กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ การวิเคราะห์พื้นฐาน

บทความ

จากตอนที่แนว ที่เรานำเสนอ เกี่ยวกับ Consecutive Win and Loss และ  DrawDown ไปแล้วและเราก็ยกตัวอย่างวิธีดูค่าพวกนี้ผ่าน Myfxbook ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทำสถิติของพอร์ต ซึ่งหาคนก็อยากที่มีบัญชี Myfxbook เป็นของตัวเอง วันนี้เราจะไปวิธีการเชื่อต่อบัญชีเทรดกับ Myfxbook  เข้าด้วยกัน เปิดบัญชี Myfxbook   https://www.myfxbook.com/?lr=http://www.myfxbook.com/dashboard โดยเราสามารถที่เปิดบัญชีด้วยแอคเค้าท์ของ  Google และ Facebook  การเชื่อมต่อบัญชีเทรด ให้คลิกไปแถบด้านบน ที่ชื่อว่า Portfolio 1 หลังจากนั้นเลือก Add Account 2 หลังจากนั้นจะเข้าสู้ หน้าจัดการบัญชี Myfxbook ให้เราเลือก   Add Account  3 ให้เลือก ประเภทบัญชีของ Myfxbook ให้เลือก MetaTrader 4 (Auto Update) 4 จากนั้นกรอกข้อมูลตามนี้  5. ตั้งชื่อบัญชี myfxbook  6. เลือกโบรกเกอรที่เราเทรด 7. ใส่เลขบัญชีเทรดของเรา  8. รหัสผ่านของบีญชี  หลังจากนั้นคลิก Create Account 10 จากนั้นรอสักครู่  เมือสร้างเทรด จะแสดงหน้าต่างนี้ เราสามมารถเข้าไปดูและการใช้บัญชีได้ ทำขั้นตอนที่ 1   และคิกเลือกบัญชีที่สร้าง  ปล.นี้คือการเชือมต่อเบืองต้น เราสามรรถเห็นได้คน
สำหรับใครที่ต้องเทรดกินกำไรคำใหญ่ หรือ RunTrend วันนี้เรามีเครื่องที่ช่วยวิเคาะห์และหาจุดเข้าที่สามารถ RunTrendได้ นั้นคือ SuperTrend  SuperTrend  คืออะไร  📈 SuperTrend เป็นอินดิเคเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจาก อินดิเคเตอร์ ATR และ CCI โดยที่ตัวชี้วัด CCI (มาตรฐานของพารามิเตอร์อยู่ที่ 50) เป็นตัวแสดงทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาด และตัวชี้วัด ATR เป็นตัวกำหนดระดับของตัวชี้วัด หากค่าของตัวชี้วัด CCI อยู่เหนื่อ 0 ค่าของตัวชี้วัด SuperTrend อาจจะพุ่งขึ้นหรือเคลื่อนไปตามแนวขนานก็ได้ (ขึ้นอยู่กับค่า ATR) แต่หากค่าตัวชี้วัด CCI ติดลบ ค่าของตัวชี้วัด SuperTrend จะดิ่งลง (ขึ้นอยู่กับค่า ATR เช่นกัน) โดยใช้สีมาเป็นตัวกำหนดเพือให้ง่ายต่อการใช้งาน  สูตรคำนวณ💻 UpperLevel=(High[i]+Low[i])/2+Multiplier*Atr(Period); LowerLevel=(High[i]+Low[i])/2-Multiplier*Atr(Period); ความสามารถของ SuperTrend💬 1.บอกแนวโน้มของเทรน  2.เป็นสัญณาณในการเข้าซื้อขายได้  3.ใช้เป็น แนวรับแนวต้าน  4.ใช้เป็น TSL Trailing Stop Loss การใช้งาน SuperTrend  สำหรับสัญญาณซื้อขาย 💭 ก็มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับระบบที่เทรด ตัวอย่างเช่น  1. เข้าตามสี
