บทความ

การเทรดนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมาธิในกาตัดสิน ซึ่งบางทีเราก็อาจหลุด และไม่มีสมาธิในการเทรด หรือแย่สุดอาจจะมาอารมเข้ามาเกียวข้องในการเทรดจนทำให้การตัดสินใจนั้นผิดพลาดเกิดขึ้น วันนี้เราจมาเพิ่ม สมาธิในการเทรด ร่วมไปถึงการทำงานต่างกันๆ  1.เตรียมพร้อมให้สมองก่อนเทรด 😀 ขนาดนักกีฬายังต้องทมีการวอร์มร่างกายก่อนแข็งขัน การเทรดก็เช่นกัน ควรมีการทำให้สมองเรานั้นมีความพร้อมต่อการเทรด  โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาที นั่งในมุมที่ผ่อนคลาย สูดลมหายใจเข้าท้องลึกๆ แค่ทำร่างกายให้ผ่อนคลายก่อนเริ่มงาน มันก็จะช่วยให้ง่ายต่อการจดจ่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ง่ายขึ้นแล้ว 2.แบ่งเวลาเทรด ⌚ การเทรดหรือการทำงานนั้น ก็ควรช่วงเวลาในการพักผ่อน เพือไม่ให้ร่างการและสมองเรา ล้ามากเกินไป และมันจะทำให้ สติ และสมาธิเราลดลง  โดยช่วงเวลาการพักนั้นก็เราเลือกเลย เทรด 30 นาที พัก 5 นาที  โดยการพักที่ดีที่สุดก็คือการลุกจากเก้าอี้ไป ยืดกล้ามเนื้อ และไปมองอะไรที่ไกล เพื่อสายตา ได้ผ่อนคลายจาการมองหน้าจจอที่นานเกินไป  3.ออฟไลน์ตัวเอง❌ สิ่งที่จะมาขัดและเป็นสิ่งรบกวนคุณมากที่สุดนั้นคือ เสียงแจ้งเตือนต่าง จากโซเชียลมีเดีย ซึ่งนั้นจะ
TP& SL  ไขข้อข้องใจตั้งไว้แต่ไม่เด้ง               👌 เทรดเดอร์หลายๆคนอาจจะยังสงสัย ว่าทำไม เวลาที่เราตั้ง TP  (Take Profit)  เอาไว้แล้วราคาก็วิ่งมาถึงจุดที่เราตั้งเอาไว้แล้ว แต่ทำไมมันไม่เด้งให้นะ  แต่ถ้าหากเป็น SL(Stop Loss) ทั้งที่ราคามันวิ่งไปไม่ถึงจุดที่เราตั้งไว้ แต่ดันตัดออเดอร์เราทิ้งสะงั้นละ แหนะ !! แบบนี้ก็ได้หราาาา?????   จนบางครั้งบางที เราถึงกลับต้องเลิก ตั้ง SL  หรือ TP  กันไปเลย แล้วปิดมือเอาจะง่ายกว่าเยอะ วันนี้แอดจะาไขข้อข้องใจ ตั้ง TP/SL ยังไง จะได้ไม่ขายหมู หรืออดลำไย   เชื่อสิ หลายคนเจอบ่อย แอดเองก็เจอบ่อยเช่นเดียวกัน   มา!!! วันนี้แอดจะมาแชร์ทริคเล็กๆน้อยๆ               👊 เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ตลาด Forex  มันมีค่าธรรมเนียมในการเทรดแทบจะทุกครั้ง ที่มาในรูปแบบค่า spread ถ้าเป็นตลาดหุ้น ก็จะมาในรูปแบบ Bid &Ask  นั่นแหละฮะ มันคือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย  ไอ่ช่องว่างของราคานี้แหละ ที่ตกเป็นกำไรของเจ้าของโบรคเค้าแหละ เพราะฉะนั้น อย่าได้แปลกใจว่าทำไมบางโบรค Spread ถูก แต่บางโบรค Spread แพง แล้วไอ่เจ้าSpread นี่แหละ ยิ่งเวลามันถ่างสเปรดมากๆ ก
สำหรับใครที่เทรดมาสักระยะ และเห็นเซียนคนนั้น เทพพอร์ตฟ้า หรือ โชว์กำไรตลอดแล้วกลับมามองพอร์ดตเรายังแดงอยู่ แล้วในใจเราก็คิดว่าเราคงเก่งสู้เข้าไม่ได้ แถมเขาเปิดฝากเทรด หรือตามสัญญาณด้วย ก็ดีเลยสิ ยังงี้ฝากเทรดไปเลยสิ ก็ไม่ต้องเทรดเองแถมพอร์ตก็บวกด้วย  แต่หารู้ไม่ ว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสียง ว่าจะเราจะมาเล่าถึงข้อดีแล้วข้อเสียของการฝากเทรด  การฝากเทรดคืออะไร  การฝากเทรด ก็เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง โดยที่คนอื่นมาเทรดโดยใช้เงินเรา เมื่อได้กำไร ก็เอากำไรมาแบ่งเปอรเซ็นกัน เช่นเดียวกับการทำกองทุนการทุนต่างๆหรือแม้กระทั้ง ก็อบปี้เทรด เป็นต้น  โดยรูปแบบการเทรด ส่วนใหญ่ ผู้เทรดก็จะลงเงินตัวเองขั้นต่ำประมาณ 50% ของพอร์ต เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการลงทุน ข้อดีคืออะไร ✅ 1.