ย้อนกลับไปในปี 1920-30s มีอัจฉริยะด้านการบัญชีคนหนึ่งชื่อ Ralph Nelson Elliott (ราฟ เนลสัน เอลเลียต) ได้ทำการวิเคราะห์วิจัยตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด กับข้อมูลบน 75 ปี ของ ตลาดหุ้น เขาพบว่า ตลาดหุ้นนั้น มีพฤติกรรมที่การเคลื่อนไหวของราคาที่ไร้รูปแบบซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนั้น ‼️
เมื่อเขาอายุ 66 ปี เขาได้หลักฐานสุดท้ายที่ทำให้มั่นใจในการค้นพบของเขา เข้าตีพิมพ์ทฤษฎีลงหนังสือ ชื่อThe Wave Principle. เขาบอกว่า ตลาดนั้นมีการเทรดเป็นลักษณะวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน
ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาก อารมณ์ของนักลงทุน ที่ส่งผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ กัน เช่น (ข่าวใน CNBC Bloomberg, ESPN) หรือ ข่าวที่มีผลต่อจิตวิทยา ของนักลงทุน เวลานั้น ๆ
ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาก อารมณ์ของนักลงทุน ที่ส่งผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ กัน เช่น (ข่าวใน CNBC Bloomberg, ESPN) หรือ ข่าวที่มีผลต่อจิตวิทยา ของนักลงทุน เวลานั้น ๆ
อธิบายว่า การสวิงขึ้นลง↕️ ของทิศทางราคา สาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมทางจิตวิทยา ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เสมอ ๆ 👍👍👍
เขาเรียกการสวิงขึ้นลง ↕️ ของราคาในลักษณะนี้ว่า คลื่น หรือ Waves
เขาเชื่อว่า ถ้าเราสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาที่เกิดซ้ำ ๆ ได้ ก็จะสามารถทำนาย ทิศทางราคาได้ ว่ามันจะไปทางไหน (หรือว่าไม่เคลื่อนไหว) ต่อไป 👏
สิ่งนี้ทำให้ Elliott waves นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด มันทำให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์ราคา ว่าจะไป ทิศทางไหน ⁉️ หรือ กลับตัวที่จุดไหน หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่าง
Elliot Wave ทำให้นักเทรดสามารถจับรูปแบบการเกิด Top จุดสูงสุด กับ Bottom จุดต่าสุดได้
ดังนั้น ท่ามกลางความวุ่นวายของทิศทางราคา Elliott สามารถค้นพบการจัดเรียงตัวของมัน
เหมือนอัจฉริยะคนอื่น ๆ เขาต้องเป็นเจ้าของการค้นพบนี้
ดังนั้น จึงมีชื่อทฤษฎีของเขาว่า The Elliott Wave Theory.
ก่อนที่เราจะเจาะลึกตัว Elliott waves ต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกก่อนว่า มันคือ Fractals
โดยทั่วไปแล้ว Fractal เป็นโครงสร้างแบบหนึ่งที่สามารถแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ได้ ซึ่งส่วนต่าง ๆ เหล่านั้น ที่ถูกแยกออกมา จะมีลักษณะความคล้ายคลึงกัน นักคณิตศาสตร์จะเรียกปรากฏการณ์ นี้ว่า "ความเหมือนในตัวมันเอง" หรือ Self similarity คุณไม่ต้องไปหาตัวอย่างของเรื่อง Fractal นี้ที่ไหนไกล เพราะตัวอย่างของมัน เราสามารถหาได้ตามธรรมชาติมากมาย อยู่แล้ว
