วันนี้มาดู การหาจุดกลับตัวของแนวโน้มโดยใช้กราฟแท่งเทียน ถาม : ทำไมต้องศึกษารูปแบบพวกนี้ ตอบ : เพราะราคา มักจะมีรูปแบบเฉพาะตัว ที่มักจะมี รูปแบบของแท่งเทียน บอกให้เรารู้ว่า ราคาต่อไปจะเป็นอย่างไร สรุปคือ รูปแบบพวกนี้ มีการเก็บสถิติ ว่า มีการเกิดขึ้นบ่อยๆ และมีการเก็บสถิติต่อว่า เมื่อเกิดรูปแบบที่ว่าแล้ว ราคามันจะเป็นอย่างไรต่อไป กร๊าฟแทงเทียนโดยทั่วไปจะมี อยู่ 2 สี ที่ต่างกัน คือ เขียว กับ แดง (แต่ปรกติตัวโปรแกรมสามารถตั้งเป็นสีอะไรก็ได้) อย่างที่บอก กร๊าฟแทงเทียน 1 แทง คือการต่อสู้กันของพลังซื้อ กับพลังขาย หากกร๊าฟ นั้นเป็นสีแดง นั้นคือ ในแท่งนั้น พลังขายชนะ หาก เป็นสีเขียว นั้นคือ พลังซื้อชนะ ส่วนที่เป็นบริเวณไส้เทียน นั้นคือ จุดสูงสุด หรือสุดต่ำสุด ที่พลังทั้ง 2 สู้กัน แต่ถ้าหากว่ากร๊าฟแท่งเทียน ไม่มีตัว นั้นหมายถึง ราคาปิด กับราคาเปิด เป็นจุดเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ พลังซื้อ กับ พลังขาย มันมีพลังพอๆกัน ในช่วงแท่งเทียนนนั้น สำหรับเจ้าโดจิป้ายศพ ตามรูปข่างล่าง หากเกิดขึ้นที่ยอดของราคาหุ้น มันก็ตามความหมายเลย ต้องรีบขายซะ ........................... ทีนี้มาดูกร๊าฟแท่งเทียนร
- Home
- About
- _Blockdit Our
- _Tradingview Our
- หมวดหมู่
- _ความรู้ทั่วไป
- _การวิเคราะห์พื้นฐาน
- _จิตวิทยาการเทรด
- _แนวคิดการเทรด
- _เทรด forex ยังไงให้ยั่งยืน
- _บุคคลที่ประสบความสำเร็จ
- _เศรษฐกิจโลก
- _Special Post
- _ไอเดียทำเงิน
- ทฤษฎี
- _รูปแบบแท่งเทียน
- _ElliottWave
- _Fibonacci
- _Fundamental
- _Harmonic
- _Price Action
- เครื่องมือ
- _ระบบเทรด
- _Expert Advisor
- _Indicators
- Crypto
- _Bitcoin
- _NFT
- _DeFi
Buscar este blog
เรื่องราวที่น่าสนใจ
-
Author Trader Tan
Engulfing Pattern : ในสภาวะที่เป็นตลาดขาลงเราจะเป็นว่าแท่งสีดำ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเปลี่ยนแท่ง ราคาจะกระโดดโดยที่ราคาเปิดของแท่งสีขาวจะอยู่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งสีดำ และมีแรงซื้อเข้ามาทำให้เราราปิดของแท่งสีขาวสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งสีดำ นี่คือ ตลาดกำลังจะกลับตัวจากแนวโน้มลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น ลักษณะรูปแบบ แท่งเทียนแบบนี้เรียกว่า Engulfing Bullish Engulfing Pattern จะประกอบด้วย 2 รูปแบบคือ Engulfing Bullish และ Engulfing Bearish Evening Star: โดยทั่วไปแล้วรูปแบบแท่งเทียนนี้จะเป็นการกลับตัวของกราฟจากแนวโน้มขาขึ้นกลายเป็นแนวโน้มขาลง โดบรูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีขาวยาวๆ และตามด้วยแท่งเล็กๆ ที่เกิดการกระโดดขึ้นไปอยู่บนยอด (gap) และมีขนาดเล็กๆ ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สองจะอยู๋ใกล้เคียงกัน จากนั้นก็เกิดช่องว่าง(gap)เปลี่ยนเป็นแท่งที่สามเป็นแท่งสีดำยาวๆ นี่คือลักษณะของ Evening Star นอกจาก Evening Star แล้วก็ยังมี Morning Star โดยหลักการก็ตรงกันข้ามกับ Evening Star รูปแบบ Tower Top
-
Author Trader Tan
