กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ แนวคิดการเทรด

บทความ

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับรูปแบบของราคาที่จะมักเกิดขึ้นได้บ่อย นั้นคือรูปแบบ Gab ซึ่งสามารถเจอได้ทุกตลาด ซึ่งเราจะหาคำตอบไปพร้อมกัน ว่าคือะไรและใช้อย่างไร  Gab คืออะไร✅ Gab คือช่องว่างของกราฟ ที่เกิดการกระโดดของราคาซึ่งมาจากความไม่บาลานซ์ของราคา ซึ่งเป็นความผันผวนของราคา โดยจะเกินหลังจากการปิดของแท่งเทียน และเปิดของแท่งเทียน  ยกตัวอย่าง การเกิด Gab  ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง แท่งเทียนปิดราคา 10บาท และอยู่ก็มีแรงชื้อจำนวนศาลเข้ามา ทุ่มซื้อ หรือ จนราคาต้องไปเปิดแท่งเทียนราคาที่ 15 บาท จึงทำให้เกิดช่องว่างราคา  สาเหตุที่เกิด Gab 😀 ก็มีหลายปัจจัย ไมว่าจะมาจากข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญ หรือเกิดการเทขายหนีตาย ซึ่งจะเกิดกับหุ้นที่ไม่มีพื้นฐาน หุ้นปั้น  หรือเหรียญคลิปโตที่เกิดใหม่ที่มันความผันผวนสูง  การตีความ Gab  🚀 โดยยหลักที่เคาตีความหมายกัน คือการเข้ามาของแรงซื้อแรงขายจำนวนมหาศาล จึงใช้เป็นตัวเพิ่มความมั่นใจและนัยยะสำคัญในการเข้าซื้อขายมากขึ้น  ถ้า Gap กระโดดขึ้นมักแสดงแนวโน้มขาขึ้น  ถ้า Gap กระโดดลงมักแสดงแนวโน้มขาลง  แต่เราไม่สามารถที่จะใช้  Gab   อย่างเดียวในการเข้าซื้อขาย แน่ต้องใช้รวมกั
Swap คืออะไร 💪 ก่อนที่เราจะไปรู้จัก Swap Free คืออะไร เราต้องรู้ก่อนว่า  Swap คือะไร โดยค่า Swap ก็คือ ค่า ธรรมเนียมในการถือออเดอรข้ามวันซึ่งค่าธรรมเนียมจะมีทั้งค่าบวกและค่าลบ ซึ่งอ้างอิงมาจากดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศที่เป็นเจ้าของสกุลเงิน โดยจะคิดค่าธรรมเนียมเมือราถือออเดอรขามวันหรือเวลา ตี 4  และคิด คิดค่าธรรม วัน พุธ ค่า Swap จะเป็น 3 เท่าของวัน ปกติ ทั้ง Swap ลบ และ บวก เพราะ มี การ นำเอา วัน เสาร์ และ อาทิตย์ มาคิดเป็นวันเดียว ทุกโบรก Swap Free✅ ก็ตรงตามชื่อ  Swap Free  นั้นคือ รูปแบบบัญชีที่ไม่มีการเก็บค่า ธรรมเนียม หรือ  Swap   โดยเมื่อก่อนบัญชีประเภทนี้จะมีให้กับ  ชาวมุสลิม    ตามความเชื่อของชาวอิสลามห้ามรับหรือจ่ายดอกเบี้ย แต่ในปัจจุบันก็มีหลายโบรคที่ออกบัญชีที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับคนธรรมดา   โ ดยจะเงื่อนไขตามที่โบรคเกอร์กำหนด  Swap Free เหมาะกับใครบ้าง👪 แน่อนว่าเหมาะสำหรับที่ที่เปิดออเดอร์ขามวันหรือข้ามเดือน ก็จะช่วยประหยัด  Swap  ไปเยอะมากๆ ยิ่งที่เราออเดอร์ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งโดนคิดว่า   Swap เยอะๆ  ปล. ควรอ่านเงือนไขของบัญชีแต่ล่ะประเภทให้ก่อนเปืดบัญชี เพื่อความป
