคาราคาตลอดเวลา และนั้นมันก็จะส่งผลต่อการนอน เพราะเราจะนอนไม่หลับ เพราะคิดมาก  และอารมที่กลัวเกิดขึ้น หัวใจและสมองก็จะไม่มีการหยุดพัก และเกิดความเครียดเกิดขึ้น หากเกิดขึ้นรูปแบบนี้บ่อย ๆ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นโรค ซึมเศร้า แนวทางการแก้ไข💹 1.แผนสำคัญมากๆ การที่แผนในการรับมือการเทรด ทุกมิติ ไม่ว่าจะกำไรหรือ ขาดทุน จะทำให้เราไม่ต้องคิดไปเอง คิดแค่ได้ทำตามแผนหรือป่าว  2.การไม่เทรด Overtrade  หรือเอาเงินร้อนมาเล่น จะลดความเครียดได้อย่างมีนัยยะ เวลาที่พอร์ตติดลบ  3.รู้จักปล่อยว่าง บางครั้งเราต้องการทุกอย่างในตลาดมากเกินไป สั
Trading Accounts เลือกเทรดบัญชีไหนดีที่สุด                หลายๆคนที่เป็นมือใหม่หัดเทรด อาจจะงงๆงวยๆ กับการเปิดบัญชีเริ่มต้นกับบัญชีจริง ที่แลดูจะมีมากมายให้เลือกเหลือเกิน แล้วเราควรเริ่มที่บัญชีประเภทไหน อย่างไรดีละ วันนี้แอดจะมาแนะนำ บัญชีที่เราควรจะเริ่มต้นในการเทรดกัน                มาเริ่มกันที่ อันดับแรกเลย สำหรับคนที่ มีทุนน้อย แต่ร้อนวิชา เทรดเดโม่แล้วเสียเวลา จัดจริงเลยดีกว่าซู่ๆซ่าๆ ก็ว่ากันไป ตามมาทางนี้                  -  บัญชี Cent ของโบรก exness บัญชีนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่  อยากลองเทรดจริง เพื่อลองผิดลองถูก ฝึกฝีมือ แต่ไม่อยากเทรดเดโม่ โดยจะเริ่มต้นเทรดด้วยเงินเพียง1- 3$ หรือประมาณหนึ่งร้อยบาทเอง บัญชีประเภทนี้มีเลเวอเรจสูงมาก ตั้งแต่ถึง 1: 1000 ขึ้นไป ปัจจุบันมีแบบ unlimited  สมมุติว่าคุณฝากเงิน จำนวน  $10 ในพอร์ตบัญชี Cent คุณจะมีเงิน Balance อยู่ในบัญชี = 1000 เสมือนว่าเรามีเงินในการใช้เทรด 1000$ ซึ่งจริงๆ คือ 10$ เท่านั้น เพราะหากเราใช้เงินอันน้อยนิดของเราเช่น 100บาท เท่ากับ 3$ เทรดในบัญชี Standard  เกรงว่าเพียงจะไม่เพียงพอต่อการเหวี่ยง และ
หลังจากที่เรานำเสนอ เกี่ยวกับ สายเทรด ไม่ว่าจจะเป็น สายกราฟปล่าว และ สาย อินดิเคเตอร์  วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า การเทรด กราฟ ปล่าวนั้นต้องเตรียวตัวอะไรบ้าง การเทรดกราฟปล่าว ✅ เป็นรูปแบบการเทรดอยูแบบหนึ่งที่มีการใช้กันแพร่หลาย โดยใช่การตีความราคาจากพฤติกรรมของราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยรูปแบบที่นิยมใช้กัน ก็คือ รูปแบบ Price Action  และ Chart Pattern โดยหลายคนเรียกว่า สายนี้ว่าเป็นสายศิลห์ เพราะว่าไม่ได้มีการคำนวณทางคณิตศาสตร์   Price Action Chart Pattern การเตรียมตัวการเทรดสายกราฟปล่าว 💢 นอกจากเราที่ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับรูปแบบ Price Action  และ Chart Pattern ก็อาจจะยังไม่พอสำหรับการเทรด เพราะอาจมีความเสียงที่เกิดสัญญาณหลอกได้ โดยสิ่งที่คนนิยมน้ำมาใช้รวมกับการเทรดกราฟป่าวก็จะมี  1. แนวรับแนวต้าน นี้สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเทรดรูปแบบการเทรดกราฟปล่าว นอกจากแนวรับแนวต้านธรรมดาแล้ว ยังมีแนวเทรนไลน์  หรือแนวตัวเลข Fibonacci Retracement 2. การนับคลื่น Elliott Wave และ  Swing High และ Swing Low   ก็จะช่วยให้การเทรดได้ง่ายขึ้น  เพราะเราก็จะรู้ตำแหน่ง เพือใหเราหาความเปรียบในการเทรด  cr.image