รหัสสกุลเงิน ต่างๆ รหัสสกุลเงิน ( Currency Code) โดยทั่วไปแล้ว การย่อสกุลเงิน จะใช้มาตรฐาน ISO 4217 โดยใช้อักษรย่อ 3 ตัว อักษรย่อสองตัวแรกจะแทน รหัสประเทศ ( Country Codes) และอักษรตัวสุดท้ายจะมาจาก ชื่อของสกุลเงิน เช่น THB ซึ่งเป็นคำย่อของเงินบาทไทย มาจาก Thai (TH) และ Baht ส่วน USD ซึ่งเป็นคำย่อของดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มาจาก United States ( US ) และ Dollar เป็นต้น มาตรฐาน ISO 4217 นอกจากจะใช้กำหนดอักษรย่อสกุลเงินแล้ว ยังกำหนดอักษรย่อของโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน พัลลาเดียม และทองคำขาว รวมทั้งอักษรย่อบางอย่างทางด้านการเงินระหว่างประเทศด้วย | A| ADF Andorran Franc ADP Andorran Peseta AED United Arab Emirates Dirham AFA Afghanistan Afghani ALL Albanian Lek ANG Netherlands Antillian Guilder AON Angolan New Kwanza ARA Argentine Austral ARS Argentine Peso ATS Austrian Schilling ( มีการใช้เงิน Euro ด้วย) AUD Australian Dollar
-
Author Trader Tan
ย้อนกลับไปในปี 1920-30s มีอัจฉริยะด้านการบัญชีคนหนึ่งชื่อ Ralph Nelson Elliott (ราฟ เนลสัน เอลเลียต) ได้ทำการวิเคราะห์วิจัยตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด กับข้อมูลบน 75 ปี ของ ตลาดหุ้น เขาพบว่า ตลาดหุ้นนั้น มีพฤติกรรมที่การเคลื่อนไหวของราคาที่ไร้รูปแบบ ซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนั้น ‼️ เมื่อเขาอายุ 66 ปี เขาได้หลักฐานสุดท้ายที่ทำให้มั่นใจในการค้นพบของเขา เข้าตีพิมพ์ทฤษฎีลงหนังสือ ชื่อ The Wave Principle . เขาบอกว่า ตลาดนั้นมีการเทรดเป็นลักษณะวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาก อารมณ์ของนักลงทุน ที่ส่งผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ กัน เช่น (ข่าวใน CNBC Bloomberg, ESPN ) หรือ ข่าวที่มีผลต่อจิตวิทยา ของนักลงทุน เวลานั้น ๆ อธิบายว่า การสวิงขึ้นลง↕️ ของทิศทางราคา สาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมทางจิตวิทยา ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เสมอ ๆ 👍 👍 👍 เขาเรียกการสวิงขึ้นลง ↕️ ของราคาในลักษณะนี้ว่า คลื่น หรือ Waves เขาเชื่อว่า ถ้าเราสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาที่เกิดซ้ำ ๆ ได้ ก็จะสามารถทำนาย ทิศทางราคาได้ ว่ามันจะไปทางไหน (หรือว่าไม่เคลื่อนไหว) ต่อไป 👏
-
Author will
หากใครที่เทรด Forex มาสักระยะ และเกิดปัญหาในการเข้าตามเทรน เข้าแล้วติดดอย เข้าแล้วไม่ได้ราคาได้เปรียบ วันนที่เราทำความรูปแบบการของกราฟที่จะทำให้ราคามีโอกาสเข้าได้ที่ดีที่สุด นั้นคือ Swing-High Swing-Low ทำความรู้จักกับ Swing-High และ Swing-Low Swing-High คืออะไร? Swing-High คือ กราฟราคาที่เคลื่อนที่สูงสุด ภายหลังจากการเคลื่อนไหว ที่สูงแล้วก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะตกลงไป ต่ำกว่าเดิ ม การย้ายที่สูงขึ้นไปสู่ การสวิงสูงนั้น มักจะเป็นระดับที่สำคัญ และเทรดเดอร์ ที่เทรดด้วยการสวิง มักใช้ในการตามล่า หาการกลับตัวของกราฟราคา Swing-Low คืออะไร? Swing-สวิง Low มีแง่มุมเดียวกันกับการสวิง High แต่สลับด้านกัน ด้วยความที่กราฟราคาที่สวิง Low จะมีตำแหน่งการสวิงที่ต่ำกว่า สวิง Low ก่อนหน้า โดยจะการมีสวิงที่สูงขึ้น (ไม่สูงกว่าสวิงต่ำแรก) มาขั้นช่วงกลาง ก่อนสวิงต่ำกว่าอีกครั้ง เรียกว่า สวิง Low การเทรด สวิง High และ สวิง Low Swing-High โดยการเทรด Swing-High สิ่งสำคัญมาก นั้นคือ แนวรับ ราคาต้องลงมาที่แนวรับแนวต้าน แล้วมีการทดสอบแนวไม่ผ่าน และเกิดสัญญาณที่จะขึ้นต่อ หลังจากนั้นราคาก็หาจังหวะในการเข้า Buy
