บทความ

เคยสงสัยกันใช่ไหมครับ ว่าราคาเป้าหมายเท่านั้นเท่านี้ ที่นักวิเคราะห์ปล่อยออกมา ทำไมมันถึงได้แม่น หรือใกล้เคียงมาก สมัยก่อนผมเห็นใครให้ตัวเลขราคาเป้าหมายไว้ ผมจะไม่ค่อยสนใจ เพราะคิดว่าคงเดากันไปมากกว่า แต่เมื่อราคานั้นเกิดขึ้นจริง ผมย้อนกลับไปดูราคาที่มีบางท่านเคยทำนายไว้ ก็ต้องทึ่งและเริ่มสนใจศึกษามานับแต่นั้น  ผมคงไม่อธิบายยืดยาวเหมือนในตำรา แต่เอาเนื้อๆมาคุยกัน เพื่อความกระชับ สิ่งที่ผมสงสัยมานานเกี่ยวกับตัวเลขมหัศจรรย์นั้น มันเกิดมาจาก หลักจิตวิทยา ความกล้า และความกลัวของคนนี่แหละ อย่างเช่น คุณซื้อของมา 100 บาท เพื่อเอาไว้ขายทำกำไร วันนึงเมื่อคุณพบว่า คุณกำลังขาดทุน เพราะราคาของนั้นกำลังตกลงทุกวัน คุณอาจพอใจที่จะขายแม้ราคาจะเหลือครึ่งเดียว ขณะที่บางท่าน รอให้มันกลับมาเท่าเดิมค่อยขาย หรือบางรายอดทนกว่านั้น จะรอให้ราคามันขึ้นจนกว่าจะกำไร ไอ้ความอดทนต่อสถานการณ์ที่ต่างกันไป ก็มีสถิติที่เก็บได้ กลายเป็นตัวเลข แนวต้าน แนวรับ ทางเทคนิคที่สามารถนำมาใช้คาดการณ์ได้นั่นเองครับ ข้อมูลการลงทุนที่เหมือนกัน ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่นโปรแกรม MT4, MetaSt
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนเถ้าคนแก่ หรือ อาจจะกระทั่งตัวเองได้เคยซื้อ (ถ้าแก่พอ) ทองคำบาทละ 400 บาท สมัยนั้น (ปี พศ.2516) ทองคำ 1 ออนซ์ ถูกกำหนดตายตัวไว้แค่ 42.22 ดอลล่าร์ อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 20 บาทกว่าๆครับ วันนี้ ราคาระดับหมื่นกว่าบาทแล้ว และอาจจะไปถึง 2หมื่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เกิดอะไรขึ้นกับทองคำ ใครไม่รู้ประวัติ ก็มาฟังผมเล่าฉบับย่อสุดๆ (เพราะรู้นิดเดียว ฮิฮิ) สมัยก่อน ราวปี 1875-1914 ทองคำถูกใช้เป็นมาตรฐานระบบการเงิน ซึ่งกำหนดความแตกต่างด้วยปริมาณทองคำสำรองระหว่างสกุลเงินของ 2 ประเทศ ระบบนี้มีปัญหาในทางปฏิบัติเพราะต้องสำรองทองคำในปริมาณมหาศาลเพื่อรักษาดี มานด์/ซัพพลายทางการเงินให้มีเสถียรภาพ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานใหม่หลังสหรัฐตั้งตัวเป็นเจ้าโลกแทนอังกฤษที่เสื่อมอำนาจลง เรียกว่า ข้อตกลงเบรตัน วูดส์ ใน ค.ศ. 1944 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในเวลาต่อมา หนึ่งในสาระสำคัญของเบรตัน วูดส์คือ การตีค่าตายตัวเอาไว้ว่า 35 ดอลลาร์เท่ากับทองคำ 1 ออนซ์ และเงินสกุลทั่วโลกจะผูกค่าเอาไว้นิ่งกับค่าดอลลาร์ อำนาจครอบงำจากดอลลาร์จึงเกิดขึ้น เงิ
การประชุม G-20 คืออะไร การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 แห่ง หรือ G 20 (The Group of Twenty Finance Ministers and Central Bank Governors – G20) นั้นคือการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่สนับสนุนให้มีการอภิปรายและหารืออย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ระหว่างประเทศอุตสาหกรรมและประเทศคู่เจรจา เกี่ยวกับการหาความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ประวัติความเป็นมาของ G-20 กลุ่ม G-20 เป็นการรวมตัวของประเทศกำลังพัฒนาจำนวนหนึ่งที่เป็นสมาชิกองค์การค้าโลกและมีแนวคิดเดียวกันที่จะปัญหาการค้าสินค้าเกษตรของโลก ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 23 ประเทศได้แก่ อาร์เจตินา โบลิเวีย บราซิล ชิลี จีน คิวบา อียีปต์ กัวเตมาลา อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก ไนจีเรีย ปากีสถาน ปารากวะเย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย เวเนซูเอลา อุรุกวัย ซิมบับเว เปรู และเอกวาดอร์ เพื่อเพิ่มอำนาจในการเจรจาต่อรองกับประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ที่ยังคงต้องการการปกป้องภาคการเกษตรของตนอยู่ให้เปิดเสรีสินค้าเกษตรมากขึ้น สาเหตุสำคัญของการรวมตัวกันของสมาชิกกลุ่ม G-20 เกิดจากความไม่พอใจที่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ร่