วันนี้จะนำเสนอ อีก 1 อินดิเคเตอร์ ที่รวมความสามารถของอินดิเคเตอร์ประเภทเทรน และ โมเมนตัม ใว้ใน1อินดิเคเตอร์ และมีความสาารถที่หลายหลาย อินดิเคเตอร์ตัวนั้นคือ TRIX   TRIX คืออะไร👍 อินดิเคเตอร์ TRIX เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ได้หลายรูปแบบ ซึ่งทำการรวมเทรนด์และโมเมนตัมมาไว้ในอินดิเคเตอร์เดียว มันประกอบไปด้วย rate of change ของ สามเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ exponentially smoothed โดย key signal ที่ถูกสร้างออกมาจาก TRIX เป็นไดเวอร์เจนท์ และการตัดกันของ signal line ช่วงเวลาที่สั้นกว่าจะมีความไวมากกว่า ในขณะที่ช่วงเวลาที่ยาวกว่า ความไวก็จะน้อยกว่า ข้อดีของ TRIX ✅ 1.ประหยัดพื้นที่หน้าจอ เพราะร่วมทั้งเทรนด์และโมเมนตัมมาไว้ในอินดิเคเตอร์เดียว 2. สามารถบอกเทรน  หากเหนือ 0 ก็แปลว่า เทรนขาขึ้น ต่ำกว่า 0 เทรนขาลง                3. จุดกลับตัวและ สัญญาณการเข้าซื้อขาย              4.  สามารถสร้าง โซน OverSold และ OverBought  การเข้าทำด้วย TRIX 💥 1. ให้ Buy เมื่อเส้นสีแดงอยูต่ำว่า Zone 0 และเส้นสีแดงตัดเส้นประสีฟ้า 2.ให้ Sell เมื่อเส้นสีแดงอยู่สูงกว่า Zone 0 และเส้นสีแดงตัดเส้นประสีฟ้าลง สร
หลายคนเทรด forex ยังมีปัญหาที่จะตีความราคาของกราฟแบบ Low Hight แนวโน้ม ที่ต้องใช้เวลานาน จนทำให้พลาดโอกาศหรือเสียเวลาที่จะไปทำอย่างอื่น วันนี้เราจะมานำเสนออินดิเคเตอร์ที่จะเพิ่มความและสะดวกกสบายในการมองกราฟ นั้นคือ Zigzag ZigZag Indicator คืออะไร❓ ZigZag Indicator คืออินดิเคเตอร์ที่ระบุตำแหน่ง Swing low และ Swing Hight และเชื่อมโยงแต่ล่ะตำแหน่งใว้ด้วยกับเหมือนกราฟ และกรองการเคลื่อนที่ไม่มีนัยยะออกไป ทำให้สามารถที่มองกราฟได้ชัดเจนมาขึ้น  การคำนวณ ZigZag🔨🔧 1.กำหนดค่า % การเปลี่ยนแปลงราคา 2.ดูช่วง Swing High และ Swing Low (ถ้าเป็นกราฟแท่งเทียนจะดูระดับ High และ Low , ถ้าเป็นกราฟเส้น จะดูระดับ Close) 3.หากช่วง Swing High/Swing Low มี % การเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่กำหนดไว้ตอนแรก จะทำการลากเส้น Zigzag แต่หากช่วง Swing High/Swing Low มี % การเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าที่กำหนด จะไม่สนใจ    ประโยชน์ของการใช้ Zigzag✅ 1.ดูแนวโน้มโดยรวมของราคา 2.ช่วยในการนับคลื่น สำหรับ Elliott Wave 3.ใช้ประกอบกับ Fibonacci Retracement   ข้อจำกัดของ  Zig-zag❌ Zig-zag ไม่สามารถที่จะเป็นสัญญาณ  Buy/Sell  เข้าซื้อขายได้  เหนื