เราไม่ต้องมานั่งวิเคาะห์กราฟ หรือ ติดตามราคา 2.เป็น  passive income  3.มีเวลาไปทำอย่างอื่น ข้อเสีย ❌  1.เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ได้แต่นั่งดูอย่างเดียว อย่างมากก็แค่เข้าไปถามแค่นั้น 2.มีโอกาศที่จะชิงเอาเงินของเราหนี้ไป  3.ร่วมมือกับโบรคเกอร์เพื่อหลอกเอาตังของเรา ที่เป็นข่าวดังวออกอยู่บ่อย  เทรดเองดีสุด  ✅ อย่างน้อยถ้าเทรดเสียก็เ
  จุดเริ่มต้นของ Forex พร้อมเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนตลาด การซื้อขาย Forex ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Fiat นั้นเชื่อกันว่ามีมานานแล้ว ย้อนหลังไปถึงสมัยบาบิโลน ปัจจุบันนี้ ตลาดฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในตลาดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด มีสภาพคล่องและเข้าถึงได้มากที่สุดในโลก และถูกกำหนดโดยเหตุการณ์สำคัญระดับโลกหลายอย่าง เช่น ระบบ Bretton Woods และระบบมาตรฐานทองคำ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรด และ โบรกเกอร์ Forex ที่จะเข้าใจประวัติความเป็นมาของการซื้อขาย forex และเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่หล่อหลอมตลาดให้มาอยู่ถึงจุดนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันอาจเกิดขึ้นอีกครั้งในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่คล้ายคลึงกัน ซึ่งส่งผลต่อแนวการซื้อขาย ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย มาดูกันว่าจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน ประวัติศาสตร์การเทรดฟอเร็กซ์ : เริ่มต้นที่ไหน ระบบแลกเปลี่ยนเป็นวิธีการแลกเปลี่ยนที่เก่าแก่ที่สุด และเริ่มต้นใน 6000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งถูกแนะนำโดยชนเผ่าเมโสโปเตเมีย ภายใต้ระบบแลกเปลี่ยนสินค้าถูกแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่น จากนั้นระบบก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้น สินค้าอย่างเกลือและเครื่องเทศกลา
 Scalping กลยุทธิ์เทรดสั้น5นาที ปลอดภัย กำไร100%                การเทรดระยะสั้น หรือที่หลายคนทั่วไปรู้จักกัน เรียกว่าการ Scalping มีลักษณะการเทรดที่ เข้าเร็วออกเร็ว เก็บสั้นๆ แต่กำไรดี๊ดี  ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด Forex เพราะไม่ต้องเฝ้ากราฟนานๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดเยอะ และไม่ต้องทนลากให้ดอยนานๆด้วย แค่ขยันเข้าบ่อยๆ เราก็มีกำไรได้เรื่อยๆแล้ว แต่การจะเทรดให้ถูกทางและทำกำไรให้ได้ในแต่ละครั้งนี่สิ ที่ต้องคิดเยอะและคิดนานสักหน่อย วันนี้แอดจะมาแชร์เทคนิค วิธี Scalping สูตรเด็ดที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายและเบสิคที่สุดในโลกเลย มีอินดิเคเตอร์เข้ามาช่วยตัดสินใจเพียงแค่2 ตัวเท่านั้น ตามมาดูกันเลย Indicator 1. Moving average 5 2. Moving average 144                                        3. Stochastic Oscillator 12 7 7  วิธีการเทรด เทรดที่ TF5 (5นาที) 1.ดูเส้น    Moving average 5 เป็นหลัก    ตัดขึ้นให้ Buy ตัดลงให้ Sell    2.ดู  Stochastic Oscillator   มองหาการตัดเส้น Sto ที่ระดับ 80ขึ้นไป และ เส้น MA ต้องตัดเส้นกัน ที่แนวเดียวกันกับ Sto  จะเป็นจุดเข้า  ส่วนจุดออกให้มองหาจุดตัดกันของเส้น Sto อ
วันนี้เราจะนำเสนอ อีกหนึ่ง อินดิเคเตอร์ วัดความแข็งแรงของเทรน นั้นคือ  Relative Vigor Index (RVI)  พร้อมกับแนวทางการใช้งานและข้อจำกัด  Relative Vigor Index (RVI) คืออะไร 💬 อินดิเคเตอร์ วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มโดยการเปรียบเทียบราคาปิดของสินทรัพย์กับช่วงการซื้อขายของมัน และทำให้ผลลัพธ์ราบรื่นขึ้น จะคล้ายกับ Stochastic Oscillator  แต่ต่างกันที่  RVI เปรียบเทียบความสัมพันธ์ของราคาปิดและราคาเปิด มากกว่าที่จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาต่ำสุด จึงทำให้  Relative Vigor Index (RVI) ไม่มีเส้น OverBought และ OverSold การใช้งาน  Relative Vigor Index (RVI)✅ โดยคนส่วนใหญ่ คนนิยมใช้  Relative Vigor Index (RVI) ในการหาจุด  Convergence/Divergence เพราะรูปแบบการแสดงผลใช้งานได้ง่ายและมองได้กว่า  Stochastic Oscillator และรูปแบบหนึ่งที่นิยมมาใช้นั้นคือ จุดที่เส้นมันตัดกัน เป็นการรูปแบบของการกลับตัวของราคา ข้อจำกัดของ  Relative Vigor Index (RVI)   ❌ สัญญาณหลอก โดยฉพาะ จุดตัดของราครเส้น อาจต้องใช้องความรู้อื่นเข้ามาช่วนในการตัดสินใจเพิ่มเติม และอย่างที่ 2 ไม่รู้จุดสูงสุดหรือ  OverBought และ OverS
bias Trading คุณติดกับดักตัวเองอยู่หรือเปล่า?             👌 หลังจากที่เราเริ่มอ่านเทรนด์เป็น และเริ่มมีระบบเป็นของตัวเองแล้ว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักหลงติดอยู่ในวังวนกับดักที่ตัวสร้างเอาไว้ หืมมม มันเป็นยังไง ไหนเล่าสิมา แอดจะมาเล่าให้ฟัง             👌 ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์ที่วิเคราะห์กราฟได้เอง  เทรดเอง เก่งเอง ไม่ง้อใคร มักจะติดกับดักการเทรดของตัวเองโดยไม่ทันรู้ตัว อาการที่ว่านี้ก็คือ ยึดติดอยู่กับมุมมองของตัวเองจนเกินไป หรือในอีกแง่มุมหนึ่งก็คือ มองเกมส์การเทรดแค่หน้าเดียว มีแผนการเทรดแค่แบบเดียว เมื่อผิดทางมา จึงมักแก้ไข หรือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ หรือแก้ไขได้ยาก                 เช่นตีกราฟแล้วมองว่าลง มันก็ลงจริงนะ ลงแป๊บๆแล้วก็ขึ้น แต่เราก็ยังยึดติดกับขาลงจึงยอมปล่อยให้ลาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันจะกลับลงมา สุดท้ายลากกันจนขาลาก ดอยกันยาวเลยทีนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็อาจจะติดลบกันไป เกิน 50%แล้ว             👉👉👉 อาการนี้แอดก็เคยเป็น บ่อยด้วย แล้วก็มักจะตามมาด้วยคำว่ารู้งี้.....อีกแล้วฮะ นั่นเป็นเพราะว่าเราเทรดได้เอง และเทรดเก่งในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีความมั่นใจ ดื้อดึง และคิดเข้าข้างตัว
