กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Fundamental

บทความ

4 หัวใจสำคัญของ Money Management ทำยังไงถึงจะอยู่รอดจากตลาด Forex ได้ ?  คำตอบก็คือ คุณต้องรู้จัก Money Management ครับ!! Money Management หรือจะเรียกว่า การบริหารหน้าตัก เป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องมี เพราะ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณอยู่รอดได้ในตลาด Forex คุณต้องรอด (ไม่ล้างพอร์ต) จนกว่าจะมีกำไร  หลักการสำคัญของ Money Management คือ คุณต้องมี Money ให้ Manage!! ถ้าคุณเทรด Forex แล้วพอร์ตขาดทุนจนไม่เหลือ ก็เปรียบเหมือนกับคุณแพ้สงคราม การจัดการเงินทุนในแต่ละครั้งที่เทรด เปรียบกับการนำกองกำลังไปสู้กับฝ่ายตรงข้าม คุณจำเป็นต้องวางแผนให้รัดกุม ไม่ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างสิ้นเปลือง เพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมา ประโยชน์ของการบริหารหน้าตัก ก็คือ  จะช่วยให้คุณอยู่ในตลาดได้นานขึ้น ทำให้กลยุทธ์ที่ใช้ ทำกำไรได้มากขึ้น ช่วยเลื่อนการล้างพอร์ตของคุณออกไป ทำให้คุณเทรดได้อย่างมีวินัย ลดความกลัวในการเทรดลง ฯลฯ ที่สำคัญการบริหารหน้าตักเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ชั้นเซียนมีกันทุกคน อย่างที่ผมกล่าวไว้ในบทความ  3 เคล็ดลับสร้างกลยุทธ์ทำกำไรในตลาด Forex  สิ่งนี้เป็นตัวช่วยให้เทรดเดอร์ธรรมดา ก้าวมาเป็น
GDP คืออะไร?           ทำไมเวลามีข่าวเกี่ยวกับ GDP ของประเทศต่างๆแล้วจึงมีผลอย่างมากต่อราคาของค่าเงินต่างๆ ก็เพราะว่า ตัวเลข GDP เป็นตัวที่ชี้วัดความเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง อาจเรียกว่าสำคัญมากๆเลยก็ได้ ตัวอย่างง่าย เช่น ถ้าค่า GDP ออกมาดี ก็แสดงว่าประเทศนั้นๆมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และในทางกลับกัน ถ้าตัวเลข GDP ออกมาแย่ก็หมายความว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆแย่ หรืออาจอยู่ในสภาวะถดถอย         แล้ว GDP มันมาจากอะไร รายละเอียดพื้นฐานมันเป็นยังไง เราลองไปดูกันค่ะ          ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ  หรือ  ผลิตภัณฑ์ในประเทศเบื้องต้น  (Gross domestic product: GDP) หมายถึง มูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ถูกผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่คำนึงว่าผลผลิตนั้นจะผลิตขึ้นมาด้วยทรัพยากรของชาติใด ซึ่งถูกคิดค้นโดย Simon Kuznets นักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซีย ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงมาตรฐานการครองชีพของประชากรในประเทศนั้นๆ อย่างไรก็ตาม จีดีพี เป็นดัชนีชี้วัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ แต่ไม่สามารถชี้วัดคุณภาพชีวิตที่แท้จริงได้