หากพูดเรื่องการ การเทรด สิ่งที่แรกที่เราต้องเรียนรู้ นั้นคือ แนวรับแนวต้าน เพราะสามารถใช้ในจุดซื้อขาย และจุดออก ซึ่งแนวรับแนวต้าน ก็ไม่ได้มีแต่ แนวรับแนวต้านแบบแนวนอนเท่านั้น ยังมีอีกหลายรูปแบบเยอะมากในตลาดแต่วันนี้เราจะคัดแนวรับแนวต้านที่มีนัยยะสำคัญ ว่ามีแนวแบบใหนบ้าง  1. แนวรับแนวต้านเลข 0 ✅ คือแนวรับแนวต้านที่ ที่ตัวเลขลงท้ายด้วยเลข 0 หลายๆ ตัว ตัวอย่างเช่น 1.50000  , 60000.00 ตัวเลขที่ลงท้ายเลข 0 นั้นเป็นตัวที่กำหนดจุดเข้าได้ง่ายแล้ว ตัวอย่างเช่น ระหว่าง ชื้อทอง ที่ 9945.00 กับซื้อที่ 10000.00 แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ก็จะให้ความสนใจกับ 10000.00 เพราะตัวเลขมันเห็นง่ายและเข้าใจได้ง่าย นั้นจึงทำให้แนว ที่ลงท้ายด้วย 0 นั้นมีนัยยะที่สำคัญ 2.แนวรับแนวต้าน Fibonacci 📉 Fibonacci retracemen หรือเราจะเรียกง่ายว่า fibo  โดยตัวเลขแต่ตัวนั้นมีนัยยะสำคัญทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น 38 50 61 100 168 261  ซึ่งเราสามารถที่จะนำมาใช้เป็นแนวรับแนวได้่  และถ้าแนวนรับแนวต้านนั้นซึ่งกับแนว fibo ก็จะยิ่งเพิ่มนัยยะสำคัญ  3.แนวรับแนวต้านเทรนไลน์⛞ เป่นอีกหนึ่งแนวรับแนวท้านที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีแม่นที่สูง และยิ่งหา
เทคนิคการเทรด Trade Setup win rate 90%                บ่อยครั้งที่คุณเปิดกราฟดูรายวัน รายวีค  หรือ รายเดือน แล้วมักจะเจอคำถามในหัวตลอด ว่าเข้าตรงไหนดี ออกตรงไหนดี นี่มันเป็นปัญหายอดฮิตจริงๆสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ที่เพิ่งหัดเทรด และอาจรวมไปถึงเทรดเดอร์บางคนที่เทรดมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยสังเกตุ จุดเข้า จุดออก ที่ควรจะเป็นสักที ได้ไม่ได้ ก็เอาอารมณ์เป็นหลัก อยากเข้าก็เข้า อยากออกก็ออก                 ที่จริงมันก็มีส่วนถูก ที่เราจะเข้าเทรด ณ จุดไหนก็ได้ ถ้า!!! เราวิเคราะห์และ ไตร่ตรองดีแล้ว ว่าเทรนเป็นแบบไหน และมีแบบแผนในการเทรด แต่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ มักละเลยจุดนี้ เห็นว่ากราฟกำลังดิ่ง หรือพุ่ง ก็จะเข้าแล้ว พอเข้าออเดอร์ไปเท่านั้นแหละ โดนลากเลยจ้า เป็นกันทุกคน จริงมั้ย                 มันจะดีนะ ถ้าคุณสามารถบอกได้ว่าจุดไหนคือจุดที่ดีที่สุด ?เข้าตรงจุดไหนดี ?? แล้วออกตรงจุดไหนดี ??? บทความนี้จะมาช่วยแนะแนวทาง ทริคในการหาจุดเข้าจุดออกให้กับเหล่าเทรดเดอร์กัน บางคนอาจจะรู้แล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้นี่นา มา เรามาอ่านกันเถอะ!!!                เทคนิคการเทรด Trade Setup  ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ค้นหาแท่งเ
