กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ จิตวิทยาการเทรด

บทความ

 8 Ways to Improve Self-Regulation EP.2 8 แนวปฎิบัติในการกำกับควบคุมตนเอง มาต่อกันจากความเดิมตอนที่แล้ว กับแนวปฎิบัติในการกำกับควบคุมตนเอง                 4. ฝึกฝนพัฒนาวินัยของตน (Practicing self-discipline) การพัฒนาวินัยของตนเอง จะต้องเริ่มที่ความมุ่งมั่นก่อน ว่าจะนำความคิดริเริ่มดี ๆ มาใช้ในการทำงานและเพียรพยายามให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่ท้อถอย เช่นการพลัดวันประกันพรุ่ง หรือคำว่าเดี๋ยวก่อน นี่ ทิ้งไปได้เลย                5. ปรับแก้ความคิดลบ (Reframe negative thoughts)   การปรับแก้ความคิดลบๆ ทำได้โดยไม่เข้าข้างตนเอง และวิเคราะห์สถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น ว่าที่จริงแล้วเกิดมาจากอะไร               6. สงบใจเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน (Keeping calm under pressure) การกำกับควบคุมตนเอง เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก แต่หากเราเราลองถอนตัวออกจากสถานการณ์นั้นสักระยะหนึ่ง เพื่อสงบจิตสงบใจ และผ่อนคลายจิตใจด้วยการสูดลมหายใจลึก ๆ และปล่อยออกช้าๆ สักห้ารอบ (mentally) ปล่อยใจให้ว่างเปล่า ก็จะทำให้สามารถควบคุมตนเองได้ดียิ่งขึ้น                7. หมั่นนึกถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น (Considering the consequence
  8 Ways to Improve Self-Regulation EP.1  8 แนวปฎิบัติในการกำกับควบคุมตนเอง                  หลังจากที่เราได้ตระหนักรู้และเข้าใจตัวตนของตนเองไปในระดับหนึ่งแล้ว การก้าวข้ามไปให้สุดนั้นมันยังไม่จบ ก็เหมือนกับการที่เราเดินขึ้นบันไดนั่นแหละ กว่าจะถึงจุดหมายหรือชั้นบนสุด อาจะต้อง ก้าวขึ้นไปอีกสองหรือสามขั้น แล้วแต่ว่าเรามีปัจจัยรอบข้างอะไรมาทำให้ขั้นบันไดนี้สูงขึ้นหรือต่ำลงหละ                 ในแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต เราทุกคนล้วนมีทางเลือกเสมอว่าจะรับมือกับมันอย่างไร  และคนส่วนใหญ่ก็มักจะตอบโต้กลับในสถานการณ์ที่กดดัน ด้วยพฤติกรรมในเชิงลบเสมอ เช่นการแผดเสียง  โกรธจนหน้าแดง ตัวสั่น ขว้างปาข้าวของ หรือด่าทอด้วยคำหยาบคาย                 เมื่ออารมณ์เข้าครอบงำการใช้เหตุผล มันจะถูกปลดปล่อยออกมาตามแรงกดดัน กว่าจะรู้สึกตัวหรือสงบสติอารมณ์ได้ พฤติกรรมทั้งหลายที่แสดงออกไปก็ส่งผลเสียทั้งต่อตนเองและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง                    การหมั่นฝึกให้ตนเองคิดและแสดงออกในทางบวก  โดยใช้เหตุผลและสติแทนการใช้อารมณ์ จะช่วยให้การมีพฤติกรรมตอบโต้ในเชิงบวก  และหากเราฝึกฝนและพัฒนาควบคุมตนเอง (self-