-
Author FOREX FOR YOU
harmonic pattern Harmonic pattern เป็นรูปแบบการเทรดกราฟ ที่นำเอา Fibonacci เข้ามาใช้ ควบคู่กับการนับเวฟ จาก elliott wave = abcd โดยเป็นการผสมผสานกัน เพื่อหา PRZ (Potential Reverse Zone) หรือ จุดกลับตัวในการเข้าทำกำไร โดยกลยุทธิ์นี้จะใช้ตัวเลข Fibonacci ที่ระดับราคาต่างกัน และพฤติกรรมราคาที่มีความเชื่อมโยงกับรูปแบบเรขาคณิตต่างๆ ในการคาดการณ์จุดที่ราคาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง (Price Turning Point) รูปแบบ harmonic pattern ตั้งชื่อตามชื่อของ Harold McKinley Gartley ผู้ที่คิดค้นทฤษฎีนี้ในรูปแบบ Gartley ขึ้นมาครั้งแรกในปี คศ. 1932 ซึ่งประกอบไปด้วย จุด 5 จุด คือ X ABCD และต่อมาก็มีคนอื่นๆ ที่คิดค้นรูปแบบฮาร์มอนิกอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Scott Carney ผู้คิดค้น Crab, Bat, Shark ฯลฯ AB=CD คืออะไร ABCD คือรูปแบบหนึ่งของฮาร์โมนิคแพทเทิร์น (Harmonic Pattern) ABCD เป็นรูปแบบขั้นพื้นฐานของรูปแบบฮาร์มอนิกชนิดอื่นๆ ประกอบด้วยการแกว่งของราคา 3 ครั้ง จาก AB และ CD เรียกว่า “ขา” ในขณะที่เส้น BC เรียกว่า การย้อนก
-
Author FOREX FOR YOU
Scalping กลยุทธิ์เทรดสั้น5นาที ปลอดภัย กำไร100% การเทรดระยะสั้น หรือที่หลายคนทั่วไปรู้จักกัน เรียกว่าการ Scalping มีลักษณะการเทรดที่ เข้าเร็วออกเร็ว เก็บสั้นๆ แต่กำไรดี๊ดี ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด Forex เพราะไม่ต้องเฝ้ากราฟนานๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดเยอะ และไม่ต้องทนลากให้ดอยนานๆด้วย แค่ขยันเข้าบ่อยๆ เราก็มีกำไรได้เรื่อยๆแล้ว แต่การจะเทรดให้ถูกทางและทำกำไรให้ได้ในแต่ละครั้งนี่สิ ที่ต้องคิดเยอะและคิดนานสักหน่อย วันนี้แอดจะมาแชร์เทคนิค วิธี Scalping สูตรเด็ดที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายและเบสิคที่สุดในโลกเลย มีอินดิเคเตอร์เข้ามาช่วยตัดสินใจเพียงแค่2 ตัวเท่านั้น ตามมาดูกันเลย Indicator 1. Moving average 5 2. Moving average 144 3. Stochastic Oscillator 12 7 7 วิธีการเทรด เทรดที่ TF5 (5นาที) 1.ดูเส้น Moving average 5 เป็นหลัก ตัดขึ้นให้ Buy ตัดลงให้ Sell 2.ดู Stochastic Oscillator มองหาการตัดเส้น Sto ที่ระดับ 80ขึ้นไป และ เส้น MA ต้องตัดเส้นกัน ที่แนวเดียวกันกับ Sto จะเป็นจุดเข้า ส่วนจุดออกให้มองหาจุดตัดกันของเส้น Sto อ
-
Author Trader Tan
