บทความ

G20 G20 ถูกก่อตั้งขึ้นนอกเหนือจาก G7 เมื่อ 25 กันยายน 1999 ในกรุงวอชิงตันในประชุมของรัฐมนตรีคลังของกลุ่มหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากวิกฤตทางการเงินในปี 1990 วัตถุประสงค์ของกลุ่มใหม่นี้ก็เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินระหว่างประเทศและสร้างโอกาสให้กับการเจรจาระหว่างประเทศอุตสาหกรรมและประเทศเกิดใหม่ เช่น ประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตในการประชุมของรัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G8 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมการเจรจาระหว่างประเทศ ผสมผสานหลักการของการเจรจาโดยคำนึงถึงน้ำหนักทางเศรษฐกิจในวงกว้างจากตัวเลขการเติบโตของประเทศ  นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตทั่วโลก G20 จึงยังเป็นที่ประชุมเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณ การเจริญเติบโตทางการเงิน การค้า และ พลังงาน การพัฒนาของกลุ่มนี้ คิดเป็น 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ทั่วโลก 80% ได้จากการค้าระหว่างประเทศ (รวมถึงการค้าภายใน EU) และสองในสามของประชากรโลกให้น้ำหนักทางการเมืองและความถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ  20 ประเทศสมาชิกของ G-20 ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของ 19 ประเทศ ในปี 2009  อาเจนตินา: ประธานาธิบดี คริ
IMF - International Monetary Fund กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF  เป็นสถาบันการเงินก่อตั้งขึ้นในปี 1945 ที่การประชุม เบรตตัน วู๊ด เพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในโลก และ เพื่อเสถียรภาพของระบบการเงินทั่วโลก ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันดีซี มีการดูแลควบคุมโดย 185 ประเทศสมาชิก ครอบคลุมแทบทุกประเทศในโลก เบื้องหน้าที่ทุกคนรับผิดชอบ มีบทบาทในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนำเสนอความรู้ เช่น ความเชี่ยวชาญในโลกการเงิน ให้แก่ประเทศต่างๆ กองทุนการเงินระหว่างประเทศพยายามที่จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลก หน้าที่และภารกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศมีการระบุไว้ดังต่อไปนี้ ในการส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินระหว่างประเทศ อำนวยความสะดวกในการขยายตัวและการเจริญเติบโตที่สมดุลของการค้าโลก ส่งเสริมเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ช่วยในการสร้างระบบพหุภาคีในการชำระเงิน – ใส่ในแหล่งข้อมูล (ขึ้นอยู่กับการป้องกันที่เหมาะสม) ให้ความสะดวกต่อประเทศที่กำลังเผชิญความยากลำบากในความสมดุลของการชำระเงินของพวกเขา ตัวเลขที่สำคัญของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ จำนวนสมาช
ทั้ง O’Neil และ Livermore ต่างก็มองว่าการเล่นหุ้นนั้น ก็เหมือนกับการทำธุรกิจ (ธุรกิจเก็งกำไร)คุณต้องบริหารกิจการของคุณให้อยู่รอดและสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ นั่นทำให้คุณต้องรู้จักการบริหารเงินทุน(หน้าตัก), บริหารพอร์ตลงทุน, บริหารความเสี่ยง ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำธุรกิจเท่าไหร่เลย และเป็นที่แน่นอนว่า ถ้าคุณไม่จริงจังหรือไม่ได้ใส่ใจธุรกิจของคุณ ก็คงยากที่คุณจะประสบความสำเร็จจากธุรกิจนั้นๆ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักคิดว่า การเล่นหุ้นก็เล่นง่ายๆ แค่สั่งซื้อหุ้น พอขึ้นก็ขาย ลงก็ซื้อ หรือมักคิดว่า กำไรจากหุ้นนั้นหามาได้โดยง่าย ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก เพราะคนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ‘ทุกคน ทุกแนว’ ต่างก็ต้องใช้ความพยายาม ความขยัน และอดทน กว่าที่จะพบเจอความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ครับ ในส่วนของการบริหารพอร์ต ผมอ่านจากหนังสือ  ‘How to Make Money in Stocks’  ของ O’Neil เป็นหัวข้อที่เนื้อหาสั้นๆแต่อ่านแล้วรู้สึกชอบ เพราะเค้าเปรียบเทียบการบริหารพอร์ตกับการบริหารสต็อคสินค้าของธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ลองอ่านดูครับ ถ้าแ
ECB - European Central Bank  (ธนาคารกลางยุโรป) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก   มีความรับผิดชอบในการดำเนินนโยบายการเงินที่ครอบคลุม 16 ประเทศสมาชิกของยูโรโซน  ก่อตั้งขึ้นโดยสหภาพยุโรป (EU) ในปี 1998 โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต เยอรมนี ECB เป็นองค์กรหลักที่สำคัญของ Eurosystem และเป็นระบบของยุโรปโดยธนาคารกลาง Eurosystem คือผู้มีอำนาจทางการเงินของกลุ่มยูโรโซน เกิดจากการรวมตัวของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ได้นำเงินยูโรไปใช้อย่างเป็นทางการ  Eurosystem ประกอบด้วยธนาคารกลางยุโรป (มีหน้าที่ตัดสินใจในนโยบายการเงิน) และธนาคารกลางของประเทศสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มยูโรโซน (ใช้นโยบายการเงินที่ตัดสินใจโดย ECB) วัตถุประสงค์หลักของ Eurosystem คือเสถียรภาพด้านราคา  วัตถุประสงค์ที่สองคือความมั่นคงและบูรณาการทางการเงิน และสาม พันธกิจของ Eurosystem คือ ECB และธนาคารกลางของชาติต่างๆจะต้องร่วมมือกันเพื่อ​การบรรลุวัตถุประสงค์ และเพราะมีสมาชิกที่อยู่นอกยูโรโซน ระบบของยุโรปจากธนาคารกลาง(European System of Central Banks หรือ ESCB)  จึงเป็นระบบของธนาคารกลางที่
  บล็อคนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อส่งเสริมชาวไทยทุกคนหันมาสนใจลงทุนด้านค่าเงิน (forex)  เพราะในปัจจุบันทุกคนต่างปฏิเสธไม่ได้เรื่องการหาเงินใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการออมเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยเยอะๆไว้กินตอนเกษียรยามแก่ตัว   ในปัจจุบันนี้เรื่องฟอร์เร๊กอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยเพราะ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้รู้ และไม่เคยได้ลองสัมผัส แต่ในเวลานี้ฟอร์เร๊กได้มีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเพราะมันเป็นยิ่งกว่าด้านการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน หุ้น ยิ่งกว่าธุรกิจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันทำกำไรให้เราได้เร็วกว่า 5 นาที - 1 วัน คุณสามารถได้เทรดค่าเงินได้ทั้งวัน ไม่มีการเซ็นเอกสารส่งคำสั่งซื้อขาย เพราะเทรดในโปรแกรม ไม่ผ่านนายหน้าใดๆ เสียค่าคอมมิชชั่นถูกสุดๆในการเทรดแต่ล่ะครั้ง  ทั้งหมดที่กล่าวมาคือข้อที่ได้เปรียบ ฟอร์เร๊กในประเทศไทยปัจจุบันนี้ เริ่มมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีคนรู้จักได้ลองสัมผัสกับตลาดค่าเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก (เอาเงินมาถมประเทศไทยได้ทั้งประเทศเลย เพราะมูลค่าการซื้อขายมันโหดสุดๆฉนั้นเราต้องกอบกวยเงินต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทยเยอะๆนะครับ GDP ของประเทศจะได้เติบโตข้ามวันข้
