กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Fundamental

บทความ

  อยู่ในตลาดมาซักระยะ คุณจะสามารถแบ่งประเภทของหุ้นได้หลากหลาย แล้วแต่ว่าจะแบ่งแบบไหน แบบหนึ่งที่ผมแบ่งได้ ก็คือ การแบ่งตามคุณภาพ คุณอยู่ภาพของอะไร? ผมดู 2 มุมครับ คุณภาพของพื้นฐาน และคุณภาพทางเทคนิค ซึ่งเมื่อแบ่งออกมาแล้ว ก็ได้หุ้น 4 ประเภทดังนี้ จากภาพ ในฐานะที่ผู้อ่านก็เป็นนักลงทุนเหมือนกันกับผม คุณจะเลือกหุ้นที่อยู่ในกล่องไหน? คำตอบที่ทุกคนตอบก็คือ ถ้าเลือกได้ ก็ขอเลือกกล่องสีเขียว นั้นก็คือ  พื้นฐานดี  +  กราฟสวย นั้นเอง พื้นฐานดี ดียังไง กราฟสวย สวยยังไง ไม่ขอเอ่ยถึงในบทความตอนนี้นะครับ เพราะนิยามของคำว่าดีแต่ละคนอาจจะมีแตกต่างในรายละเอียด เอาเป็นว่า พื้นฐานดี กราฟสวย ในสายตาของแต่ละคนก็แล้วกัน กล่องที่ไม่มีใครเลือกลงทุนแน่ๆหากวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นแล้ว ก็คือ กล่องสีแดง หรือ พื้นฐานห่วย + กราฟไม่สวย อันนี้ก็เห็นตรงกันนะ หากคุณลองแบ่งหุ้น แบ่งกองทุน หรือ หลักทรัพย์อะไรก็แล้วแต่ตามคุณภาพของพื้นฐานและกราฟเทคนิค หุ้นจะตกอยู่ใน 4 ประเภทนี้ไม่นี้ไปไหน และถ้าเจอกล่องสีเขียว คุณก็จะกด Favorite หรือเอาไว้ใน Watchlist ทันที บางทีก็เคาะซื้อเลยด้วยซ้ำ แต่ในโลกความเป็นจริง
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  Forex Fundamental Analysis of Forex คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อดูแนวโน้มของค่าสกุลเงินจากสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ใช้กุลเงินนั้นๆเป็นสกุลเงินหลัก เช่น ถ้าเราจะเทรด USD ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของประเทศสหรัฐอเมริกา เราก็ต้องดูสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ว่าเป็นเช่นไร หรือถ้าเราจะเทรด GBP เราก็ควรรู้ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (UK) ดีหรือไม่ เป็นต้น ดังนั้นในการซื้อขายในตลาด Forex ซึ่งเราซื้อขายคู่สกุลเงินที่ถูกจับคู่ไว้แล้ว เราก็ต้องดูและเปรียบเทียบเศรษฐกิจของสองประเทศที่เป็นเจ้าของสกุลเงินนั้นๆ เพราะเป้าหมายของการวิเคราะห์ด้วยพื้นฐานคือการประเมินมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งที่ต้านกับอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยดูจากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์พื้นฐานจึงต้องพิจารณาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องนโยบายของรัฐบาลรวมถึงมาตรการต่างๆ และโครงสร้างของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะบอกถึงอุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการ  เพื่อที่จะบอกได้ว่าสกุลเงินนั้นๆมีมูลค่าต่ำหรือสูงกว่าเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง นักลงท
นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเจ็บตัวเพราะความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ นั่นคือสิ่งที่นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่อย่าง "บับเฟตต์ และ โซรอส" ไม่เคยเล่าให้เราฟัง สิ่งเหล่านั้นมันคือความเชื่อผิดๆ ที่นำมาซึ่งความผิดพลาดที่จะทำให้เราล้มเหลวในการลงทุน หรือ ที่เรียกว่า  "บาปมหันต์  7 ประการในการลงทุน"  การที่เราจะลบล้างความเชื่อผิดๆเหล่านั้นได้ก็คือ ต้องมาดูกันก่อนว่าอะไรกันแน่ที่ผิด แล้วเรามีความเชื่อแบบไหนกันบ้าง บาปมหันต์ข้อที่  1  เชื่อว่า