วิธีการนี้เป็นการเทรดแบบสั้น Scalper โดยการดูแท่งเทียนที่กราฟ 5 นาที วิธีการนี้เหมาะกับโบรกเกอร์ที่มี Spread น้อยๆ เหมาะกับค่าเงิน EUR/USD , GBP/USD โดยมี สเปรดอยู่ระหว่าง 1-2 จุด โบรกเกอร์ 4 ต่ำแหน่ง และ 10-20 จุด โบรกเกอร์ 5 ตำแหน่ง Stop Loss 5-10 จุด ขึ้นอยู่กับลักษณะของแท่งเทียน Take Profits 5-10 และขึ้นอยู่กับความพอใจของเรา วิธีนี้ใช้ได้ผลครับ ผมชอบ Scalper วิธีนี้ ต้องเข้าเร็วออกเร็ว ดูรูปกันเลยครับ จะอธิบายตามหมายเลขกันเลย หมายเลข 1 เราจะเห็นราคาได้เกิดแท่งสีดำลงมา และปิดที่หมายเลขที่ 2   ที่ตำแหน่งหมายเลขที่ 2 ให้เข้า Sell แล้ว Stop loss ไว้ที่ หมายเลข 1  และ Take Profit 5-10 pips เมื่อราคาปิดลงที่หมายเลข 3 ให้ Sell แล้ว Stop Loss เหนือเส้น EMA เมื่อราคาขึ้นไปที่หมายเลข 4 แล้วไม่ผ่าน EMA 26 Sell อีก 1 ไม้ แล้ว Stop Loss ไว้เหนือ EMA  และ Take Profits ไว้ที่ หมายเลขที่ 3 เมื่อเกิดแท่งเทียนกลับตัวขึ้นมา หมายเลข 6 รอราคาปิด ราคาปิดแบบ Hammer ให้เปิด Buy และ Stop Loss ไว้ที่ หมายเลข 5 หมายเลข 7 8 9 เปิดออเดอร์ Buy ไปเรื่อยๆ แล้ว Stop Loss ไว้ที่ ราคาต่ำสุดของแต่ละแท
อคติในการลงทุนและผลลัพธ์ อคติ ก็คือ ความลำเอียง ดังนั้น อคติในการลงทุนก็คือ "ความลำเอียงในการลงทุน"  และเจ้าอคตินี่มันก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนของนักลงทุน โดยทำให้การตัดสินใจในการลงทุนเป็นแบบไม่ตรงไปตรงมา เพราะว่า  "ฉันรู้สึกแบบนี้ และฉันคิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้"  สุดท้ายผลจากการตัดสินใจต่างๆเหล่านั้น ก็จะย้อนกลับมาที่พอร์ตการลงทุนของเราเอง ซึ่ง ผลกระทบที่ว่านี้ มักจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดีซะเป็นส่วนใหญ่ คุณว่าจริงมั้ย? ทีนี้เราลองมาดูว่า อคติในการลงทุนที่ว่านี้มันมีอยู่กี่แบบ และลองเช็คตัวคุณเองว่า คุณมีอคติแบบไหนอยู่บ้าง 1. Loss Aversion  คือ ความเกลียดชังการสูญเสีย นั่นคือ การที่เราต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย และแสวงหากำไร ในการศึกษาบางอย่างชี้ให้เห็นว่า การสูญเสียนั้นมีพลังเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับการทำกำไร ผลของมันก็คือ เมื่อเรากลัวที่จะสูญเสีย เราก็จะให้ความสำคัญกับการขาดทุนมากมากกว่าการหากำไร (ก็ฉันไม่อยากเสียเงินนี้ไป) ตัวอย่างเช่น ถ้ากำไร 10 บาท กับ ขาดทุน 10 บาท ก็มีผลเท่ากัน แต่คนจะกลัวขาดทุน 10 บาทมากกว่ากลัวไม่ได้กำไร 10 บาท (แน่
Warren Buffett ได้ตั้งกฎการลงทุนไว้เป็นเหมือนลายแทงให้พวกเราเดินตาม กฎที่ว่านั้น ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน กฎข้อที่หนึ่ง จงอย่าขาดทุน กฎข้อที่สอง อย่าลืมกฎข้อแรก หลักการของ Warren Buffett แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนคือ ปกป้องเงินต้นของคุณให้ได้ เพราะเมื่อปกป้องมันไว้ได้ คุณก็จะมีเงินไว้คอยหาหุ้น หาสินทรัพย์เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อคุณอยู่ในตลาดหุ้นได้นานขึ้น มีชีวิตรอดในตลาดยืนยาวขึ้น ก็เท่ากับคุณจะเจอโอกาสในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งหมายถึง กำไรที่จะได้มาในที่สุด ในมุมของการลงทุน กูรูหลายๆท่านมองว่า มันเป็นเรื่องของ โอกาส กับการใช้มันให้เกิดประโยชน์ ยิ่งอยู่ในตลาดได้นานพอ เราก็จะเห็นโอกาสมากขึ้น เมื่อเห็นโอกาสมากๆพอ เราจะรู้ว่า โอกาสไหนควรเสี่ยง โอกาสไหนไม่ควรเสี่ยง ดังนั้น จงอย่าขาดทุน จะเห็นว่า ด้วยกฎอันนี้ ความหมายของมันลึกซึ้งมากนะครับ แต่เพื่ออธิบายให้ชัดเจนขึ้น ผมขอยกตัวอย่างการขาดทุนจากการลงทุน และโอกาสในการทำกำไรกลับคืนมา ให้เราได้เห็นกันว่า เวลาขาดทุน สิ่งที่ตามมาคืออะไร จากตัวอย่างข้างต้น จากเงินต้น 100 บาท ถ้าคุณขาดทุน 10% เหลือเงินล
ข้อที่ 1: เทรดโดยไม่มีหลักการ “ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงซื้อหุ้นตัวนั้น คุณก็จะไม่รู้ว่าควรขายมันตอนไหน ซึ่งนั่นมักจะทำให้คุณขายหุ้นทิ้งตอนที่ราคาของมันทำให้คุณกลัว ทั้งๆที่โดยส่วนมากแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกลัวราคาหุ้นในขณะนั้น มันคือโอกาสซื้อ ไม่ใช่จุดบ่งชี้ว่าคุณควรขายมันทิ้ง” – Martin Taylor – ถ้าคุณไม่มีจุดยืน คุณก็ไม่มีแก่นหรือสิ่งใดให้ยึดถือปฏิบัติ ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายว่าจะไปที่ใด คุณก็ไม่มีวันไปถึงจุดหมาย… จงกำหนดหลักการ วางแผนการลงทุน และทำตามแผนที่คุณวางไว้เสมอ เพราะถ้าคุณไม่มีแผนการของตนเอง คุณก็จะต้องตกอยู่ในแผนการของคนอื่น ข้อที่ 2: เข้าซื้อหุ้นไม้ใหญ่เกินไป (Trading too big) “นักลงทุนมักจะให้ความสำคัญเกือบทั้งหมดไปที่จุดเข้าซื้อ ( entry price ) ทั้งๆที่โดยส่วนมากแล้ว ขนาดของ lot  ( entry size ) ในแต่ละครั้งมีความสำคัญกว่าจุดเข้าซื้อ เพราะหาก entry size แต่ละครั้งใหญ่มากเกินไป เวลาที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยสำคัญ มันก็มักจะทำให้คุณกลัวและอกออเดอร์ก่อนทั้งที่ยังมีแนวโน้มดีนั้นทิ้งไป ดังนั้น ยิ่งขนาดของ lotใหญ่มากไปเท่าไร ความกลัวจะเข้ามาครอบงำกา
  การปรับขนาดการซื้อขาย ในบทความก่อนๆ เราได้กล่าวถึงการการคำนวณขนาด Lot size และการตั้ง Stop loss กันแล้ว ในบทความนี้เราจะกล่าวถึง "การปรับขนาดการซื้อขาย" ในระหว่างที่คุณถือออเดอร์อยู่  ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยง และปกป้องผลกำไรได้โดยการ "ปรับ" เพิ่ม หรือ ลด ขนาดของออเดอร์ที่คุณถืออยู่ เทคนิคนี้สามารถนำไปปรับใช้กับแผนการเทรดเดิมที่คุณมีอยู่ และสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากพอสมควรแล้ว ถ้าเกิดว่าเงื่อนไขในการเทรดของคุณเปลี่ยนไปจากเดิมที่คาดไว้ คุณสามารถที่จะลด หรือเพิ่มขนาด Lot size ของคุณได้กลางคัน ไม่จำเป็นต้องรอให้ราคาวิ่งไปชนจุด TP หรือ SL การปรับขนาดการซื้อขายนี้สามารถช่วยให้คุณปรับความเสี่ยง และล็อคกำไร รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของคุณ  และแน่นอนว่าเมื่อคุณเพิ่มหรือลดปริมาณการซื้อขายเดิมที่มีอยู่มันก็มีข้อเสียที่ต้องตระหนักถึงเช่นกัน  และในบทนี้เราจะบอกคุณถึงข้อดีและข้อเสียที่ต้องระวังในการปรับขนาดการซื้อขาย รวมถึงบอกถึงวิธีการปรับขนาดการซื้อขายที่ถูกต้อง เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเทรดแบบบ้าพลังจนเสี่ยงเกินไปโดยไม่รู้ตัวจนทำให้เกิดความเสี