บทความนี้เป็นบทความแรกที่อ่าน ๆไปแล้วผมคิดว่าเจ้าของกระทู้เค้ากำลังตอบ 2 คำถามในกระทู้เดียวดังนั้นผมเลยตัดสินใจแบ่งออกเป็น 2 บทความจากกระทู้เดียวเพื่อไม่ให้สับสนต่อการอ่าน ในบทความนี้ จขกท. เข้าจะพูดถึงแนวคิดของเขารวมไปถึงวิธีการเทรดของเขาซึ่งผมจะแยกวิธีการเทรดของเขาออกจากแนวคิดของเขานะครับ ซึ่งในบทความนี่ผมจะพูดถึงเรื่องที่เขาอยากจะเริ่มทดลองระบบของเขาก่อนแล้วกันนะครับ คุณ aarizahmad เจ้าของกระทู้ถามเล่าว่าเขาพึ่งเริ่มเทรดได้ประมาณ 2 เดือนและได้ทดลองระบบของเขาโดยการเช็คย้อนหลังซึ่งระบบของเขาจะใช้สัญญาณเข้าจากรูปแบบกลืนกิน (Engulfing Bar) ของแท่งเทียนใน Daily Time Frame เป็นสัญญาณเข้า ความเสี่ยงของระบบผมอยู่ที่ 3:1 ซึ่งทดสอบดูแล้ววิธีการเทรดของผมถูก 20 ครั้งผิด 10 ครั้งเมื่อเอาจำนวณครั้งที่ถูกมาคิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วพบว่าระบบผมสามารถทำกำไรได้ถึง 60% เลยทีเดียวและเสียเพลง 10% เท่านั้น จากตัวเลขนี้ผมเลยคิดว่าระบบผมเป็นไปได้ที่จะนำมาเทรดจริง ๆ ผมเลยอยากจะถามเพื่อนร่วมบอร์ดว่า ข้อที่ 1: ผลที่ได้นี้แม่นยำพอที่จะไปเริ่มเทรดเดโม่หรือเงินจริงหรือยังครับ? ข้อที่ 2: ความเสี่ยงของเขาต่อการเทรด 1 ค
  "ทำไมราคาวิ่งมาชน Stop loss (SL) ของเราอีกแล้ว"  นี่น่าจะเป็นคำถามที่เทรดเดอร์ถามตัวเองแบบเซ็งๆเป็นประจำเมื่อออเดอร์ของเราโดน SL ที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า  ตลาดจะทำทุกอย่างที่มันอยากจะทำ เคลื่อนไหวไปในทางที่มันอยากจะไป เทรดเดอร์ต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆทุกวัน  ส่วนมาก็จะเป็นในเรื่องของการเมืองทั่วโลก เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือที่เกี่ยวกับธนาคารกลางที่สามารถทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางไหนก็ได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเทรดเดอร์บางคนที่เปิดออเดอร์ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับราคาตลาด และต้องเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าเราสามารถควบคุมได้ว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น เราสามารถปิดออเดอร์เพื่อตัดการขาดทุนในตอนนั้นเลย หรือว่าคุณจะนั่งรอคอยความหวังว่าราคามันจะกลับมาในที่ที่คุณต้องการ และถ้ามันไม่กลับมาอย่างที่คุณหวังไว้แล้วคุณปล่อยไปอย่างนั้นเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดสินใจ พอร์ตของคุณก็อาจจะสะอาดได้ (ล้างพอร์ต) คำพูดที่ว่า    "Live to trade another day!"  น่าจะเป็นคำขวัญของเทรดเด
การมองภาพกว้าง ภาพรวมของตลาดก่อนเทรด เพื่อวิเคราะห์ ทิศทางตลาด รวมไปถึงการกำหนดกลยุทธ์การเทรด กรณีที่เกิด event ต่างๆ   ระดับ ความสำคัญของตัวเลขเหล่านี้ จะนิยมเล่นเก็งกำไร ก่อนตัวเลขจะประกาศ บางสายเรียกว่า Event Trade ครับ มันจะสอดคล้องกับ เทรนด์ราคา ของค่าเงิน หรือดัชนีต่างประเทศ บ่งบอกคุณภาพของแนวโน้ม และการอยู่ตัวของแนวโน้ม ได้อีกด้วย โดยผมขอแบ่งออกเป็นหัวข้อหลักๆดังต่อไปนี้ การแถลงตัวเลขเศรษฐกิจ  -PMI (กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม, การขยายตัวของเศรษฐกิจ) - GDP  - Non farm Payrolls  (เกี่ยวกับอัตราว่างงาน) - Unemployment Rate  (เกี่ยวกับอัตราว่างงาน) - Retail sales Indicator(อสังหาริมทรัพย์) - Housing stats (อสังหาริมทรัพย์) - CPI  ( Consumer Price index )  - อัตราเงินเฟ้อ โดยตัวเลขต่างดูได้จาก www.investing.com ปฏิทินเศรษฐกิจ  Event ต่างๆเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจในรอบสัปดาห์ พวกการประชุมของผู้นำชาติ ผู้นำธนาคารกลาง www.  forexfactory.com ข่าว   -Reuters, The Wall Street Journal, Bloomberg, MarketWatch.com Market Sentimental  อารมณ์