🦪🐌เปลือกหอยทะเล ก็เป็นตัวอย่างของ Fractal 🔺 แบบหนึ่ง เกล็ดหิมะก็เป็น Fractal ❄️ และรวมทั้งเมฆ ☁️และ สายฟ้า ⚡️ ก็เป็น Fractal 🔻 ด้วยเช่นกัน
Fractal สาคัญ อย่างไร ⁉️
สิ่งสาคัญอย่างหนึ่งของลักษณะของ Elliot Wave คือมันเป็น Fractal 🔺ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับ เปลือกหอยทะเล และเกล็ดหิมะ Elliot Wave จะแบ่งย่อย ๆ ได้เป็นกลุ่มคลื่นเล็ก ๆ ได้อีกมากมาย
Mr. Elliott กล่าวว่า 💬 "ตลาดและการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาในตลาดนั้น เคลื่อนไหวในรูปแบบที่เขาเรียกว่า 5 -3 " 🤔
รูปแบบคลื่น 5 คลื่นแรก เรียกว่า Impulse waves
รูปแบบคลื่น 3 คลื่น เรียกว่า Corrective waves
เวฟรูปแบบนี้ เวฟที่ 1 3 5 เป็นรูปแบบ Motive หมายถึง จะไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลัก ขณะที่เวฟ 2 4 เป็น Corrective
รูปแบบคลื่น 5 คลื่นแรก เรียกว่า Impulse waves
รูปแบบคลื่น 3 คลื่น เรียกว่า Corrective waves
เวฟรูปแบบนี้ เวฟที่ 1 3 5 เป็นรูปแบบ Motive หมายถึง จะไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลัก ขณะที่เวฟ 2 4 เป็น Corrective
อย่าสับสนกับเวฟ 2 และ 4 มาปนกับรูปแบบ Corrective ABC (อยู่ในเรื่องต่อไป)
รูปแบบ 5 คลื่นแบบ Impulse
กำหนดสีให้ เพื่อมีการนับคลื่นง่ายขึ้น ทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในแต่ละเวฟ
จะใช้หุ้นเป็นตัวอย่าง เพราะ หุ้นเป็นกรณีศึกษาของ Elliott แต่ไม่สาคัญ เพราะมันใช้ได้ทั้ง ค่าเงิน อนุพันธ์ ทอง สิ่งสำคัญคือ ทฤษฎี Elliot Wave สามารถประยุกต์ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราได้
คลื่นที่ 1
ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 📈 เป็นเพราะ มีคนกลุ่มเล็ก ๆ ในตลาด (ด้วยหลาย ๆ เหตุผล ทั้งจินตนาการ หรือ การคิดแบบมีเหตุผล ของพวกเขา) พวกเขาคิดว่าราคาหุ้นนั้นถูก และ เป็นเวลาเหมาะที่จะซื้อ ทำให้ราคาขึ้น
คลื่นที่ 2
จุดนี้ เป็นจุดที่ผู้คนส่วนหนึ่งที่ถือหุ้นมาก่อน แล้วคิดว่าหุ้นได้แพงเกินมูลค่าของมันแล้ว พวกเขาจึงขาย📉ทำกำไร ออกมา ทำให้ราคาหุ้นลง อย่างไรก็ตาม ‼️ ราคาจะไม่ต่ากว่าราคา Low เดิม (ราคาต่ำสุดครั้งก่อนหน้า) ก่อนที่จะมี การเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ต่อไป 🔜
คลื่นที่ 3
เป็นคลื่นที่แรงที่สุด ในบรรดาคลื่นเหล่านี้ หุ้นขึ้นมาจาก คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมกันซื้อ ผู้คนสนใจหุ้นตัวนี้มากขึ้น และ อยากจะซื้อมัน ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะทะลุราคาสูงสุดของคลื่นที่ 1 ก่อนหน้านี้ไป 📈
คลื่นที่ 4
เทรดเดอร์เริ่มขายทำกำไร 📉 เพราะพวกเขาคิดว่าราคาหุ้นแพงไปแล้ว แต่ว่าคลื่นนี้ก็ไม่ค่อยมีแรงขายมากเท่าไร ‼️ เพราะยังมีคนเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น และยังคิดว่าหุ้นตัวนี้ยังอยู่ในขาขึ้น และอยากจะซื้อในราคาที่มันปรับฐานลงมา
คลื่นที่ 5
เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่เข้าสู่ตลาด หุ้นซึ่งมาจากอารมณ์ของพวกเขาล้วน ๆ เพราะคุณเห็น CEO ของบริษัทออกมาพูด ในหน้าต่าง ๆ ของนิตยสารดัง ๆ ในฐานะบุคคลแห่งปี เทรดเดอร์ และ นักลงทุนเริ่มหาเหตุผล มาซื้อหุ้นตัวนี้ และ พยายามทำให้คุณตกใจกับราคาที่พุ่งไป ถ้าคุณคิดว่าหุ้นตัวนี้แพงมากแล้ว
ซึ่งเหตุการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ ราคาหุ้นเริ่มที่จะมีมูลค่าสูงเกินจริง ซึ่งพวกที่เล่น Short ก็จะเริ่มเข้ามา Sell ในตลาด เมื่อหุ้นเริ่มเข้าสู่ภาวะ ABC
คลื่นขยาย Impulse Waves
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ เกี่ยวกับทฤษฎี Elliot Wave คือ คลื่นแบบ Impulse 3 คลื่น (1 3 5) ซึ่งจะมีคลื่นตัวใดตัวหนึ่ง ยาวกว่าอีกสองคลื่นเสมอ
เริ่มจาก คลื่นที่ 1 แล้วคลื่นที่ 3 จะยาวกว่าคลื่นที่หนึ่ง และคลื่นที่ 5 ตามระดับความยาวของแรงคลื่น
ตามที่ Elliott กล่าวไว้คลื่นที่ 5 จะเป็นคลื่นขยายเข้ามาตอนท้าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก่อนคลื่นที่ 5 เปลี่ยนไป เพราะว่าทุกคนเริ่มใช้คลื่นที่สาม มาเป็นคลื่นขยายเข้ามา
*คลื่นขยาย หมายถึง 🌊ตัวคลื่นที่มีความยาวกว่าคลื่นปกติ หรือได้ถูกขยายออกไป*
เทรนด์ของคลื่นทั้ง 5 จะถูกยืนยันจากการเกิดรูปแบบกลับตัว ↪️ จากคลื่นสามคลื่น ที่ตรงข้ามกับเทรนด์ ตัวอักษรจะถูกใช้แทนการใช้ตัวเลขในการนับเทรนด์
ตามที่ Elliott กล่าวไว้ มีรูปแบบ Corrective Wave ABC อยู่ 21 รูปแบบ จากรูปแบบง่าย ๆ ไปจนถึง รูปแบบที่มี ความซับว้อน ไม่จำเป็นต้องจดจำรูปแบบทั้ง 21 ชนิดทั้งหมด เพราะสร้างขึ้นมาจากรูปแบบสามรูปแบบ ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
ดูรูปแบบสามรูปแบบ รูปแบบข้างล่าง ใช้กับเทรนด์ขาขึ้น แต่สามารถปรับใช้กับเทรนด์ขาลงได้เช่นเดียวกัน
รูปแบบ Zig-Zag
รูปแบบ Zig-zag เป็นรูปแบบกราฟทิศทางราคาที่มีความชันมาก ซึ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเทรนด์ คลื่น B ปกติ จะสั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคลื่น A และคลื่น C ซึ่งรูปแบบ zig zag สามารถเกิดสองหรือสามครั้งใน Elliott wave Correction (มี zig zag สองถึงสามอันต่อกัน) และเหมือนคลื่นอื่น ๆ คลื่นแต่ละชนิดใน Zig Zag สามารถแตกย่อย เป็น 5 คลื่นได้อีกเหมือนกัน
รูปแบบราบ
รูปแบบราบ เป็นรูปแบบ Sideway Corrective Wave ความราบของความยาวของคลื่นจะมีเท่า ๆ กัน ซึ่ง คลื่น B เป็นการกลับตัวของคลื่น A และ คลื่น C เป็นรูปแบบการกลับตัวของคลื่อน B อีกที เป็นไปได้ว่า คลื่น B อาจจะเลย จากจุดกำเนิดของคลื่น A ได้บ้างเล็กน้อย
รูปแบบสามเหลี่ยม
รูปแบบสามเหลี่ยม เป็นรูปแบบที่ราคาเป็นคลื่นเด้งขึ้นลง อยู่ในแนวเส้นรูปสามเหลี่ยม สามเหลี่ยมจะมี 5 คลื่น ที่อยู่ในรูปสามเหลี่ยม อาจจะเป็นแบบสามเหลี่ยมหดตัวลง หรือ กว้างขึ้น
คลื่น Elliott เป็น Fractal 🔻 ซึ่งคลื่นแต่ละคลื่นจะมีคลื่นเล็ก ๆ แทรกอยู่
คลื่นที่ 1, 3, และ 5 จะมีคลื่นเล็ก ๆ แทรกอยู่ในคลื่นเหล่านี้ และคลื่นที่ 2 และคลื่นที่ 4 ก็มี 3 คลื่นเล็กๆ แทรกอยู่ในนั้น ด้วยเหมือนกัน