 Overconfidence คืออะไร 😁 Overconfidence Bias หรือชื่อภาษาไทย คือความมั่นใจมากเกินไป เป็นหนึ่งใน Bias ที่นักลงทุน ควรที่มีการจัดการ เพราะว่าการที่มั่นใจมากเกินไป จะเกิดประมาท และการทุ่มสุดตัวหรือมีคาดหวังมากเกินไป ซึ่งจุดเริ่มต้นของการล้างพอร์ต   ผลกระทบ Overconfidence Bias 😁 1.มีโอกาสที่จะเรา Overtrade ยิ่งมั่นใจเราก็ยิ่งอยากจะได้กำไรมากขึ้น จงทำให้เรา Overtrade หรือไม้เดียวเปลี่ยนชีวิต ซึ่งเสียงมากที่จะล้างพอร์ต หรือติดลบหนัก  2.มีโอกาสที่นอกระบบหรือนอกแผน ยิ่งเราชนะมากขึ้นเรื่อง ความมั่นใจก็ยิ่งเยอะตาม ทำให้บางออเดอรนั้นเราไม่ทำตามระบบ 100 เปอรเซน ทำให้มีโอกาสที่เราจะติดลบสูง แนวทางการแก้ไข  😁 1.ต้องรู้ตัวเอง การมีความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การมีมากเกินไปมันก็อาจจะส่งผลเสียกับเราได้  2.เอาความมั่นใจนั้นไปทำตามแผนที่วางใว้ จากมั่นใจตัวเองก็จะเป็นการมั่นใจในระบบของเรา  3.ให้นึกใว้ว่า การเทรด คือสงคราม เราไม่สามารถประมาทได้ ใครพลาดคือ ตาย cr.อ่านเพิ่มเติม  https://www.krungsriasset.com/TH/Plan-your-investment/Learn-about-Investment/bias-in-investment.aspx cr.image https://www.freepi
 วิธีการเพิ่ม Self-Awareness ให้กับตัวเอง EP.3                จากความเดิมตอนที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับ  Self-Awareness ไปแล้วแต่น้อยคนนักที่ยังจัดเรียง กระบวนการย้อนไปย้อนมา หรือซ้ำซ้อนอยู่พูดง่ายๆก็ยังจัดเรียงไม่ถูก วันนี้แอดจะมาแชร์ วิธีการ ฝึกการสะท้อนตนเอง (self-reflection) เป็นการหยุดเพื่อกลับมาสังเกตตนเอง วิเคราะห์ตนเอง เพิ่ม Self-Awareness ให้กับตัวเองแบบเป็นขั้นเป็นตอน มาเริ่มกันเลยดีกว่า             1. ฝึกการสะท้อนตนเอง (self-reflection) เป็นการหยุด เพื่อกลับมาสังเกตตนเอง วิเคราะห์ตนเอง การสะท้อนตัวเองจะช่วยให้เห็นมุมมองใหม่ๆ และเป็นพื้นฐานในการจัดลำดับความสำคัญให้ตนเอง              2. เขียนจดบันทึก  มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความตระหนักรู้ของตัวเอง โดยเรียงลำดับเป็นข้อๆ เช่น หัวข้อที่เกี่ยวกับความสุข  Happiness worksheet หรือแม้แต่การเขียนเพื่อระบายความรู้สึกแบบ Expressive writing ก็สามารถช่วยทำให้เรามี self-awareness ได้             3.  ฝึกรับฟังอย่างลึกซึ้ง (deep listening)   วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้คุณสามารถเพิ่ม self-awareness ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะ
    Self awareness   แค่รู้จักและเข้าใจตัวเอง ก็สามารถเข้าใจกราฟได้ EP.2              👀  จากความเดิมตอนที่แล้ว เราได้เริ่มรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมากขึ้นแล้ว สเตปต่อไป สำหรับการทำความรู้จักตนเองให้มากขึ้น ก็คือการพัฒนาตนเอง มา วันนี้เราจะมาพัฒนาตนเองไปพร้อมๆกันนะ ต้องรู้จักใจตัวเองให้มากขึ้น                ทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะบอกว่าไม่รู้จักใจตัวเอง  เพราะคนส่วนใหญ่ทุกคนก็วิ่งหาความสุขทั้งนั้น ทำงานก็อยากมีเงิน อยากมีความมั่นคงในชีวิต อยากมีความสุข  แต่สิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นต้องยอมรับนั่นก็คือ ความทุกข์มักมาพร้อมกับความสุขเสมอ  แต่เชื่อไหมว่าคนส่วนใหญ่มักยอมรับแค่ความสุขเท่านั้น แต่ความทุกข์กลับไม่ยอมรับสะงั้นแหละ  เพราะความทุกข์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์มาจากจิตใจล้วนๆ              ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรารู้ว่าเราเป็นคนฟุ้งซ่าน ชอบกังวลกับอนาคต แสดงว่าเราเป็นคนชอบคิดถึงแต่เรื่องในอดีต  ต้นเหตุของทุกข์มักจะมาจากนิสัยเหล่านี้ โดยที่ไม่รู้ตัว                 ถ้าเป็นอยู่บ่อยๆ ก็ต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลา ถ้าเตือนได้ รู้ตัวจริงๆ ทุกข์ที่มีจะน้อยลง ความสุขก็จะมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องไปเห
  Self awareness   แค่รู้จักและเข้าใจตัวเอง ก็สามารถเข้าใจกราฟได้ EP.1             👀  จุดเริ่มต้นของปัญหาเกิดจากการไม่เข้าใจ แต่.....หากเราลองเปลี่ยน เพียงแค่ รู้จักและเข้าใจตัวเองให้ได้เสียก่อน แล้วจะเราจะเริ่มเข้าใจสิ่งอื่นๆเพิ่มมากขึ้น แล้วเราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ จงลงมือทำตั้งแต่วันนี้มาดูกันว่าคุณรู้จักและเข้าใจตัวเอง มากน้อยแค่ไหนกัน แล้วมันสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การเข้าใจกราฟได้ในอนาคตได้อีกด้วยยังไง ลองมาอ่านกันดู รู้จักตัวตนที่แท้จริง                ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกันเลย วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คนบางคนเรียนรู้ผ่านการอ่าน บางคนเรียนรู้ผ่านการฟัง และบางคนเรียนรู้ผ่านการกระทำ           ยกตัวอย่างเช่น แม่กับลูก ที่มีสายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่ยังไม่เหมือนกัน คนเป็นแม่เรียนรู้ผ่านการอ่านเขียน  แต่พอเห็นลูกไม่อ่านหนังสือ  กลับต่อว่าลูกว่า ทำไมจึงไม่อ่านหนังสือ   นั่นเป็นเพราะ ลูกเรียนรู้ผ่านการลงมือกระทำ คราวนี้ลูกก็เลยถามแม่กลับว่า ทำไมไม่ทำ จึงเกิดเป็นการไม่เข้าใจกันนั่นเอง                ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมองหรือว่า ให้ค
  การขาดทุนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เจอ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการเทรด ไม่ว่าจะเทพขนาดใหนก็ต้องเจอกับการขาดทุน ซึ่งรูปแบบ การขาดทุน นั้น ก็แบ่งได้หลายรูปแบบ ดังนี้  รูปแบบการขาดทุนในตลาด❌❌ 1. การขาดทุนเงินทุน Capital Losses 😂 เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด หรือเรียกๆ ง่ายว่า Stoploss หรือการตัดขาดทุน   ตัวอย่าง  เราซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ในราคา 10 บาท และวางแผนไว้ว่า กำไร 15 บาทก็จะปิด และตัดขาดทุน ที่ราคา 8 บาท เมือเราได้เข้าซื้อแล้วราคาดันราคาลงมาที่ 8 บาท เราเลยตัดสินใจปิดออเดอรหรือ ขายออเดอรนี้ออกไป จึงทำให้เราเงินในพอร์ตเราลดลง  เป็นรูปแบบพูดเหมือนง่ายแต่ทำจริงมันยากมากๆ เพราะคนเราไม่ชอบการสูญเสียหากใจหรือระบบไม่ชัดเจนก็มีโอกาสที่จะไม่สามารถที่ะปิดออเดอรได้ตามแผนที่ตั้งไว้ เพราะมีอารมเข้ามาเกี่ยวข้อง  2.ขาดทุนโอกาศ Lost Opportunities 😢 รูปแบบนี้จะไม่เสียในตัวเงิน แต่จะเสียเวลาและโอกาสแทน  หรือพูดง่ายคือ  เท่าทุน เป็นรูปแบบที่ซื้อหุ้นใว้ 1 ตั้ว แล้วราคามันก็ขึ้นไป แต่เราไม่ได้ปิด กะปล่อยยาว แต่ราคาก็เริ่มที่ เปลี่ยนรเทรนและลงมาอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดียวกับที่เข้าออเดอร์ นั้นจึงทำให้เรา