สำหรับบ้านเรานั้นก็คงคุ้นเคยกับ กองทุนรวม หรือ Mutual Fund และกองทุนอื่นๆ โดยเป็นรวมเงินไปลงทุนใน ตราสารหนี้ หรือหุ้นสามัญเป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างกับรูปแบบกองทุนที่เราจะไปทำความรู้จักวันนี้ กองทุนนั้คือ เฮดจ์ฟันด์ หรือ กองทุนป้องความเสี่ยง เฮดจ์ฟันด์ หรือ กองทุนป้องความเสี่ยง คืออะไร 👪 เป็นกองทุนที่เน้นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งในแต่ละกองทุนก็จะกระจายเงินของเรานั้นไปลงทุนหลายอย่างหลายสินค้า และการเข้าซื้อของเฮดจ์ฟันด์ ก็ไม่จำกันแค่ ซื้อ Long อย่างเดียวแต่การมีขายหรือ Short  รวมไปถึง เฮดจ์ฟันด์ ก็ใช้ Leverage  เพื่อเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้นอีกด้วย   บางกองทุนจึงทำให้กองเฮดจ์ฟันด์ นั้นมีความยืดหยุ่นกว่ากองทุนอื่น และได้ความนิยมสูงจนขนาดคนเริ่มที่ลงทุนหรือเทรด โดยใช้กลยุทย์ของ เฮดจ์ฟันด์ มาใช้ในการเทรด แน่นอนว่า ผลตอบแทนของ เฮดจ์ฟันด์ ก็จะมากว่า กองทุนทั่วไป แต่ความเสี่ยงนั้นก็เพิ่มมากเช่นกัน  เฮดจ์ฟันด์ เหมาะกับใคร ✅💲 1.รับความเสี่ยงได้  เพราะความเสียงมีสูงกกว่ากองทุนทั่วไป  2.มีทุนเยอะ ยิ่งกองทุนนั้นดังก็ยิ่งต้องมีเงินลงทุนสูง  3.คนที่มีประสบการการลงทุนในต่างประเทศ 4.ไม่นำเงินร้อนมาลงทุน เฮดจ
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จัก Lot ไปแล้ว ก็จะเห็นบัญชีประเภทต่างๆไปพอสมควร วันนี้จะมาทำอีกหนึ่งของรูปแบบ บัญชี ที่สุดยอดมากๆ นั้นคือ บัญชี ECN ว่ามีข้อดีแล้วข้อกำจัดอะไรบ้าง และเหมาะกับใคร บัญชี ECN หรือ ECN Trading คืออะไร❓ ECN ย่อมาจาก Electronic Communication Network คือบัญชีประเภทหนึ่งของโบรคเกอร์ forex โดย บัญชี ECN จะแตกต่างบัญชีอื่น ตรงที่คำสั่งซื้อขายของเราจะถูกส่งไปยังตลาดกลางได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านโบรกเกอร์ ทำให้เกิดความได้เปรียบหลายอย่างต่อเทรดเดอร์สำหรับการซื้อขาย  ข้อดีของบัญชี ECN ✅ 1.ความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย เพราะเนื่องด้วยคำสั่งเราวิ่งตรงไปที่ตลาดโดยตรง 2.ลดการเกิดอาการรีโควท (Requote) 3.ค่าสเปรดต่ำทำให้เทรดเดอร์ได้กำไรมากขึ้น ข้อกำจัด❗ 1.ค่าคอมมิชชั่น (Commission) ในการเทรด  2.เงินทุนในการเปิดบัญชีค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องขึ้นกับเงื่อนไขของแต่ล่ะโบรค  บัญชี ECN เหมาะกับใครบ้าง👪 1.ต้องการความความปลอดภัยและความเร็วสูงในการส่งคำสั่งซื้อขาย 2.คนที่มีทุนในการลงทุนสูง 3.ระบบเทรดที่ใช้ความเร็วในการเข้า เช่น การเทรดข่าว  4.คนที่อยาได้เสปรดในการเทรดที่ต่ำ สำหรับการเทรด คู่