ต้องจำไว้เสมอว่า "คลื่นแต่ละคลื่นจะประกอบด้วยคลื่นเล็ก ๆ อีก ซึ่งรูปแบบนี้จะมีความคล้ายตัวของมันเอง จนไม่มีที่สิ้นสุด ‼️ "
ให้เราเข้าใจเรื่องนี้ง่าย สามารถบอกได้ว่า ทฤษฎี Elliott Wave เป็นการจัดลำดับจากคลื่นที่ใหญ่สุด ไปหาคลื่น ที่เล็กที่สุด ประกอบด้วย: 👇👇👇
- ⭕️Grand Supercycle
- 🔴Supercycle
- 🔄Cycle
- 🔷Primary
- 📊Intermediate
- Minor
- Minutte
- Minuette
- Sub-Minuette
Grand Supercycle ได้มาจากคลื่น Supercycle ที่มาจากคลื่นแบบ Cycle ที่มาจากคลื่นแบบ Primary ที่มาจากคลื่นแบบ Intermediate ที่มาจากคลื่นแบบ Minor ที่มาจากคลื่นแบบ Minuette ที่็มาจากคลื่นแบบ Sub-Minuette
ทำให้ทฤษฎีที่ได้อธิบายให้ง่าย ดูว่าเราจะใช้ Elliott Wave ในกราฟจริง ได้อย่างไร ⁉️
อย่างที่เห็น คลื่นไม่ได้มีรูปร่าง แบบที่เราอธิบายไป ในกราฟจริง จะพบว่ามันยากที่จะกำหนดคลื่นด้วย แต่ว่า ยิ่งคุณ ฝึกมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเข้าใจมัน ได้มากขึ้นเท่านั้น ‼️
อีกประการ ในที่นี้เราจะให้เคล็ดลับ และเพื่อให้ง่ายในการวิเคราะห์ลักษณะของคลื่น จะทำให้คุณเทรดโดยใช้คลื่น Elliotte ได้ดี มาโต้คลื่นกัน ‼️
คุณคงจะคิดว่า การใช้ Elliot Wave ในการเทรด ขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะวิเคราะห์ตัวคลื่นได้ ในการพัฒนาการมองคลื่นของเราว่า ตอนนี้ ตลาดอยู่ในคลื่นที่เท่าไหร่
คุณจะสามารถบอกได้ว่าคุณควรจะเทรดด้านไหน Buy ↗️ หรือ Sell ↘️
มีกฏสำคัญ 3 ข้อ ที่ห้ามแหกกฏ เพื่อการวิเคราะห์คลื่น ดังนั้นก่อนที่คุณจะเข้าเทรดแบบทฤษฎี Elliotte Wave คุณต้องจดบันทึกกฏต่อไปนี้ไว้ 📝การวิเคราะห์คลื่นผิดจะทาให้เงินในบัญชีของเราหายไปอย่างมาก 😅😭
กฏ 3 ข้อ ของทฤษฎี Elliott Wave Theory
- กฏข้อที่ 1 : คลื่นที่ 3 จะไม่มีทางสั้นกว่า คลื่นที่ 1 และ คลื่นที่ 5
- กฏข้อที่ 2 : คลื่นที่ 2 จะไม่ลงไปต่ากว่า จุดเริ่มต้น ของคลื่นที่ 1
- กฏข้อที่ 3 : คลื่นที่ 4 จะไม่สามารถลงไป จนถึงพื้นที่ของ คลื่นที่ 1 ได้
แนวทางสามารถยืดหยุ่นได้ ดังนี้ : 👇👇👇
- ในทางกลับกัน บางครั้ง คลื่นที่ 5 จะไม่ลงไปต่ากว่าจุดสิ้นสุด ของคลื่นที่ 3 ซึ่งเรียกว่า การแบ่งเป็นส่วน ๆ
- คลื่นที่ 5 จะไม่ทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ ที่ลากเฉียงมาจากจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 3 และจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 5
- คลื่นที่ 3 จะยาว คม และ ขยายออกไป
- คลื่นที่ 2 และ 4 จะหลุดออกจาก แนวเส้น Fibonacci
สิ่งที่รออยู่ คือ การใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott ในการเทรด เราจะมาดูการประยุกต์ใช้ในการหา จุดเข้า จุดหยุดขาดทุน และจุดทำกำไร ‼️
เหตุการณ์ที่ 1: ในบางสถานการณ์ การไม่ต้องมีเหตุผลอาจจะดีกว่าก็เป็นได้ :