Keep up trading with emotions รู้ให้เท่าทันอารมณ์เทรด                เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่มีกระบวนการพัฒนาจิตที่ดี การจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยวาง หรือปล่อยปะละเลย                 จริงอยู่วิธีการปล่อยวางอารมณ์ของตนเองนั้นง่ายแสนง่าย แต่ในทางปฎิบัติแล้ว ยากแสนยากที่สุด เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้น ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความรู้สึกเพื่อต่อยอดความคิดเสมอ จงเรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึกตัวเอง             👌 อย่างแรกเลยที่ต้องเรียนรู้ในการจัดการความเร้าอารมณ์ คือเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความเชื่อในตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้เรามักเอาไปใช้ร่วมกับการเทรดในทุกๆวันโดยที่เราไม่รู้ตัว อารมณ์และจิตใจมักมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับความไม่แน่นอนของการซื้อขายในแต่ละวันเสมอ จนกลายเป็นการตอบรับทางสัญชาตญาณในการจัดการอารมณ์แบบเชิงรุก มันเป็นยังไง???                👌 บ่อยครั้งที่เราเทรดโดยปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือการควบคุมและขอบเขต มันคือผลกระทบภายนอกที่เป็นสิ่งเร้าเข้ามาภายใน หากถูกทางก็จะเป็นตัวกำหนดและเพิ่มความทะเยอทะยาน ที่อยากจะชนะแล้วชนะอีก จนลืมคำว่าแพ้ จนวัน
  วันนี้เราจะแนะนำ อินดิเคเตอร์อีกหนึ่งตัวซึ่งเป็นผลงานเอกของ Larry R. Williams เจ้าของแชมป์เทรด World Cup ChampionShip of Futures trading ปี 1987 นั้นก็คือ  Williams %R   พร้อมแนวทางการใช้งาน  Williams %R คืออะไร 💻 อินดิเคเตอร์ที่มีความสามารถในการวัดโมเมนตัมตัวของราคา  โดยใช้ราคาปิดปัจจุบัน เทียบกับช่วง High-Low ในอดีต (ย้อนหลัง 14 วัน  ค่า Default   ) เพื่อดูว่า ราคาปิดปัจจุบันนั้นอยู่ในช่วงต่ำ หรือสูง เมื่อเทียบกับรอบการแกว่งตัวที่ผ่านมา  โดยใช้สูตรคำนวณ  สูตรการคำนวณ💻 %R = (Highest High – Close)/(Highest High – Lowest Low) * (-100) Lowest Low = lowest low for the look-back period Highest High = highest high for the look-back period %R is multiplied by -100 to correct the inversion and move the decimal. แนวทางการใช้งาน ✅ 1. Cross of -50 🚧 เนื่องด้วย  Williams %R  วัดโมเมนตัม โดยใช้ เส้น 50 เป็นค่ากลาง หากค่า    %R มากกว่า -50 ก็เป็น โมเมนตัมเชิงบวก แต่  Williams น้อยกว่า  -50  ก็เป็น โมเมนตัมเชิงลบ  ❗ปล.อาจต้องปรับค่า  Period ของ   Williams %R ให้มากขึ้นเพื่อลดสัญญาณหลอก  2. Over