คุณต้องคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดได้ถูกต้อง จึงจะทำผลตอบแทนที่ดีได้ ความจริงในตลาดค้าสกุลเงิน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเค้าก็ไม่ได้คาดการณ์ตลาดแม่นยำเสมอไป แต่เค้ามีทักษะ มีกระบวนการคิดตัดสินใจและวินัยที่ดีในการลงทุนด้วย เพราะไม่ว่าคุณจะแน่แค่ไหน แต่การคาดการณ์ให้ถูกต้องทุกครั้งมันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก นักลงทุนควรรู้ตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อใดควรสู้ และเมื่อใดที่ควรถอย บาปมหันต์ข้อที่  2  เชื่อ "กูรู" หลายคนเชื่อว่า ถ้าฉันพยากรณ์ตลาดไม่ได้ ก็ต้องมีคนอื่นที่ทำได้ สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ หาคนค
เคยไหมครับที่เราลุ้นกับบางสิ่งที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นอย่างนั้น? ผลลัพธ์ของการลุ้นแบบนี้คือ "คาดไว้แล้ว" ว่าใช่ Action ของตลาด Forex ก็เหมือนกับตอนลุ้นเปิดหน้ากากทุเรียนนะแหละ เราคาดไว้อยู่แล้วว่าเป็น ทอม Room39 พอเปิดหน้ากากออกมาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมายนัก เพราะว่าใช่!! ตลาด Forex ก็เหมือนกัน กรณีชัดเจนที่สุด คือการคาดการณ์ว่าขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 97% พอขึ้นดอกเบี้ยแล้วหลายคนล้างระนาว "ทำไมทองขึ้นทั้งๆที่ควรจะลง" สาเหตุเพราะ ตลาดได้มีการ "คาดหวัง" ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีแรงเทขายก่อนข่าวหลายสัปดาห์ พอข่าวออกจริงตามที่คาดไว้ ก็เกิดการปิดสถานะเพื่อเล่นตามเทคนิคต่อ ใครที่เพิ่งเทรด forex มาไม่นาน ดูเหตุการณ์นี้แล้วนำไปวิเคราะห์ พิจาณากัน นะครับ ( การลงทุนมีความเสี่ยง ) ------------------------- มาทำความรุ้จัก Stop loss ( SL ) หรือ จุดตัดขาดทุน เพื่อรักษาเงินในพอร์ตกัน ถ้าไม่มี sl จะเป็นอย่างไร? ------------------------- ดังนั้นไม่ต้องอธิบายมากถึงนิยามของคำว่า "จุดตัดขาดทุน" เงินมีในพอร์ตเท่าไรก็หมด [tab]
ตลาดหุ้นมีกลยุทธ์ Snowball เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ความเสี่ยงเท่าเดิมแต่พอร์ตเติบโตสูงขึ้น " High Understand High Return " สมมติ : นักลงทุนต้องการกำไร 20% ต่อหุ้น 1 ตัว เมื่อหุ้นAมีกำไร 20% นักลงทุนจะขายทำกำไรเพื่อเอาทุนออกมา แล้วปล่อยให้กำไรที่เหลืออยู่ 20% ให้ตลาดพาไป แล้วนำทุนที่ถอนออกมาไปลงทุนหุ้น B ต่อไป พอ + 20% แล้วจะทำการถอนทุนอีกครั้ง ทิ้งแต่กำไร 20% เอาไว้ในหุ้นB เมื่อเขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ มีหุ้น 5 ตัวที่กำไร 20% ก็เหมือนเขา Port+100% เมื่อเขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ Port ของเขาจะโตแบบทวีคุณ แต่ความเสี่ยงของเขาเท่าเดิม เพราะ เขาใช้เพียงแต่ทุนเริ่มแรกที่เขาลงทุน แล้วปล่อยให้กำไรที่เหลืออยู่โตไปกับตลาด เหมือนดังลูกหิมะ ที่ไหล่ลงจากที่สูง มวลสารจะค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่รู้จบ #การเทรดก็เช่นกัน ส่วนตลาด Forex ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เนื่องจาก ตลาด Forex มีความผันผวนที่แตกต่างจากตลาดหุ้น จึงทำให้ไม่สามารถปล่อย สถานะ เอาไว้ทางเดียวได้ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามตลาดที่เปลี่ยนไป Model Port คือ ระบบเทรด + Money Management เทรดเดอร์อาชีพหลายคนมี Model Port หลาย M
