Candlestick จิตวิทยาแห่ง Demand&Supply(ตอนที่ 1)


 เคยสงสัยไหมในการ "ซื้อ-ขาย" กันในแต่ละวัน ทำไมบางวัน Volume มาก บางวัน Volume น้อย บางวัน Volume มาก แต่ราคาไม่วิ่ง บางวัน Volume น้อย ราคาดันวิ่ง

ในทางกลับกัน Volume มาก ราคาขึ้นเอาๆ และ Volume น้อย ราคาลงเอาๆ เหตุผลเพราะขนาดของ Demand และ Supply ในแต่ละวัน แต่ช่วงของเวลา มีผลต่อราคาขึ้นลง


ตัวปัจจัยที่ทำให้ Demand และ Supply มีมาก มีน้อยมีหลายเหตุผล หลายปัจจัยโดยหลักๆก็จะมี เศรฐกิจ การเมือง ผลประกอบการ การเก็งกำไร ข่าวดี ข่าวร้าย ฯลฯ

การที่เราจะรู้ได้ก็ต้องหาข้อมูล ติดตามข่าวสารต่างๆ และอีกทางนึงที่เราสามารถที่จะรู้การเคลื่อนไหวของ Demand&Supply ได้เช่นกัน คือสังเกตุปริมาณการซื้อขายและราคาขึ้นลงแล้วนำมาบรรทึกเพื่อนำมาวิเคราะห์

การที่เรารู้จิตวิทยาการลงทุนจาก Demand&Supply จะทำให้เราได้เปรียบจากคนส่วนมาก เราจะออกจากฝั่ง 80% ของคนส่วนใหญ่ที่ลงทุนแล้วขาดทุน เพราะตรงจุดนี้ ดังนั้นให้ทำความเข้าใจยิ่งลึกซึ้งได้ยิ่งดี

สิ่งที่คนส่วนมากนำมาใช้กันคือ กราฟแท่งเทียน หรือที่เรียกว่า Candlestick ที่มาของกราฟแท่นเทียนมีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นครับ

กราฟแท่นเทียนนี้จะนำราคา "เปิด-ปิด" และ "สูง-ต่ำ" มาบรรทึกในแต่ละช่วงเวลาหรือ Time Frame อย่างเช่น 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 60 นาที, 1 วัน, 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 1 ปี ประมาณนี้ครับ ไปดูรูปกันครับ





จากรูปจะแสดง HLOC คือ High Low Open Close คือ ราคา สูงสุด ต่ำสุด เปิด ปิด และตัวของแท่งเทียน
ตัวแท่งเทียนก็จะมีตัว Bullish และ Bearish ครับ ดูตามรูปด้านบนเลยนะครับ

การที่ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดจะเกิด Bullish Candlestick 

การที่ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดจะเกิด Bearish Candlestick

ทั้ง Bullish และ Bearish มันมีผลทางจิตวิทยาในการ "ซื้อ-ขาย" อย่างมากและยังแสดงผลกระทบต่อ Demand&Supply ด้วยเช่นกัน

ผลทางจิตวิทยาของ Bullish Candlestick คือ เกิดแท่งเทียนลักษณะนี้จะส่งผลต่อการวิ่งขึ้นของราคา มันสะท้านว่ามวลชนต้องการซื้อมากกว่าขาย

ผลทางจิตวิทยาของ Bearish Candlestick คือ เกิดแท่งเทียนลักษณะนี้จะส่งผลต่อการวิ่งลงของราคา มันสะท้อนว่าว่ามวลชนต้องการขายมากกว่าซื้อ

ถึงตรงนี้ต้องขอจบตอนที่ 1 ก่อนนะครับ ค่อยๆอ่าน ค่อยๆเป็น ค่อยๆทำความเข้าใจทีละน้อยแต่อย่าหยุดศึกษา ผมเชื่อว่าการลงทุนและความรู้ของเราจะเพิ่มพูนและเข้าใจได้ดีขึ้นในไม่ช้า

ตอนที่ 2 ผมจะแนะนำรายละเอียดในรูปแบบต่างๆของ Candlestick พร้อมทั้งความหมายและผลสะท้อนของการเกิดแต่ละรูปแบบ พร้อมทั้งน้ำหนักที่เกิด ณ ตรงจุดที่จะทำให้ราคา "ขึ้น-ลง" อย่างชัดเจน

มันจะทำให้เราเข้าใจว่าจุดนี้ หรือจุดนั้น ราคาจะขึ้นหรือลงโดยมีความน่าจะเป็นสูงมาก นี่แหละจะเป็น Highlight ของ Candlestick เลยหละครับ

By StockMoneyGear

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