เชื่อได้ว่า  leverage  คือสิ่งจำเป็นของเทรดเดอร์ เพราะจะเป็นตัวช่วยเพื่อกำไรให้เรามากขึ้น หรือใช้ทุนเทรดน้อยลง ซึ่งเมื่อก่อนก็นิยมเทรด leverage Lot ที่ใช้ในโปรแกรม Meta Trader 4  แต่มายุคหลังนี้ โบรกเกอร์บางโบรกเกอร์ ก็หันมาใช้โปรแกรมเทรดของตัวเอง และ ใช้วิธีคิด leverage แบบใหม่ นั้นคือ กำลังคูณในออเดอร์ไปเลย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักและความแตกต่างกัน  leverage lot 1:100 😀 เป็นรูปแบบที่เทรดเดอร forex รู้จักเป็นอย่างดี รูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบกำหนด  leverage ให้กับบัญชีเทรด  ตัวอย่างเช่น เปิดบัญชีแล้วเราเลือก leverage  1:100 หรือ 1*100 โดยเงินบัญชีขนาด 100 เหรียญเราก็เทรดได้ไม่เกิด 10,000 เหรียญ หรือเปิดได้ไม่เกิน 0.1  โดยใน 0.1 อาจจะแบ่งออกมาเป็น 0.01 ออกเป็น 10 ออเดอร์ก็ได้ โดยขนาด lot ดังนี้  1 Lot = 100,000 Unit 0.1 Lot = 10,000 Unit 0.01 Lot = 1000 Unit leverage x100 😀 จะเป็นรูปแบบหนึ่งที่เริ่มนิยมใช้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นโบรกเกอร์ option ที่มีการเทรด forex เข้ามา หรือ โบรกเกอร์ คริปโต ที่ให้เทรด future โดยหลักคำนวนจะเหมือนกัน นั้นคือ คูณกำลัง แต่แต่ต่างตรงที่ เป็นการกำหนด leverage
เชื่อได้ว่า หลายคนน่จะเห็นข่าวเกี่ยวการปั่นราคาของหุ้นมาบ้าง ที่หลายคนเรียกว่าหุ้นปั่น ล่อเม่า หรือแม้แต่ยุคปัจจุบันก็มีการปั่นเหรียญคลิปโต วันนี้เราก็แนะทางการหลักสักเกตเพื่อป้องกันไม่ให้เราเป็น เม่าที่โดนเผา หลักสักเกตุ การปั้นราคาในตลาด✅ 1.สินค้านั้นมักจะมีมูลค่าน้อย📈  จะเห็นได้ว่า หุ้นหรือ คลิปโตที่โดนปั้นราคา มักจะเป็นเหรียญหรือหุ้นขาดเล็ก เพราะง่ายต่อการปั่นเพราะมูลค่ามันน้อย การใช้เงินในการปั้นราคาก็จะน้อยตามไปด้วย 2.ราคาจะขึ้นอย่างรวดเร็วมาก📈 ราคาที่วิ่งเร็วปานสายฟ้านั้น ก็เพราะสินค้าบางตัวมันมีขนาดเล็กมา การทุบเงินใหญ่เข้าก็ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  3.การขึ้นผิดธรรมชาติ 📈 อยู่ดีๆก็ขึ้น ทั้งที่กำไรหรือตัวเลขของหุ้นนั้นก็ไม่มีอะไรเลย อยู่ราคาก็ขึ้นเฉย หรือในฝั้งคลิปโต Dogecoin : Shiba Inu ก็ถูกคนที่อำนาจหรือมีพลังอย่าง อีลอน มัสก์ ทวิตบอกว่าสนใจ ราคาก็ขึ้นสูง  ปล. จะสักเกตุได้ว่า เราไม่ได้เล่าถึง ตลาด forex เลยก็เพราะว่า forex นั้นมันคือ ค่าเงิน และมันอิงกับการอ่อนตัวและแข็งตัวของค่าเงิน และสเกลมันก็ใหญ่เกินที่จะมาปั้นราคาได้นั้นเอง  สรุปการเทรดสินค้าที่ไม่ใช้สินค้าหล
ข่าววันนี้ที่เรานำเสนอนั้น ก็เป็นยอีกหนึ่งข่าวตัวที่น่าสนใจมากเพราะมันเป็นการบ่งบอกถึง การใช้งานของคนในประเทศ รวมไปถึงเศรษฐกิจ นั้นคือข่าว  Retail Sales และ Core Retail Sales  Retail Sales และ Core Retail Sales👚👛 --Retail Sales คือ รายงานยอดขายปลีก จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีกที่มูลค่าดังกล่าวได้ปรับชดเชยอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุดที่บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นจำนวนที่มากที่สุดของระบบเศรษฐกิจโดยรวม --ส่วน Core Retail Sales คือ รายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของยอดขายในธุรกิจการขายปลีกโดยไม่รวมยอดขายรถยนต์ ถือเป็นดัชนีที่สำคัญของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและยังถือว่าเป็นดัชนีหลักตัวหนึ่งสำหรับระบบเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา --ดัชนียอดค้าปลีกหรือ Retail Sales เป็นตัวบอกให้เห็นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ ของ GDP ในสหรัฐ (ประมาณ 70%) การตีความข่าวRetail Sales ✅ ค่าที่สูงกว่าที่คาดไว้ถือว่าเป็นลักษณะเชิงบวกตลาดกระทิงสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ📈 ส่วนค่าที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ถือว่าเป็นลัก
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรดทุกวัน ก็ต้องมีบางทีร่างกายเราไม่พร้อมต่อการเทรดหรือไม่สบาย  วันนี้เราจะมาบอกว่า ทำไมสุขภาพไม่พร้อม....ก็ไม่ควรเทรด  ทำไมสุขภาพไม่พร้อมไม่ ควรเทรด 😰 การเทรดนั้นมันก็เหมือนเราแข่งขันกีฬา  ถ้าร่างกายไม่พร้อมแน่นอน ว่าเราจะใช้ความสามารถของเราได้ไม่เต็มที่ การเทรดที่ต้องการสมาธิสูงในการตัดสินใจ การที่ร่างกายไม่พร้อมก็จะทำให้สมาธิทำได้ไม่เต็มที่ และ เป็นเหตุที่จะทำเรานั้น มีการตัดสินใจที่ผิดพลาด และมีโอกาสสูงที่เราจะไม่ได้ทำตามระบบ 100  เปอร์เซ็น ผลกระทบการเทรด 😰 - เมื่อเทรดแพ้ มีแนวโน้มที่จะทำสุขภาพแย่ลงเพราะมีความเครียดที่เพิ่มขึ้น และทำให้สุขภาพเราแย่ลง  - มีโอกาศที่จะคุมอารมณ์ไม่อยู่และมีโอกาสนอกระบบ ความเสียหายอาจไปถึงล้างพอร์ต  แนวทางการแก้ไข  😰 - แนวทางเดียวที่จะทำได้ นั้นคือ พักผ่อนไม่เทรด รอให้ร่างกาย กลับมาสมบูรณ์ แล้วค่อยกลับมาเทรด  หรือไปพบหมอ ให้เรากลับมาเทรดได้เร็วขึ้น  - คิดว่าเสมอว่า โอกาสการเทรดนั้นมีให้เราตลอดเวลา  - ไม่เทรดไม่เสียเงิน ถึงเราชะนะได้แต่ไม่ใช้โซนที่สมบูณแบบของเรา เป็นการชนะแบบ โชคช่วย  cr.image🙏🙏 https://www.freepik.com/free-phot
  หลังจากที่เราได้ทำความรู้เกี่ยวกับโรค  FOMO (Fear of Missing Out) หรือโรคกลัวพลาดโอกาศการซื้อขาย วันนี้เราจะมาเล่าถึงผลกระทบ และ แนวทางการรับมือ ของโรค  FOMO  ผลกระทบของ โรค  FOMO (Fear of Missing Out)  1.เสียสูขภาพ❌ เพราะเราจะเสียเวลาไปการเฝ้าหน้าจอ และ เฝ้ารอสัญญาณ  และเมือมองจองหรือจดจ่อมากเกินไป ก็จะส่งผลต่อการนอนและรวมไปถึงสูขภาพอย่างอื่น  2.ประสิทธิภาพการทำงานทำงานลด😨 เพราว่าเราจะมัวแต่กังวลต่อราคามากเกินไป จึงทำให้เราไม่สมารถทำงานได้เต็มที่ เพรามัวแต่กังวลวาราคาจะถึงหรือยัง หรือรอ สัญญาณจะมาหรือยัง  3.ความคาดหวังสูงเกินไป 😻 อีกหนึ่งปัจจัยที่ให้เกิดโรค FOMO (Fear of Missing Out) นั้นคือ อยากรวยเร็ว หรือรวยข้ามคืนหรือ ไม้เดียวเปลียนชีวิต ชีวิตคาดหวังมากเกินไป จะทให้เราเครียดและกดดัน  4.ไม่มีกฏการเทรด 😮 เมือเรารับข่าวสารมากหรือสัญญารจากเซียนต่างๆมากเกินไป จะทำให้เราไม่มีแนวทางของตัวเอง นั้น ทำให้เรานั้น ไม่สามารถที่จะหาเงินได้ตัวเอง  5.มีโอกาส OverTrade 💢 เมือมีความคาดหวังที่สูงมาก็เป็นธรรมดาที่จะลงเงินหนัก ยิ่งตามเซียนที่แม่นๆๆ เราก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นก็ทุบหนัก แน่นอนว่า แพ้ขึ