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับ การติดดอยไปแล้ว วันนี้เราจะทำความรู้จักอีกหนึ่งคำ ที่หลายคนต้องเจอมากับตัว ไม่ว่าจะอยู่ตลาดใหน นั้นคือ การตกรถ  การตกรถ หรือ การตกขบวน 🚙 การที่เราเข้าซื้อหุ้นหรือสินค้าไม่ทันกับราคาที่เล็งใว้ หรือ ราคาขึ้นไปสูงเกินที่เราจะเข้าได้ นั้นคือการตกรถ แน่นอนว่า ทุกคนต้องเคยเจอ ยิ่งเทรดกับ กรอบเวลาที่เล็ก และราคาไป ส่วนเราก็ได้นั่งมองกราฟ ตาปริบ ๆ แน่นอน สิ่งที่ตามมา นั้นคือ อารมเสียดาย และคำหนึ่งจะวิ่งเข้ามาในหัวเรา นั้นคือ รู้งี้เข้าซื้อไปตั้งนานล่ะ  สาเหตุของการตกรถ  🚗 1.ไม่เฝ้ากราฟ  โดยเฉพาะช่วงเวลาสำคัญ อย่างเช่น ช่วงข่าวออก  2.ไม่ได้สนใจหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก  พอราคาวิ่งขึ้นเร็ว ก็จะเกิดอาการตกรถ โดยที่เราไม่ได้สนใจมันตั้งแต่แรก  3.รอนานเกินไป แน่นอนว่ายิ่งถูกก็ยิ่งดี แต่บางทีราคาก็ไม่ได้รอให้ไปถึงราคาที่เล็งใว้ มันดันขึ้นไปก่อน  การรับมือ เมือเกิดการตกรถ  🚕 1.ตัดใจ และ ปล่อยมันไป   2.โอกาสไม่ได้แค่ครั้งเดียว เดียวครั้งหน้าก็มา  3.เน้นทำตามระบบที่ว่างใว้  วิธีแก้การตกรถ  🚒 1.ติดตามข่าวงสำคัญ และ ตั้งแจ้งเตือนราคาหุ้นที่เราเล็งใว้ 2.ใช้ EA ในการเทร
สำหรับใครที่เทรดทออยู่ ก็จะทราบดีว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาการเคลื่อนที่ นอกจากการประกาศดอกเบี้ยหรือภาวะ วิกฤต ต่างๆ ก็ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยอีกหนึ่งที่นักลงทุนต้องจับตามอง นั้นคือ กองทุน SPDR หลายคนอาจจะงง ว่า กองทุนอะไรว่ะ ซื้อขายที...กระทบทองคำทั้งตลาด วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก SPDR ให้มากขึ้น   กองทุน SPDR คืออะไร  ❓ กองทุน SPDR หรืออาจจะรู้จักกันในชื่อ  SPDR Gold Trust เป็น กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถึง 4 แห่ง  ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น, ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีผู้หารกองทุน World Gold Trust Services, LLC และผ่านตัวแทนขายโดย State Street Global Advisors  ความแตกต่าง   กองทุน SPDR กับกองทุนทองคำอื่น 📌 เป็นกองทุนที่ซื้อทองแท่ง 100 เปอรเซ็นและ ซื้อผ่านเงินสด ไม่ได้ถือรูปแบบ  ตราสารอนุพันธ์ โดยทองคำที่ซื้อจะถูกจัดเก็บ  HSBC Bank ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และการซื้อขายทองคำของกองทุน  SPDR ก็เป็นระดับหลายพันตัน   นั้นจึงทำให้เกิดผลต่อตลาดทอง และเนื่องด้วยซื้อแต่ทองแท่ง 100 หลังจากหักค่าบริหารกองทุน จึงทำ