 How to controlling emotions trading  วิธีการควบคุมอารมณ์ในการเทรด ตอน 2               หลังจากที่เราควบคุมอารมณ์ในการเทรด จากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเทรดไปได้แล้ว การวางแผนในการเทรด ก็เริ่มจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว ยังมีอะไรหลงเหลือให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีกบ้าง แอดบอกได้เลยว่ามันมีเยอะมากนะ เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องการการเอาใส่ใจดูแล หรือการติดตามผลงานกันสักหน่อย  อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าดอยอย่างมีความหวัง                👋 การจะเทรดให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องหัด เทรดได้และเทรดเสียให้ชิน  หากคุณเทรดแล้วผิดทางหรือคัทลอส แต่มันยังอยู่ในระบบและควบคุมได้ ก็เพียงแค่ลองใหม่ในวันอื่น แค่นั้นเอง หลายคนเทรดเสียมากกว่าเทรดได้จนเกิดความคิดที่ว่า หากคัทลอสบ่อยๆก็สู้ดอยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสีย    นั่นเป็นความคิดที่ ผิด                👋 หากคุณปล่อยออเดอร์ที่ผิดทางให้ดอยไปเรื่อยๆ จากที่จะเสียน้อย กลับเสียมากและมากขึ้น ดีไม่ดี อาจลากจนหมดไส้หมดพุง และเมื่อนั้นแหละ อารมณ์แห่งจอมมารจะกลับมาอีกครั้ง และอาจจะล้างพอร์ตกันไปเลยทีเดียวเชียว                👋
หากใครเทรดตลาดหุ้นมาหรือ Forex มา ก็ต้องเจอคำที่ว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน มาแล้ว   ซึ่งวันนี้เราจะมาพิสูจน์ว่า คำนี้มันใช้งานได้จริงใหม  ไม่ขายไม่ขาดทุน จริงใหม❓ ก็ตอบว่าจริงบางส่วน ขึ้นอยู่กับตลาด และ Leverage โดยคำนี้น่าจะมาจากตลาดหุ้น เพราะใช้คำนี้ได้เพราะว่าไม่มี Leverage เข้ามา แต่ถ้า ในตลาด forex แล้ว Leverage 1:500 แล้ว OverTrade ไม่ขายไม่ขาดทุน ก็จะใช้ไม่ได้ เพราะว่ามันจะเป็น ไม่ขายแต่พอร์ตแตกแทน❌  หากเราซื้อหุ้นราคาในราคาที่ถูกแล้วถือหุ้นหรือเหรียญคริปโตที่พื้นที่ฐาน ก็แน่นอนว่าเราก็จะไม่ขาดทุน และสามารถเก็งกำไรในระยะยาวได้  แต่ส่วนใหญ่คำนี้มักจะมาตอนที่ติดลบ หรือได้ราคาไม่ดี หรือพูดง่าย ติดดอย แล้วเราก็มักจะใช้คำนี้เพื่อมาปลอบใจตัวเอง และสร้างความหวัง ซึ่งแน่นอน ว่าสักวันราคามักก็อาจจะขึ้นมาบวกได้  แต่เมื่อไหรล่ะ ที่เราปล่อยให้พอร์ตอยู่ที่เดิม เพราะว่าบางตลาดก็ใช้เวลาหลายปีเลย ที่ราคาจะกลับขึ้นมาเป็นบวก การที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น สิ่งที่หนึ่งที่เสียไปแน่ๆ เลยนั้นโอกาสที่เราจะไปทำกำไร เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย😢 แล้วเราไม่ควรทดขาดทุนหรอ✅ จริง ๆ การทนขาดทุนมันก็ทนได้ ถ
How to controlling emotions trading  วิธีการควบคุมอารมณ์ในการเทร ด  ตอน 1                ทุกครั้งที่เราเริ่มเทรดหรือเริ่มเปิดออเดอร์ซื้อขาย สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยคือ อารมณ์ อารมณ์นั้นมีหลากหลาย อารมณ์ในการเทรดก็มีหลากหลายเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นความลังเล ไม่แน่ใจในกราฟ ความกลัวการผิดทาง ความเสียดายหากพลาดตกรถ ความมั่นใจมากจนเกินไป ความระแวง หรือกลัวการสูญเสียการล้างพอร์ต สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากการเทรดทั้งสิ้น                 บ่อยครั้งที่เราเผลอลืมที่จะควบคุมอารมณ์ ก่อนที่จะเริ่มเทรด หรือหลังจากเทรดไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเทคนิคที่ดี