G7 คืออะไร G7 (Group of Seven) คือ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนํา 7 ประเทศ ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2518 โดยมีสมาชิกในการประชุมผู้นําครั้งแรกที่ Rambouilletประเทศฝรั่งเศส 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และ ญี่ปุ่น ต่อมาประเทศแคนาดาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการประชุมที่ San Juan, Puerto Ricoประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ 2519 และสหภาพยุโรป (European Union) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการประชุมที่ London ในปี พ.ศ. 2520 ดังนั้น สมาชิกของกลุ่ม G7 ได้ถูกกำหนดให้มี 7 ประเทศ และ 1 กลุ่ม (European Union) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ดี ในการประชุมที่เมือง Denver ประเทศสหรัฐ อเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2540 รัสเซียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกและเข้าประชุม ในเรื่องต่าง ๆ ยกเว้นทาง ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้ใช้ชื่อว่าการ ประชุม G8 การประชุมสุดยอดผู้นํา G7/G8 ได้จัดขึ้นเป็นประจําทุก ๆ ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการปัญหา ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สําคัญ ๆ ของประเทศสมาชิกและปัญหาระหว่างประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ นอกจากการประชุมสุดยอดผู้นําประจําปีแล้ว G7/G8ยังได้จัดการประชุมย่อยของรัฐมนตรีกลุ่มต่างๆ ของประเทศสมาชิก (
วิดีโอที่ 1 วิดีโอที่ 2 วิดีโอที่ 3 วิดีโอที่ 4 วิดีโอที่ 5
เตือนสำหรับนักเทรด Forex ทั้งมือใหม่และมือเก่า อันตราย!!                การเทรด  Forex  ก็เหมือนกับการเล่นหุ้นซึ่งจะมีปัจจัยต่างๆเข้ามาทำให้ค่าเงินเกิดการผันผวน   ดังนั้นต้องคอยติดตามข่าวเศรษฐกิจของทั่วโลกอย่างใกล้ชิดนะครับ   ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ท่านทั้งหลายล้างพอร์ตได้                  สำหรับนักเทรดท่านใดที่ใช้อีเอในการช่วยเทรด ของเตือนนิดหนึ่งนะครับว่า   อีเอจะทำงานได้ดีในสถานนะการปรกติเท่านั้น   เพราะหลักการในการเขียนอีเอมันมาจากสถิติย้อนหลัง   การทำสอบกับข้อมูลย้อนหลังโดยเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์   อะไรขึ้น   เพราะฉะนั้นต้องคอยติดตามข่าวควบคู่กันไปด้วยจึงจะให้เราสามารถแก้ไข   สถานการณ์ได้ทันท่วงที                   ผมไม่ได้บอกว่าการเทรดด้วยอีเอไม่ดีนะครับ   ผมว่ามันดีมากๆหากอีเอนั้นมาจากเทคนิคของคนที่เทรดเก่ง   และจะต้องเขียนด้วยคนที่เขียนโปรแกรมเก่งด้วย   ซึ่งผมเชื่อว่าต้องมีคนอยากได้อีเอแบบนี้แน่ๆ และสุดท้ายคือ   ผู้ใช้อีเอต้องรู้จักวิธีใช้ เข้าใจสถานการณ์โลกว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน   รับรองอยู่ในวงการนี้ได้อย่างสบาย         โชคดีกับการเทรดครับ...