จากตอนที่แล้ว เราทำความรู้จักถึงความแต่ต่างระหว่างราคาทองไทย และ ทองโลก ไปแล้ว วันนี้จะทำความแตกต่างระหว่างการขายซื้อทองแท่ง และ gold spot แตกต่างกันอย่างไร และ ข้อดีและข้อเสีย แต่ละรูปแบบเหมาะสมกับใครบ้าง  ซื้อGold Spot 📈 คือการซื้อขายทองคำในตลาดโลก เรียกในชื่อ Gold Spot  แต่การซื้อทองของ Gold Spot  เราจะไม่ได้เห็นทองเป็นรูปร่างแต่จะมาในรูปแบบเอกสารสัญญาแทน โดยที่เราจะได้กำไรจากการขึ้นลงของราคาทองคำ โดยหน่วยของทอง Gold Spot  นั้น เงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) และติดตามราคาอย่าง Real Time 24 ชั่วโมง จันทร์ ถึง วันศุกร์   ณ ปัจจุบัน เราสามารถซื้อขายทอง Gold Spot ได้ง่ายขึ้น เพราะเราสามารถซื้อขายผ่านโบรคเกอร์ Forex  และการเข้ามาของ โบรคเกอร์ Forex ในการซื้อขายทองนั้น ก็ทำให้เราได้ประโยชน์และสิทธิประโยชน์จากโบรคเกอร์ forex และอีกหนึ่งสิ่งที่โบรคเกอร์ forex จะให้ผู้ลงทุน นั้นคือ Leverage ก็จะทำใช้เราซื้อทองได้มากขึ้นโดยใช้จำนวนเงินเท่าเดิม (ปล.Leverage มีความเสี่ยงสูงมาก หากไม่มีการศึกษาเรื่องการใช้งานLeverage อาจทำให้เงินในของเราสูญเสียจนหมด)   ข้อดี✅ 1.ซื้อขายทองคำได้ 24
การเทรด Forex ผ่านธนาคาร🏢 คือการที่เทรดกับธนาคารโดยตรงโดยที่ไม่ผ่านคนกลาง (โบรคเกอร์) ซึ่งเมื่อก่อนการเทรดผ่าน ธนาคารนั้นเป็นเรื่องยากมาก เป็นเรื่องยากตั้งแต่เปิดบัญชีเลยก็ว่าได้เพราะต้องเดินทางไปยังประเทศนั้นเพื่อเปิดบัญชี นี้ยังไม่ร่วมถึงเอกสารที่ต้องไปยื่น และจำนวนเงินก็สูงมากสำหรับเปิดบัญชี  แต่ปัจจุบันก็มีหลายธนาคารที่อยากได้ฐานลูกค้ารายย่อยมากขึ้น  ข้อดีของการ เทรด Forex ผ่านธนาคาร✅ มีความมั่นคงสูง เพราะเป็นสถาบันการเงินโดยตรง จึงย่อมมีความเข้มงวด สิทธิพิเศษเพิ่มเติมกรณีที่เป็นลูกค้ามีสินทรัพย์สูงเช่น Private Banking, ตู้นิรภัยส่วนตัว, ที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว ข้อเสียของการ เทรด Forex ผ่านธนาคาร❌ อัตราค่าธรรมเนียม Spread, Commission ในการเทรดอาจสูงกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป ขั้นตอนการเปิดบัญชี มักมีความยุ่งยาก ต้องส่งเอกสารโดยตรง โดยมีทนายหรือหน่วยงานเซ็นรับรองเอกสาร การฝากถอนเงิน มักจะใช้เวลานานและมีข้อจำกัด เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบ, KYC หลายขั้นตอน ไม่ค่อยมี Payment Gateway จึงต้องทำรายการผ่านช่องทาง Credit Card หรือ Wire Transfer ไม่ค่อยมี Promotion, ข้อเสนอที่น่าสนใจเหมือนโบรกเกอ