ระบบเทรดที่ทรงพลัง และบวกกับความรู้เป็นตัวช่วยซัพพอร์ตแล้วก็ตาม แต่เราก็มักจะติดอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกเหล่านี้  และก็ยังต้องลุ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่จะตามมาหรือที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก วันนี้แอดจะมาแนะนำวิธีการควบคุมอารมณ์ในการเทรดกัน  พยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสีย                 หากคุณเทรดแล้วผิดทางหรือคัทลอสเกินระบบที่ได้วางแผนเอาไว้ ให้หยุดก่อน (การวางแผนการเทรดได้และเทรดเสียขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละคน )  และเมื่อความสูญเสียเริ่มเกิดขึ้น อารมณ์ของคุณจะเริ่มข
วันนี้เราจะหาแนวทางการตั้ง TakeProfit นั้น ว่าในตลาดนั้นเขานิยมใช้รูปแบบการใหนในการกำหนดกำไร เพื่อที่จะได้นำมาปรับใช้กับพอร์ตของเรา  TakeProfit คืออะไร💸 ถ้าพูดง่ายๆก็คือ การตั้งเป้าหมายกำไร เพื่อที่เราจะปิดออเดอร์ และสามารถเอาเงินออกมาใช้ได้ โดยแนวทางการตั้ง TakeProfit ก็มีหลายรูปแบบดังนี้  1.คิดเป็นเปอรเซ็น💯 เป็นรูปแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย โดยส่วนใหญ่ก็แนวทาง RRR  หรือ อัตราส่วนชนะต่อแพ้ มากำไร ตัวอย่างเช่น เรายอดขาดทุนได้ 2 เปอรเซ็นของพอร์ต แต่เราคาดหวังกำไร 5 เปอรเซ็น หรือ ยอมขาดทุน 1 บาทเพื่อกำไร 5 บาทเป็นต้น  2.ใช้แนวรับแนวต้าน ➖ น่าจะเป็นรูปแบบที่นินมมากที่สุดเพราะเป็นอะไรที่ชัดเจน เพราะวิ่งไปเพื่อทดสอบแนวรับแนวต้าน นั้นจึงใช้แนวเป็นตัวกำหนด TakeProfit 3.fibonacci retracement📍 ก็เป้นรูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้กัน โดยใช้แนว ของ fibonacci retracement ในการกำหนด TakeProfit ตัวเลขที่นิยมใช้ก็ 168 กับ 261  4.ใช้ TSL แล้วปล่อยราคา let profit run 💪 Trailing Stop การปรับเส้น stoploss ขึ้นไปเหนือแนวราคา ออเดอร์ เพื่อป้องกันกำไร โดยปรับเลือนเส้น tsl ขึ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้ได้เก็บกำไรได้เรื้อ
Confidence & Fear  เรียนมาก็เยอะ เข้าคอร์สมาก็แยะ แต่ทำไมยังเทรดขาดทุน????                 👉 หลายๆคนมักจะเข้าใจว่ายิ่งศึกษาเยอะ เรียนเยอะๆ เข้าคอร์สอบรมมากๆหรือรวมไปถึงการทำการบ้านหนักๆ มักจะทำให้เทรดเก่งและประสบความสำเร็จในที่สุด  แต่.....แล้วทำไมเรายังขาดทุนอยู่ ??? ยังเทรดเสียอยู่ ???                👉 จากการที่พยายามอ่านหนังสืออย่างหนัก ตามไล่ล่าหาที่เรียนจากอาจาร์ยเก่งๆสารพัดที่  ด้วยความหวังที่ว่าสักวันหนึ่งเราจะพบกับสุดยอดวิชาขั้นเทพ เทรดยังไงก็ไม่มีวันแพ้ ยิ่งรู้มากก็ยิ่งกลัว               👉 สิ่งนี้แหละที่กำลังทำลายชีวิตการเทรดของคุณอยู่ เพราะอะไรหน่ะหรือ ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งเป็นเหมือนการสร้างเกราะกำแพงแห่งความกลัว เพราะโดยปกติทั่วไปแล้ว มนุษย์เรามักหาสิ่งดีๆมาเสริมเพิ่มเติมในสิ่งที่ตัวเองขาดหรือไม่เคยมี และความกลัวก็เป็นตัวบ่อนทำลายระบบเทรดและความมั่นใจของคุณนั่นเอง                👉 การเรียนรู้มากๆเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมันมากเกินไป แทนที่จะช่วยเพิ่มเติม เสริมให้เราได้ประโยชน์มากขึ้นจากการเทรด กลับกลายเป็นแรงขับให้เกิดความกลัว และสับสน แต่ด้วยความที่อยากไปต่อให้สุด คุณก็จะเทร