เช่น คุณต้องการเริ่มนับคลื่น จะเห็นว่าราคาเริ่มจะมีจุดต่ำสุด และเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวขึ้น ใช้ความรู้ของคุณเรื่อง Elliot Wave คุณเริ่มนับตรงนี้ว่า เป็นคลื่นที่ 1 และจุดแนวรับเป็นคลื่นที่สอง ในการหาจุดเข้าที่ดี ต้องกลับไปดูกฏทั้ง 3 ข้อ และ แนวทางในการใช้ Elliott Wave มาประยุกต์ใช้ สิ่งที่จะต้องเจอคือ:
- กฏข้อที่ 2 คลื่นที่ 2 จะไม่ลงไปต่ากว่า จุดเริ่มต้น ของคลื่นที่ 1
- คลื่นที่ 2 และ คลื่นที่ 4 จะเคลื่อนไหวออกจากแนวเส้น Fibonacci
ดังนั้น เราควรใช้ทักษะของ Elliot Wave ในการเทรด ถ้าคุณลองใส่ Fibonnacci ลงไปในกราฟของคุณ ถ้าราคา อยู่ที่แนว Fibonnacci และราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ ระหว่างเส้น Fibonacci 50% ซึ่งหมายความว่า นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้น ของคลื่นที่ 3 เป็นสัญญาณซื้อที่แรงมาก สัญญาณหนึ่ง
ตั้งแต่คุณได้เรียนรู้อะไรไปเยอะ จะเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ คุณจะต้องใส่ จุดหยุดขาดทุน เข้าไปด้วย ตามกฏ ข้อที่ 2 ที่บอกว่า คลื่นที่ 2 จะไม่ไปต่ำกว่า จุดเริ่มต้นของคลื่นลูกที่ 1 ดังนั้นคุณอาจจะตั้ง จุดหยุดขาดทุน (Stop loss) ไว้ให้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดครั้งก่อนหน้า หรือ จุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 1 อยู่นิดหน่อย ถ้าราคาลงไปเยอะกว่า 100 % ของคลื่นลูกที่ 1 นั่นหมายความว่า คุณนับคลื่นผิด มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ...
การวิเคราะห์ Elliott Wave ของคุณได้ผลเป็นอย่างดี และสามารถเข้าเทรนด์ใหญ่ ๆ ได้ ไม่ต้องห่วง เพราะเรา มีวิธีทำกำไร ที่คุณสามารถทำเงินได้อีกครั้ง
เหตุการณ์ที่ 2 : ตอนนี้ จะให้คุณใช้ความรู้ที่คุณมี ในการวิเคราะห์ Elliot Wave แบบ corrective waves ในการหาจุดเข้า-ออก
คุณต้องเริ่มนับคลื่นตอนขาลง และสังเกตุว่า รูปแบบ ABC corrective กำลังเคลื่อนไหวเป็น Side way ซึ่งนี่เป็น รูปแบบราบ (Flat formation) หมายความว่า ราคาพึ่งจะเริ่มเป็นตัว Elliott Wave อีกครั้งเมือ ตัวคลื่น C จบลง
เชื่อในทักษะ ให้คุณส่งออร์เดอร์ Sell 📉และจะได้ขี่เทรนด์ไปด้วยกัน ส่งออร์เดอร์หยุดขาดทุน ให้เหนือกว่า จุดเริ่มต้น ของคลื่นที่ 4 นิดหน่อย เผื่อว่าคุณจะนับคลื่นผิด
เพราะเราชอบตอนจบแบบ แฮปปี้เอนดิ้ง 🥰 การเทรดของคุณประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และทำกำไรให้คุณได้หลายพันจุด ซึ่งเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก
คุณยังได้บทเรียนตอนนี้อีกว่า อย่าไปเล่นการพนัน แล้วใช้กำไรที่ได้ เพิ่มทุนเข้าไปให้บัญชีจะดีกว่า
- Elliott Waves เป็น Fractals 🔺 คลื่นแต่ละคลื่นสามารถแยกเป็นคลื่นย่อย ๆ ได้ ซึ่งเมื่อแบ่งออกมาแล้ว จะมีลักษณะ ความคล้ายกันของตัวมันเองอยู่ทุกคลื่น นักคณิตศาสตร์มักจะเรียกปรากฏการนี้ว่า ความคล้ายตัวของมันเอง หรือ "Self-similarity"
- ตลาดที่เกิดเทรนด์ จะเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบ คลื่น 5 - 3
- คลื่น 5 คลื่นแรก เรียกว่า Impulse wave.