ต่อจากตอนที่แล้วที่เราไปทำความรู้จักประเภทของ Lots แล้ว วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก หลักการคำนวณของ Lots รวมไปถึงการออกขนาด lots เท่าไหร่ดี ถึงจะปลอดภัย  การประยุกต์ใช้ความรู้เรื่อง Lot เราใช้หลักการเรื่อง Lot มาใช้ในการคำนวณ หามูลค่าของการเคลื่อนที่ไป 1 pips ครับ โดย มูลค่า 1 pip = (จำนวนจุดทศนิยมของคู่สกุลเงิน / ราคาอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน) x ขนาดของ Lots ตัวอย่างเช่น คุณเทรด EUR/USD กับ Forex โบรกเกอร์ที่ใช้ทศนิยม 4 ตำแหน่ง หรือ 4 จุด ราคาอัตราแลกเปลี่ยนของ EUR/USD ณ ปัจจุบัน คือ 2385 คุณเทรดโดยมีขนาดเท่ากับ Mini Lot size = 10,000 หน่วย ดังนั้น มูลค่า 1 pip ของ EUR/USD = ((0.0001)/ 1.2385) x 10,000 = 0.0000807 x 10,000 = 0.807 โดยหากบัญชีเทรดที่คุณเปิดอยู่กับ Forex Broker เป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เราจะสามารถพูดได้ว่า ทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาอัตราแลกเปลี่ยนไป 1 pip จะมีค่าเท่ากับการเปลี่ยนแปลงไป $0.807 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา การคำนวณหา กำไร/ขาดทุน จากการเทรด สมมุติว่า คุณเทรดคู่เงิน EUR/USD โดยทำการเปิด Buy 1 ออเดอร์ และใช้ขนาด Lot Size เท่ากับ $10,000 เมื่อราคา ณ ปัจจุบันข
  วิธีสังเกตุพฤติกรรมราคาพื้นฐานในการเทรด                หลายคนให้ความในสนใจในตลาด forex มากขึ้น แต่วิธีการเทรดให้ได้แบบยั่งยืนนั้นออกจะยากสักหน่อย หากเราไม่เข้าใจพื้นฐานที่ดีพอ หรือเข้าใจแบบถูกที่ถูกทาง ยิ่งโดยเฉพาะมือใหม่หัดเทรดยิ่งแล้ว มักจะยังไม่เข้าใจระบบการเทรดว่ามันเป็นแบบไหน แล้วดียังไง แล้วแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง วันนี้แอดจะมาแนะนำวิธีสังเกตุพฤติกรรมราคาพื้นฐานในการเทรด                พฤติกรรมราคา คือลักษณะหรือรูปแบบของกราฟ ซึ่งอาจแสดงออกเป็น Pattern ที่ซับซ้อน, รูปแบบ Price Action ต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือ เราพิจารณาพฤติกรรมราคาผ่าน "ลักษณะของทิศทาง" หลังจากที่ราคาได้กระทบ "แนวรับ-แนวต้าน" ซึ่งถือเป็นแนวราคาที่สำคัญ หรือพูดอีกอย่าง คือ เราจะสังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อราคามาถึงจุดที่สำคัญ ๆ                1. Range คือลักษณะที่กราฟแท่งเทียนเคลื่อนเป็นกรอบ ในตลาดที่มีสภาพคล่องมาก ๆ พฤติกรรมราคาแบบนี้กินระยะเวลาส่วนใหญ่ของทั้งตลาด เทรดเดอร์ระดับตำนานมักกล่าวว่า "ตลาดส่วนใหญ่เป็นไซด์เวย์" พฤติกรรมราคาที่เป็น Range จะเหมาะกับเทคนิคการเทรดโดยนิยมใช้เครื่อง