หลังจากที่เรานำเสนอ สุดยอดนักสร้างอินดิเคเตอร์อย่าง  Bill Williams   ไปแล้ววันนี้เราจะแนะนำอีกหนึ่งผลงานสุดยอดลุง อีกหนึ่งอัน นั้นคือ Alligator ที่มีความสามารถหลากหลาย Alligator คืออะไร  Alligator ถูกพัฒนามาจาก การใช้เส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยน (Moving Average) โดยมีสูตรการคำนวณดังต่อไปนี้  Jaw (สีน้ำเงิน) – เริ่มจาก 13 แท่งของ Simple Moving Average ที่ปรับให้เรียบโดยใช้ค่าของ 8 แท่ง Teeth (สีแดง) – เริ่มจาก 8 แท่งของ SMMA ที่ปรับให้เรียบโดยใช้ 5 แท่ง Lips (สีเขียว) – เริ่มจาก 5 แท่งของ SMA ที่ปรับให้เรียบโดย 3 แท่งเทียน William ตั้งชื้อว่า  Alligator ก็อยากให้นึกถึงการอ้าปากของ จระเข้ ที่มันจะค่อยๆอ้าปากกว้างขึ้น และ หุบปาก อย่างช้าเวลาตอนที่มันอาบแดด  หลักการใช้งาน Alligator  1.ใช้บอกเทรน ยิ่ง 3 เส้นห่างกันมากเท่าไหร ก็เป็นการบอกว่าเทรนนั้นมัีความแข็งแรงสูง 2.ใช้เป็นแนวรับแนวต้านเคลื่อนที่  3.สัญญาณในการเข้า โดยใช้ลหักการเส้นทุกเส้นตัดกัน ตัวอย่างเช่น      ราคาอยู่เหนือ  Alligator  และเส้น3เส้นตัดขึ้นก็เป็นสัญาณขาขึ้น หรือ Buy     ราคาอยู่ใต้ Alligator ให้เส้น3เส้นตัดลง ก็เป็นสัญาณขาลง
  Scalping กับ Sniper เหมือนหรือแตกต่างกัน???                หลายๆคนคงเคยยินได้กันมาหนาหูแล้วกับ2 คำนี้ ระหว่าง  Scalping กับ Sniper และบางคนหรือหลายคนก็มัก จะคิดว่ามันเหมือนกัน จริงๆแล้วมันก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ไม่เหมือนกันหมดสะทีเดียว เรียกว่าคล้ายแต่แตกต่างจะดีกว่า  วันนี้แอดจะมาไขข้อข้องใจให้เหล่าเทรดเดอร์ที่บังเอิญ มา เอ๊ะ !!! กับ 2 คำนี้ ว่ามันเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง SCALPING                 -  Scalping คือ การเทรดทำกำไรในระยะสั้นๆ เก็บกำไรในระยะ 100-200 จุด  การออกออเดอร์แต่ละครั้งไม่ใหญ่มาก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1-2% ในการทำกำไรแต่ละครั้ง  และเน้นการเข้าบ่อย เข้าถี่ๆ เล็กสั้นขยันซอยไม้ ก็รวยได้ อิอิอิ    ส่วนมาก นิยมเล่นตามเทรน เป็นรอบๆ ตาม volatility ของตลาด  หรือบางทีอาจจะเล่นสวนเทรนก็ได้เหมือนกัน                 -รูปแบบนี้ เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่มีเงินทุนตั้งแต่น้อยไปถึงมากและชื่นชอบการเทรดสั้นๆ จบในวันไม่ดอย ไม่ลาก ไม่ถือกำไรนาน ไม่ชอบเฝ้ากราฟ แต่ชอบเทรดบ่อยๆ ติดเทรด ก็ว่ากันไป   SNIPER                - Sniper คือ การเทรดทำกำไรในระยะสั้นๆ  เก็บกำไรในระยะ 10-50 จุด ในการอ