การลาก Fibonacci Retracement การลาก Fibonacci Retracement ในกรณีที่ราคาเป็นขาลง การลาก Fibonacci Retracement ผมเห็นบางคนยังลากกันไม่ถูกเลยนะครับ ยังไม่รู้เลยว่าจะลากจากจุดไหนไปหาจุดไหน เพราะหาจุดที่เป็น High และ Low ไม่ได้ ไม่รู้จะเอา Fibonacci Retracement ไปวางไว้ตรงไหน ชื่อของมันก็ บอกอยู่แล้วว่า Fibonacci Retracement คำว่า Retracement คือ การปรับฐาน การพักตัว การปรับตัว เป็นต้น ยกตัวอย่าง เมื่อราคาได้ลงมาถึงจุดๆนึงแล้ว ราคาจะต้องเด้งขึ้นไป เพราะมันไม่มีทางลงอย่างเดียวแน่นอน การเด้งขึ้นไปของมัน เรามองด้วยกราฟเปล่าก็อาจจะไม่รู้ (หรืออาจจะรู้โดยการดู Price Action ดู High Low เก่าๆ ) ดังนั้นเราจึงใช้ Fibonacci เพื่อหาจุดที่มันขึ้นไปเพื่อปรับฐาน ว่ามันจะปรับฐาน หรือพักตัวตรงไหนบ้าง จุดที่ราคาจะพักตัว หรือปรับฐานเพื่อไปต่อในทิศทางเดิมนั้นคือ ระดับ Fibonacci Retracement ตั้งแต่ 78.6% -38.2% (0.786-0.382) ดู รูปกันเลยครับ ตัวอย่างนี้เป็นกราฟ EUR/JPY กราฟขาลง และราคากำลังจะกลับตัวขึ้น เรามาดูจุดพักตัวของกราฟกันว่าอยู่ตรงไหนบ้าง มันจะปรับฐานตรงไหนบ้าง การ วัด Fibonacci Retracement ขอ
-
Author Trader Tan
มาทำความรู้จัก Vultr กันเลย Vultr เนี่ยเป็นผู้ให้บริการ Cloud Server โดยหลักจะมีการให้บริการ 3 อย่างครับ ประกอบไปด้วย 1. VC2 (Vultr Cloud Compute) ซึ่งก็คือ VPS (Virtual Private Server) นะครับ เข้าใจตรงกันนะ! 2. Block Storage 3. Dedicated Cloud ซึ่งแต่ละบริการก็แล้วแต่เลือกใช้ตามความเหมาะสมของการใช้งานของเราเองนะครับ สำหรับในรีวิวนี้จะกล่าวถึง VC2 เท่านั้นนะครับ ขั้นตอนที่ 1 : สมัครสมาชิก 1. คลิกลิงค์ Vultr เพื่อไปยังหน้าสมัครสมาชิกของ Vultr จากนั้นใส่ Email และ Password ลงไปแล้วกดปุ่ม Create Account 2. เมื่อสมัครเสร็จแล้วให้ไปที่ Email เพื่อกด Verify Email 3. เมื่อกด Verify Email แล้วระบบจะพามายังหน้าให้ใส่ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิด เพื่อเป็นการทดลองตัดเงิน หากเราไม่ใส่ข้อมูลลงไปจะไม่สามารถใช้งานระบบของ Vultr ได้ เมื่อใส่ข้อมูลแล้วระบบจะทดลองตัดเงินก็เป็นอันเสร็จสิ้น ** หากเราไม่ใส่ข้อมูลบัตรลงไปจะมีข้อความแจ้งเตือนให้ใส่ก่อนครับ จึงจะสามารถใช้งานได้
-
Author will
เชื่อได้ว่าหลายคนก็น่าจะวิธีการเทรดและเริ่มที่จะมองกราฟเป็น วันนี้เราจะเจาะลึกโครงสร้างของราคา ทำไมราคาถึงขึ้นหรือราคาลง ร่วมไปถึง balance / imbalance คืออะไร เราจะไปหาคำตอบพร้อมๆกัน โครงสร้างของราคา 📉 📈 ราคาจะประกอบไปการ การเสนอซื้อกับเสนอขาย (bid /ask)หรือพูดเข้าใจง่ายๆ นั้นคือ คนซื้อกับคนขาย นั้นเอง โดยราคานั้นก็จะวิ่งตามอุปสงค์ กับ อุปทาน หรือแรงซื้อแรงขาย ฝั่งใหนมากกว่าราคาก็จะวิ่งไปทางนั้น ตัวอย่างเช่น ผลไม้ตามฤดูกาลราคาจะถูก เพราะว่า ผลไม้มีเยอะกว่า คนซื้อหรือความต้องการ ราคาเลยลดลง ทางกลับกัน ผลไม้นอกฤดูกาลผลไม้จะมีราคาแพง เพราะว่าของในตลาดมีน้อยกว่าความต้องการคนในตลาด ซึ่งแทบทุกตลาดก็ใช้โครงสร้างนี้ในการเคลื่อนของราคา balance / imbalance คืออะไร 📊 คือสภาวะของราคา โดย balance นั้นคือ อุปสงค์ กับ อุปทาน มีความเท่ากัน หรือเรียก สมดุล ทำให้ราคาราคาไม่วิ่งไปทางใหน ถ้าตีในกราฟ มันคือ กรอบ sideway ส่วน Imbalance คือ อุปสงค์ กับ อุปทาน ไม่เท่ากัน หากแรงซื้อมากกว่าราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ ถ้าแรงขายมากกว่า ราคาก็จะปรับลง หรือพูดภาษากราฟ คือ ราคาวิ่ง กับราคาพักนั้นเอง นี้คือพื
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น