  Fibonacci Retracement  วิธีการเทรดโดยใช้ฟีโบนัชชี - จุดกลับตัว                Fibonacci เป็นตัวเลขที่มีอิทธิพลซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างมากในหมู่นักลงทุนเทรดเดอร์ ผู้ที่คิดค้นระบบตัวเลขนี้คือ  ลีโอนาโด ฟีโบนัชชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียนจากเมืองปิซา โดยตัวเลขเหล่านี้ล้วนแล้วมาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทั้งนั้น ของการรักษาสมดุลในธรรมชาติและสถาปัตยกรรม ซึ่งมีความสำคัญในตลาดการเงินโดยการใช้อัตราส่วนฟีโบนัชชีในการคำนวณแนวรับและแนวต้าน  กลยุทธ์การเทรด Forex เพื่อหาจุดกลับตัว และเป็นที่นิยมอย่างมากใน อัตราส่วนทองคำ โดยตัวเลข 1.618 ถูกเรียกว่า ‘ฟี’ หรืออัตราส่วนทองคำ Fibonacci Indicator                Fibonacci เป็นอินดิเคเตอร์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นไม่ว่าจะเป็นตลาดการเงิน หรือตลาดหุ้นก็ล้วนใช้อินดิเคเตอร์ตัวนี้ประกอบในการตัดสินใจทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะทองคำนั้น ตัวเลขมีความสัมพัทธ์กันโดยตรงเลยทีเดียวเชียว โดยการหาจุดพักตัว จุดกลับตัว จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน           1. มองดูเทรนใน TF กราฟใหญ่ เป็นหลัก D W M เมื่อมองเห็นเทรนแล้ว ให้ลากจุดต่ำสุดไปหาจุดสูงสุด หากมองเห็นเป็นเทรนขาขึ้น หรือจะ  ล
หากใครเทรดมาสักพัก และได้ลองศึกษาการใช้งาน  Indicator พวกที่วัดความผันผวน เช่น RSI Stochastic ก็จะต้องเจอ Overbought และ Oversold นักเทรดมือใหม่หลายคนก็อาจจะไม้เข้าใจ หรือใช้งานไม่เป็น วันนี้เราจะทำความรู้จักให้มากขึ้นพร้อมวิธีการใช้งาน  ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ภาวะ “ซื้อมากเกินไป” หรือ Overbought คือ การที่ราคาพุ่งไปสูงมากๆ จนอาจจะไม่มีคนซื้อต่อ เพราะ คนเริ่มรู้สึกว่าหากซื้อที่ราคานั้นตนจะขายของไม่ออกนั่นเอง ตัวอย่างก็เช่น การซื้อสินค้าแบรนด์เนมรุ่น limited หายากมาขายเก็งกำไร หากเราซื้อตอนเปิดตัวเราอาจจะได้ราคาตั้งต้น ณ ตอนนั้น แต่หากเวลาผ่านไปคนเริ่มหาของชิ้นนั้นได้ยากราคาจึงเพิ่มขึ้น โดยเราอาจจะขายต่อ ณ จุดนั้น แต่ในขณะเดียวกันคนที่ซื้อต่อเราไปหากนำไปขายต่อก็มีแนวโน้มจะไปขายต่อในราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน เพราะซื้อมาในราคาที่แพงกว่าบวกกับการที่สินค้าเป็นของหายาก และด้วยราคาที่แพงขึ้นก็อาจจะทำให้ขายได้ยากขึ้นเช่นกัน ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ภาวะ “ขายมากเกินไป” หรือ Oversold คือ การที่ราคาลดลงมากๆ หรือมีแรงขายจำนวนมากจนราคาเริ่มถูก จนทำให้ผู้ที่ต้องการซื้ออยากซื้อ หากเปรียบเทียบง