Sideway &Swing Trade ใครว่าเทรดยาก                หากพูดถึงรูปแบบการเคลื่อนไหว การวิ่งของราคากราฟแล้วละก็ หลายๆคนก็มักจะถามกลับมาเสมอว่า สรุปมันไปทางไหน บางคนก็ไปถูกทาง บางคนก็ไปผิดทาง เอาจริงๆ กราฟมีแค่ขึ้นกับลงเท่านั้นแหละ  ไม่ว่าจะไปทางไหนก็สามารถทำกำไรได้ทั้งสองทาง อยู่ที่ว่ารอได้มั้ย และจริงๆมันง่ายมากเลยที่จะอ่านรูปแบบการวิ่งของกราฟ  เพราะมันมีเพียงแค่  2 แบบเท่านั้น ก็คือการวิ่งแบบเป็นเทรนด์และ การวิ่งแบบเป็น Side way               1. เทรนด์ หรือชื่อแบบเต็มยศว่าแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคากราฟนั้นก็มีแค่ขึ้นกับลง นั่นก็คือแนวโน้มเทรนด์ขาลง และ แนวโน้มเทรนด์ขาลง ซึ่งก็อ่านได้ไม่ยากและเข้าได้ง่ายที่สุด แต่ๆๆๆๆๆ ขอบคุณรูปภาพจาก forexnew               2. การเคลื่อนไหวแบบ Sideway นี่สิ การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ มักจะหลอกล่อและทำให้เม่าน้อยๆ ตายไปเป็นจำนวนมาก หากใครมองไม่ออก หรือใช้ระยะมุมมองใน กรอบTF เล็กๆแคบๆ มักจะโดนSL กันเป็นแถวๆ วันนี้แอดจะมาสอน วิธีสังเกตมุมมองของกราฟ Sideway และวิธีการเข้าออก ออกเดอร์เพื่อทำกำไรกันนะ                 1. หลักการง่ายๆก่อนเลย ให้ตีเส้นเทรนไลน์เ
สำหรับหลายคนที่ต้องการการเทรดรูปแบบการกลับตัวอยู่ วันนี้แอดมินก็มีอินดิเคเตอร์ที่จะเสริมการตัดสินใจและทำให้เรามองกราฟได้ง่ายขึ้น อินดิเคเตอร์ตั้วนั้นคือ Fractal  Fractal คืออะไร ✅ Fractal เป็นอินดิเคเตอร์ ประเภท  Lagging indicator  โดยเป็นผลงานของปรมาจารย์อินดิเคเตอร์อย่าง Bill Williams โดยหลักการทำงานของ Fractal  นั้นจะประกอบไปด้วยแท่งเทียน 5 แท่ง โดยที่จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ นั้นคือ  Highest high และ   Lowest low  📈โดยรูปแบบที่ 1  Highest high  จะประกอบไปด้วยแทงเทียน 5 แท่ง โดยที่แท่งตรงกลางนั้นจะเป็นแท่งที่มีราคาสูงสุด โดย ที่และ 4 แท่งที่เหลือที่อยู่ด้านข้างราคาต้องต้องต่ำกว่า แท่งกลาง  📉โดยรูปแบบที่ 2  Lowest low   จะประกอบไปด้วยแทงเทียน 5 แท่ง โยที่แท่งตรงกลางนั้นจะเป็นแท่งที่มีราคาต่ำสุด โดย ที่และ 4 แท่งที่เหลือที่อยู่ด้านข้างราคาต้องต้องสูงกว่า แท่งกลาง  สิ่งสำคัญสำหรับการใช้งาน Fractal✅ 1.ไม่ควรใช้ Fractal อย่างเดียวในการเข้าซื้อขาย เพราะเนื่องสัญญาณที่หลอกเยอะมากๆ ควรใช้งานร่วมกับ เทคนิคอื่น ตัวอย่างเช่น แนวรับแนวร้บ ก้จะเพิ่มนัยยะสำคัญได้เยอะ 2.ควรเลือก Timeframe ให้เหมาะสม
แน่นอนว่าทุกคนที่เทรดก็ต้องการที่เห็นพอร์ตตัวเองนั้นเติบโตและใหญ่ขึ้นอื่นๆ แต่ก็ใช้ว่าทุกคนที่จะไปถึงจุดนั้น บางคนก็ติดลบ หรือล้างพอร์ด และก็เลิกและออกจากตลาดไป วันนี้เราจะมาแนวทางที่พัฒนาตัวเราและพอร์ดของเราให้ข้ามขีดกำจัด และเติบโตอย่างยังยืน  แนวทางการข้ามขีดกำจัด📈 1.ต้องรู้ตัวเอง👦 หากเราไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงใหนของเส้นทางการเทรด เราก็จะไม่ว่ารู้ว่าเรากำลังหลงทางหรือจะไปทางใหนได้ต่อ การรู้ตัวเองนั้นก็คือ จุดเริ่มต้นของการข้ามขีดจำกัด โดยวิธีรู้ตัวเองนั้นคือ จดทุกอย่างเกียวกับการเทรด เช่น เข้าออเดอรนี้ด้วยเหตุผลอะไร แล้วชนะเพราะอะไร และแพ้เพราะอะไร บริหารเงินแบบใหน แนวทางการแก้เป็นอย่างไร อารมการเทรด ณ ตอนนั้น รู้สึกยังงัย ซึ่งการจดแบบนี้ก็จะทำให้เรา เห็นกระบวนการเทรดของเราทั้งหมด และเราก็จะเห็นปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขได้ เพราะว่าบางปัญหาหรือจุดผิดพลาดถ้าเราไม่จด ก็มีแนวโน้มที่เราจะทำผิดพลาดแบบเดิมบ่อย ๆ  2.วางแผน📃 ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล่วนต้องมีแผนการ เพราะมันเป็นตัวเพิ่มโอกาสที่จะสำเร็จมากขึ้น และแน่นอนในการข้ามขีดจำกัดการมีแผนก็เหมือนแผนที่ GPS ที่ทำให้เราเดินทางได้ไปถูกทาง และลดเวลา แ