โรค FOMO (Fear of Missing Out) หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่เชื่อได้เลยว่าแถบจะทุกคนในตลาดการเทรดต้องเคยเป็นโรคนี้แน่นอน วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก และผลกระทบของโรคนี้กัน  FOMO (Fear of Missing Out) คืออะไร 😓 หรือเรียกอีกชื่อว่า โรคกลัวตกรถ ในภาษาหุ้น เป็นอาการของคนที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาหุ้นหรือกลัวที่พลาดโอกาสในการซื้อขาย  จนทำให้เกิดการการขายรูปแบบ Panic buy และ Panic sell  ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุใหญ่ในการเทรดขาดทุน ไม่แพ้กับอาการ Loss Aversion การหลีกเลี่ยงการสูญเสีย  และ  FOMO สำหรับคนธรรมดาไม่ได้เทรด คือ  โรคกลัวการตกแระแส กลัวไม่ทันข่าว  และกลัวไม่ได้เป็นที่ยอมรับ ฉนั้นคนกลุ่มนี้ก็จะอัปเดธตัวเองตลอดเวลาและ ต้องการความสนใจจากคนรอบข้าง หรือ เรามั่งจะยินเสียงแจ้งเตือนตลอดเวลา เป็นต้น  อาการของคนเป็น  FOMO ในการเทรดหรือลงทุน 1.เสพติดการเฝ้าหน้าจอ 💻 ต้องการติดตามทุกราคาทุกโอกาส พยามเข้าหาตลาอดตลอดเวลา จนทำให้สมดุจชีวิตเปลียนไป และมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเครียกสะสมและ สมาธิลดลง นั้นเป็นจุดที่ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด 2.ตามเซียนหรือกูรูมากเกินไป 😁 เชื่อว่าหลานคนที่เข้ามาใหม่ไม่ว่าจ
รีโควต-Requote คืออะไร ❓😡 อาการหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เทรดเดอร์ทำการเปิดสัญญา Buy หรือ Sell แล้ว แต่ระบบไม่สามารถเปิดคำสั่งซื้อตรงนั้นออกไปได้ และแจ้งกลับมาให้เทรดเดอร์ทราบว่าเส้นราคานั้นมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการเข้าชื้อขาย  ❗ตัวอย่างเช่น เราเช้าซื้อที่หุ้นที่ราคา 5 บาท กดส่งคำสั่งไปเราไม่สามารถซื้อได้ 5 บาทได้เพราะราคาเปลี่ยงแปลงไปแล้ว  สาเหตุของการ Requote 😈 😈1.ช่วงเวลาที่สำคัญ อย่างเช่นข่าวหรือเหตุการสำคัญในตลาดที่มีการผันผวนสูงและมีการซื้อขายอย่างรุนแรง ทำให้เรากดแล้วไม่สามารถที่ไปจับคู้กับราคาที่ต้องการได้  😈 2. Server ต่างประเทศ โบรคเกอรส่วนใหญ่ที่เราเทรดนั้นส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ  ร่วมไปถึงคุณภาพของอินเตอร์เน็ตของเรา หาก เน็ต คุณไม่ดีหรือ มี ping ที่เยอะเกินไป ก็ทำให้ได้มีโอกาศที่จะโดน รีโควต  😈 3.โบรคเกอร์ไม่รับซื้อขาย บางครั้งโบรคเกอรก็จะมีเหตุผลที่เลือกจะไม่รับออเดอร์เรา และถ้าเป็นโบรคเกอรที่รับกินเองไม่ส่งเข้าตลาด ก็มีโอกาศสูงที่จะไม่รับออเดอร์ของเราในช่วงเวลาของข่าวหรือเหตู์การ์ณสำคัญ  วิธีป้องกันการ Requote 😀 😀1. Set Maximum Deviation  ให
Leading และ​ Lagging Indicators คิดว่า หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่ามันคืออะไร  Leading และ​ Lagging Indicators นี้รูปแบบการแสดงผลของ Indicators ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จัก  Leading และ​ Lagging Indicators รวมไปถึงข้อดีและข้อเสีย  Indicators แบบ  Lagging 💻 เป้น Indicators  ที่จะนำข้อมูลในอดีตมาคำนวนทางคณิตศาสตร์แล้วนำมาแสดงผลบนกราฟ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมารูปแบบ ค่าเฉลีย ซึ่งทำให้ Lagging  มีความล่าช้าตามซื่อของมันเลย Lagging (ล่าช้า)   Lagging indicator ที่พบบ่อยที่สุดคือ ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่อย่างง่าย, Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD). ข้อดี ✅ สัญญาณที่ได้จาก Lagging  จะมีความแข็งแรงสูง เพราะเกิดจากนำข้อมูลในอดีตมาคำนวณ ยิ่งเวลาที่ในการคำนวณยิ่งเยอะมากขึ้น สัญญาณที่ได้ออกมาก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้น  ข้อเสีย ❌ ความล่าช้าของสัญญาณ ยิ่งใช้ข้อมูลที่เยอะ สัญญารที่ออกมาก็จะยิ่งล่าช้า  Indicators แบบ Leading indicator📐 ก็เป็น Indicators ที่ใช้ข้อมูลในอดีตเหมือนกัน แต่ไม่ใช้ในการคำรวณทางคณิตศาสต์ แต่ใช้เป็นเพียงจุดดูสถานการณ์ของราคา
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรดมาสักระยยะ ก็คงเจอกับเครื่องมือชี้วัดต่างๆ หรือ อินดิเคเตอร์ แน่นอนว่า อินเคเตอร์บนโลกในันี้มีเป็นพันๆ ตัวและออกใหม่ทุกวัน แต่อินเคเตอร์ที่ออกมานั้นก็จะมี หมวดประเภท สำหรับแบ่งแยกใว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน  ประเภทของอินดิเคเตอร์ ✅ การแบ่งประเภทของอินดิเคเตอร์นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ แต่หลักๆสากลที่นิยมแบ่งกันนั้นก็จะมีดังนี้  1.Trend Indicators: อินดิเคเตอร์บอกแนวโน้ม  ✅ เป็นที่ใช้บอกถึงแนวเทรนโน้มของราคาว่าเป็น เทรนขาขึ้น หรือ ขาลง หรือไม่มีมีเทรน sideway โดย Trend Indicators: อินดิเคเตอร์บอกแนวโน้ม ส่วนใหญ่มากจการคำนวณค่าเฉลี่ยทางคณิศาาตร์แล้วนำมาแสดงผลในกราฟ  อินดิเคเตอร์บอกแนวโน้ม ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Moving Average (MA), Exponential Moving Agerage (EMA), Parabolic SAR, Average Directional Index (ADX) และ Moving Average Convergence Divergence (MACD) 2.Momentum Indicators: อินดิเคเตอร์บอกโมเมนตัม  ✅ หรือจะถูกเรียก  oscillators   วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือ อัตราเร่งในการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาหนึ่ง ๆ โดยมีกรอบการวัดโมเม้นตั้ม 1-1
  หลังจากที่เราได้นำเสนอเกี่ยวกับ ข่าว Non-Farm ไปแล้ว วันนี้เราก็จะไปทำความรู้กจักข่าวนอนฟามอีกรูปแบบหนึ่งที่จะมาก่อน Non-Farm  จริง นั้นคือ ADP Non-Farm  ว่ามีความสำคัญแค่ใหน ADP Non-Farm คือะไร 😱 หรือในชื่อเต็ม ADP Non-Farm Employment Change คือ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศโดย Automatic Data -Processing, Inc.:ซึ่งเป็นการจ้างงานของภาคเอกชน โดยจะประกาศตัวเลขในวันพุธแรกของทุกเดือน โดยจะประกาศก่อน ข่าว  Non-Farm   ความสำคัญ ADP Non-Farm 😱 ADP Non-Farm จะบอก การจ้างงานนอกภาคเกษตรแบ่งได้ 3 รูปแบบใหญ่ๆ คือ 1.บริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงาน 1-49 คน 2.บริษัทขนาดกลางซึ่งมีพนักงานที่มี 50-499 คน และ3.บริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป การตีความADP Non-Farm 😱 การตีความก็เหมือนการตีความข่าว ADP Non-Farm นั้นคือ  ตัวเลข Non-Farm Payrolls สูงขึ้น 📈 ตัวเลขออกมาสูงกว่าเดิม  USD มักจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มปรับตัวต่ำลง ตัวเลข Non-Farm Payrolls ต่ำลง📉 ตัวเลขออกมาต่ำกว่าเดิม  USD มักจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาทองคำ จึงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ปล.❗ความผันผวนของกราฟนั้นจะ
ทริค mt4 วันนี้เราคาจะมานำเสนอ  การ Save Template หรือ บันทึกการตั้งค่ากราฟของเรา ไปใช้กับกราฟอื่นและ ใช้กับเครื่องอื่น  เพื่อลดเวลาในการตั้งค่ากราฟใหม่ วิธีการ SAVE TEMPAGE บน MetaTrader4 ✅ หลังจากที่เราตั้งค่ากราฟ ไม่ว่าจะเป็น อินดิเคเตอร์ ,โรบอทเทรด expert advisor  หรือค่าสีกราฟ อย่างที่ต้องการแล้ว 👉ให้คลิกขวาที่กราฟของที่ต้องการ บันทึก Save Template หลังจากนั้น เลือก Template  และ คลิกเลือก Save Template ตั้งชื่อ Template หลังจากนั้น คลิก Save  / Save Template เรียบร้อย วิธีใช้งาน Template 💬 เปิดกราฟใหม่ขึ้นมา แล้วหลังจากนั้น คลิกขวาที่กราฟที่ต้องการใช้ Template  หลักจากนั้นเลือก Template ที่เราบันทึก  การใช้  Template กับเครื่องอื่น💥 ถ้าอยากขาย Template หรือ ต้องการ ใช้ Template กับเครื่องอื่น เราสามารถทำได้ โดยวิธีการดังนี้  เลือก file และเลือก Open Data Folder  และเลือกโฟรเดอร์ templates  หลังจากนั้น เราก็จะเห็น ไฟล์ templates  ที่เราบันทึกใว้ เเราสามารถ คัดลอกไฟล์ใช้กับเครื่องอื่น โดยคัดลอกไปใว้ยังตำแหน่งเดิมที่เราคัดลอกมา เลือก file และเลือก Open Data Folder  และเลือกโฟรเดอ
เชื่อได้ว่าหลายคนที่เทรด forex นั้นจะต้องเคยเจอข่าวที่จะส่งผลต่อกราฟของราคา forex และหนึ่งในข่าวที่แรงที่สุดนั้นก็คือ ข่าว Non Farm  ซึ่งวันนี่เราก็จะไปทำความรู้จักและวิธีการตีความหมาย รวมไปถึง เหตุผลที่เราไม่ควรเทรดข่าวนี้  Non-Farm คืออะไร 🚩 Non-Farm Payrolls หรือในชื่อย่อว่า NFP การรายงานอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ ไม่รวมอุตสาหกรรมภาคเกษตร ประกาศออกมาสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถ้าตัวเลขสูงกว่าตัวเลขที่คาดการ์ณใว้ ก็แสดงว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น แต่ถ้าตัวเลข น้อยกว่า คาดการ์ณใว้  เศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลง และเนื่องด้วย USD เป็นทุนสำรองแทบจะทุกประเทศ ฉนั้นมันก็จะสงผลต่อราคาแลกเปลี่ยน จึงทำให้ราคากราฟทั้งตลาดมีการผันผวนหลังจากประกาศตัวเลข โดยจะประกาศตัวเลข วันศุกร์แรกของเดือน เข้าไปดูได้ที่ forexfactory การตีความหมาย Non-Farm Payrolls 🔥 ตัวเลข Non-Farm Payrolls สูงขึ้น ตัวเลขออกมาสูงกว่าเดิม  USD มักจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มปรับตัวต่ำลง และผลกระทบต่อคู่เงินที่มี USD อยู่ข้างหน้า เช่น USDJPY, USDCHF : ราคามีจะแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้น ผลกระทบต่อคู่เงินที่มี USD อยู่ข้างหลั