  จุดเริ่มต้นของการเป็น แม่บ้านเทรดเดอร์ญีปุ่น👧 จุดเริ่มต้นของการแต่งของคนญีปุ่นที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะผันตัวเป็นแม่บ้านและเลี้ยงดูลูก แล้วให้สามีเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน หลังจากที่ พอลูกเริ่มที่เข้าโรงเรียนได้ แม่บ้านหลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จแล้ว ก็จะมีเวลาว่าง บางคนก็หาอะไรทำหรือ สร้างรายได้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว   และหนึ่งในนั้นก็คือ การเทรด Forex  และด้วยการเทรดนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน จึ่งทำให้ Forex นั้นเริ่มที่แพร่หลายมากขึ้นในกลุ่มของแม่บ้านญีปุ่น และด้วยนิสัยสวนใหญ่ของญีปุ่ที่วินัยสูงมาก  จึงทำให้เทรดเดอรแม่บ้านญีปุ่นมักจะประสบคความสำเร็จในการเทรด  ดังตัวอย่างบุคคลที่สำเร็จด้านการเทรด Etsuko Someya แม่บ้านเต็มเวลา ผันตัวมาเป็น Forex trader เธอคนนี้เป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ธรรมดา เธอโด่งดังและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ในวงการ Home trader รู้จักเธอดีในฉายา Mrs. Watanabeโดยเธอแต่งงานมาแล้ว 8 ปี และเธอต้องเลี้ยงลูกวัย 4 ขวบของเธอที่บ้าน  ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาว่างจากช่วงที่เสร็จจากงานบ้านและดูแลลูก เท รด USD/JPY โดยเธอมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ $12,000 ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้ครอบครั
การเทรดนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมาธิในกาตัดสิน ซึ่งบางทีเราก็อาจหลุด และไม่มีสมาธิในการเทรด หรือแย่สุดอาจจะมาอารมเข้ามาเกียวข้องในการเทรดจนทำให้การตัดสินใจนั้นผิดพลาดเกิดขึ้น วันนี้เราจมาเพิ่ม สมาธิในการเทรด ร่วมไปถึงการทำงานต่างกันๆ  1.เตรียมพร้อมให้สมองก่อนเทรด 😀 ขนาดนักกีฬายังต้องทมีการวอร์มร่างกายก่อนแข็งขัน การเทรดก็เช่นกัน ควรมีการทำให้สมองเรานั้นมีความพร้อมต่อการเทรด  โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาที นั่งในมุมที่ผ่อนคลาย สูดลมหายใจเข้าท้องลึกๆ แค่ทำร่างกายให้ผ่อนคลายก่อนเริ่มงาน มันก็จะช่วยให้ง่ายต่อการจดจ่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ง่ายขึ้นแล้ว 2.แบ่งเวลาเทรด ⌚ การเทรดหรือการทำงานนั้น ก็ควรช่วงเวลาในการพักผ่อน เพือไม่ให้ร่างการและสมองเรา ล้ามากเกินไป และมันจะทำให้ สติ และสมาธิเราลดลง  โดยช่วงเวลาการพักนั้นก็เราเลือกเลย เทรด 30 นาที พัก 5 นาที  โดยการพักที่ดีที่สุดก็คือการลุกจากเก้าอี้ไป ยืดกล้ามเนื้อ และไปมองอะไรที่ไกล เพื่อสายตา ได้ผ่อนคลายจาการมองหน้าจจอที่นานเกินไป  3.ออฟไลน์ตัวเอง❌ สิ่งที่จะมาขัดและเป็นสิ่งรบกวนคุณมากที่สุดนั้นคือ เสียงแจ้งเตือนต่าง จากโซเชียลมีเดีย ซึ่งนั้นจะ