คุณเคยรู้สึกว่าตัวเองเทรดห่วยไหมครับ ? รู้สึกว่าฝึกเท่าไร ทำเท่าไร ก็ไม่กำไรสักที อย่าว่าแต่กำไรเลย บางทีกลับขาดทุนหนักด้วยซ้ำ !! ผมคนนึงล่ะที่เคยเป็น ตอนปีแรกที่เข้ามาเทรดใน Forex เคยได้ยินมาว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ จะขาดทุน หรือไม่ก็ล้างพอร์ตตั้แต่งปีแรกที่เข้ามาในตลาด บอกเลย ตอนนั้น ไม่เชื่อ !!  ใครเคยคิดเหมือนผม ยกมือขึ้นครับ พอเทรดไปสักพัก เริ่มคิด  เออ…มันจริงว่ะ !! เพราะ ผมเป็นแบบนั้นเลย ขาดทุน ล้างพอร์ต คิดใจใจ เฮ้ย…มันเป็นไปได้ไงวะ !!? อยากรู้ไหมครับ แล้วผมรอดจากสถานการณ์นั้นมาได้ยังไง ถ้าอยากรู้ มาลุยกันต่อเลยครับ !! ผมขอเล่าถึงเรื่องราวการเทรดของตัวผมให้ฟังสักนิด ในช่วงปีแรกที่เข้ามาเทรด Forex บอกเลยว่าตอนนั้นไม่เคยกำไรเลย (ฮา) 6 เดือนแรก ฝึกเทรดพอร์ต Demo มีทั้งแบบเทรดเอง (เทรด Manual) และ แบบเปิดเพื่อ Run Expert Advisor (EA) หรือการใช้หุ่นยนต์เทรด ตอนนั้นมีหลายพอร์ตมาก สาเหตุที่มีหลายพอร์ตก็เพราะ มันเละไปหลายพอร์ต โดยเฉพาะพอร์ตที่ใช้ Run หุ่นยนต์เทรด เจ๊งไม่เป็นท่าไป 5-6 พอร์ต (ต้องสารภาพว่า ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไร แฮ่ะ ๆ) ส่วนพอร์ตท
การปกป้องเงินต้นสำคัญอย่างไร   นักลงทุนหลายๆคนขาดทุนในตลาดหรือแม้กระทั่งบางคนกำไรมหาศาลแต่แล้วก็กลับมาขาดทุนได้เมื่อเวลาผ่านไปเรามาดูเหตุผลสำคัญกันครับ     Ralph vince ผู้เชี่ยวชาญ money management ได้ทำการทดลองเอาเด็กจบปริญญาเอกทางด้านสถิติมา 40 คน และมีประสบการณ์ในการลงทุนมาแล้วเช่นกันและให้เล่นเกมจำลองโดยให้เงินเริ่มต้น 10,000 เหรียญโดยโอกาสในการชนะของเกมนี้เขาตั้งเอาไว้ที่ 60% เกินครึ่งอีกนะครับโดยทำการซื้อขาย 100 ครั้งการเดิมพันจะได้และเสียเท่ากันจำนวนที่ลงไปเช่น ลง 1,000 ถ้าถูกจะได้ 1,000 และผิดจะเสีย 1,000 เช่นกันเมื่อเกิดซื้อขายจบลง 100 ครั้งปรากฎว่ามีคนชนะเกมส์นี้แค่ 2 คนใน 40 คน มีกำไรแค่ 2 คน เพราะอะไร ??????     บางคนวางเดิมพัน 1 พันเหรียญเมื่อเขาเจอภาวะขาดทุนติดต่อกัน 3 ครั้งเขาจะขาดทุน 3,000 เหรียญและเหลือเงินอยู่ 7,000 เหรียญการ breakeven ของเขาเขาจะต้องลง 3,000 เหรียญเพื่อให้ได้เงินคืนมาทั้งหมดซึ่งก็มีความเป็นไปได้เพราะโอกาสถูกย่อมมากขึ้นจากการผิด 3 ครั้งติดแต่เกมส์นี้โอกาสถูกคือ 60% เมื่อคุณขาดทุนอีกครั้งนั้นหมายความว่าเงินจะเหลือแค่ 4,000 เหร
ลองมาดูกันว่าจะแก้ไม่อย่างไรเมื่อผิดทาง....!? สมมุติว่าเราเข้าออเดอร์แรกไป sell 0.1 lot แล้วผิดทางก็คือแทนที่จะบวกแต่กลับกลายเป็นลบนั้นละครับ จากนั้นก็ให้เราตั้ง Buy Stop ไว้ด้านบนครับโดยห่างจากออเดอร์ข้างล่าง 25 จุดนะครับ โดยขนาดของออเดอร์เราจะเข้าเป็น 3 เท่าของออเดอร์แรกนะครับ คือสามเท่าของออเดอร์ที่เราผิดทางนะครับ ออเดอร์แรกเราเข้า sell 0.1lot แต่ผิดทาง แล้วออเดอร์ที่จะแก้ออเดอร์แรกให้ตั้ง Buy stop ไว้ที่ 0.3 lot ครับ จนกระทั้งกราฟผิดทางเข้าให้มันจะมาเปิดออเดอร์ Buy Stop ที่เราตั้งไว้ด้านบนนะครับ เมื่อออเดอร์ที่ 2 (Buystop 0.2lot) บวกได้ 25 จุด ก็ให้เราปิดออเดอร์ทั้ง2 ออเดอร์พร้อมกันอย่างเร็วที่สุดเลยนะครับ หรืออาจจะใช้คำสั่งปิดออเดอร์พร้อมกันก็ได้ครับเพื่อความรวดเร็ว และเมื่อเราปิดออเดอร์ทั้ง 2 นี้แล้ว ก็ลองมาดูกันครับว่า กำไรจากออเดอร์ที่ 2 เพียงแค่ 25 จุดจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว ออเดอร์ Buy 0.3 lot.  3$ x 25 Pip = 75$ ออเดอร์ Sell 0.1 lot.  1$ x 50 Pip = -50$ หักล้างกัน 75$ - 50$ เราจะได้กำไรอยู่ที่ 25$ ครับ ไม่น้อยเลยใช่ไหมละครับ กรณีต่อไป คือกรณีที่กราฟไม่ชนเป้า Buy stop ขอ