- คลื่นใดคลื่นหนึ่ง ใน 3 คลื่นแบบ Impulse (1, 3, หรือ 5) จะเป็นคลื่นขยาย ซึ่งปกติจะเป็นคลื่นที่ 3
- คลื่น 3 คลื่นหลัง เรียกว่า คลื่น Corrective จะใช้ตัวอักษรแทนการเรียกเป็นเลข
- คลื่นที่ 1, 3 และ 5, จะมีคลื่นเล็ก ๆ แบบ impulse อยู่ในนั้น 5 คลื่น ขณะที่คลื่น 2 – 4 จะมีคลื่นเล็ก ๆ แบบ Corrective อยู่ 3 คลื่นแทรกอยู่ในนั้น
- มีคลื่นแบบ corrective อยุ่ 21 ชนิด แต่ว่ามันมีพื้นฐานมาจากพื้นฐานของ 3 ชนิด ง่ายที่จะทำความเข้าใจ
- รูปแบบพื้นฐานของ Corrective เหล่านั้นคือ ซิกแซก (zig-zags), แบบราบ (flats), และ แบบสามเหลี่ยม (triangles) 🔺
มีกฏสามข้อในการระบุคลื่น: 👇👇👇
-- กฏข้อที่ 1 คลื่นที่ 3 จะไม่สั้นกว่า คลื่นที่ 1 และคลื่นที่ 5
-- กฏข้อที่ 2 คลื่นที่ 2 จะไม่ลงไปต่ำกว่าจุดเริ่มเกิด คลื่นที่ 1
-- กฏข้อที่ 3 คลื่นที่ 4 จะไม่ลงไปต่ำจนถึงพื้นที่ของ คลื่นที่ 1
-- ถ้าคุณมองดูให้ดี ๆ ตลาดนั้นเคลื่อนไหวเป็นแบบคลื่นจริง ๆ
-- เพราะว่าตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวง่าย ๆ ตามที่เราได้อธิบาย แต่ว่ามันจะใช้เวลานานมากในการวิเคราะห์คลื่น ก่อนที่คุณจะเริ่มรู้สึกว่า คุณจะหาคลื่น Elliott ได้ง่าย ขอให้คุณขยันเข้าไว้และอย่ายอมแพ้ ‼️
เรียบเรียงโดย: #TraderTan
เรียบเรียงโดย: #TraderTan
Elliott Wave Theory is a method of technical analysis that looks for recurrent long-term price patterns related to persistent changes in investor sentiment and psychology. The theory identifies waves identified as impulse waves that set up a pattern and corrective waves that oppose the larger trend.
ตอบลบElliott wave theory in India
อ่านทฤษฎี Elliott Wave เพิ่มเติมได้ที่ Forexduck เนื้อหาเข้มข้น
ตอบลบอ่านรีวิวโบรกเกอร์โบรกเกอร์ forex ที่น่าสนใจ
ตอบลบวิธีใช้งาน Forex EA Backtest EA
ตอบลบเหมือนหีเลยคับ
ตอบลบ