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเขียน EA สิ่งที่เราคาดหวังจาก Expert Advisor (EA) นั้น นอกจากการความาสามารถในการกำไรให้เราแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่เราต้องการก็คือ  การทำงานที่ถูกต้องโดยไม่เกิดข้อผิดพลาด  ซึ่งหลังจากที่เราเขียน EA เสร็จแล้วเราจะต้องทำการทดสอบด้วย  Strategy Tester  เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานของ EA นั้นสามารถทำงานได้ตรงตามที่เราคาดหวังไว้ ซึ่งการทดสอบ EA วิธีการนี้เป็นเพียงการทดสอบขั้นต้นเท่านั้น เพราะในสภาวะของการใช้งานจริงจะมีปัญจัยที่จะสารมารถที่ทำให้เกิดความผิดพลาดหรือการการงานผิดเพี้ยนจากหลักการที่กำหนดให้ตัว EA คือ ในสถานะการณ์ที่มีความผันผวน เมื่อมีการส่งคำสั่งซื้อ (BUY) หรือส่งคำสั่งขาย (SELL) เราอาจจะไม่สามารถซื้อหรือขายได้ในราคาที่เราต้องการ เพราะในขณะที่เราส่งคำสั่งซื้อ/ขายไปนั้น ราคาได้มีการเปลี่ยน ยกตัวอย่างการส่งคำสั่งซื้อ                     ticket=OrderSend(Symbol(),OP_BUY,lot,price, 3 ,0.0,tp,NULL,255,0,CLR_NONE);      จะเห็นว่าตรงตำแหน่งของเลข 3 คือ จำนวนจุดที่ยอมรับได้เมื่อราคาเปลี่ยนไป เช่น ต้องการซื้อที่ราคา 1.5000 แต่เมื่อส่งคำสั่งไปราคาเปลี่ยนไปเป็น 1.5002
การเขียน EA เพื่อแสดงข้อความบน Chart ในการเขียน EA บางครั้งเราจำเป็นต้องแสดงผลของค่าบางค่าที่เราต้องการบน Chart เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบผลการทำงานของ EA ว่าทำงานได้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้หรือไม่         จากตัวอย่างด้านล่างเป็นการแสดงผลขอกำไร/ขาดทุนของ Order ที่เราเปิดอยู่ ซึ่งจะแสดงหมายเลข Ticket และ Profit ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างการเขียนโค๊ด int getLastOrderProfit () {    string name = "strProfit" ;    string strDispaly ;    for ( int i = 0 ; i < OrdersTotal (); i ++){       if ( OrderSelect ( i , SELECT_BY_POS , MODE_TRADES )== true ){          if ( OrderSymbol ()== Symbol ()){             strDispaly = "Order Ticket " + OrderTicket ()+ " Profit: " + DoubleToStr ( OrderProfit (), 0 );             ObjectCreate ( name , OBJ_LABEL , 0 , 0 , 0 );             ObjectSet ( name , OBJPROP_XDISTANCE , 5 );             ObjectSet ( name , OBJPROP_YDISTANCE , 80 );             ObjectSetText ( name , strDispaly , 14 , "Arial" , DodgerBlue
เขียน EA ตรวจสอบ Candlestick Pattern The Bearish Engulfing pattern     รูปแบบของ  Bearish Engulfing  คือ รุปแบบที่เป็นสัญญาณของการกลับตัวจากภาวะตลาดกระทิง (Up Trend)  ไปสู่ภาวะตลาดหมี (Down Trend)  จะเกิดแท่งเทียนทึบ(หมายเลข1)ครอบ แท่งเทียนโปร่ง(หมายเลข2) โดยที่ราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนโปร่งจะต้องอยู่ระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนทึบ ดูภาพประกอบเพื่อความเข้าใจ     ก่อนที่เราจะทำการเขียน EA เพื่อตรวจสอบว่า รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่เกิดขึ้นนั้น ใช่รูปแบบของ  Bearish Engulfing Pattern  รึปล่าวนั้น เราต้องทำการกำหนดเงื่อนไขของรูปแบบนี้ก่อนด้วยภาษาพูดและค่อยแปลงให้เป็นภาษา  MQL เงื่อนไขของ Bearish Engulfing Pattern เราจะทำการตรวจสอบเมื่อเกิดแท่งเทียนแท่งใหม่  ใช้รูปประกอบ คือเมื่อเกิดแท่งเทียนหมายเลข 0 ราคาเปิดของแท่งเทียนหมายเลข1 ต้องมากกว่าราคาปิดของแท่งเทียนหมายเลข1  ใช้เพื่อตรวจสอบว่าเป็นแท่งเทียนทึบ ราคาเปิดของแท่งเที่ยนหมายเลข2 ต้องน้อยกว่าราคาปิดของแท่งเทียนหมายเลข2  ใช้ตรวจสอบว่าเป็นแท่งเทียนโปร่ง ราคาเปิดของแท่งเทียนหมายเลข2 ต้องมากกว่าราคาปิดของแท่งเทียนหมายเลข1  และ