กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Fundamental

บทความ

Leverage กับการเทรด Forex     หลายท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้างหลักการทำกำไรหลัก ๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่าซื้อถูก-ขายแพง (พูดง่ายแต่ทำจริง ๆ ไม่ง่ายเลย) ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัว ๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้นตรงที่เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่งในขณะเดียวกันก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไปหรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยนซื้อขายค่าสกุลเงินกำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ      ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรปกับเงินดอลลาร์สหรัฐค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคาซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับ EUR/USD bid= 1.3500 offer (Ask) = 1.3502      ถ้าเราสั่งซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรดเราจะติดลบ
1.คุณจะต้องฝึกการวิเคราะห์ แน่นอนคุณจะได้เงินได้อย่างไร ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันจะวิ่งไปทางไหน ถูกไหม ?  การวิเคราะห์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆก็คือ 1.1 การวิเคราะห์ทางเทคนิค  ซึ่งเราจะใช้ เครื่องมือ หรือ Indicator เพื่อวิเคราะห์ว่ากราฟจะไปในทิศทางไหน มันอาจจะดูเหมือนง่ายเพราะ Indicator (ตัวจับสัญญาณ) มันจะบอกได้เลยว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกเพราะมันจะมีสัญญาณหลอกด้วยเช่นกัน เครื่องมือ หรือ Indicator ต่างๆ จะมีประโยชน์ถ้าคุณใช้มันเป็น ดังนั้นคุณจึงต้องมีการฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำกำไรให้คุณได้สูงสุด ซึ่งการฝึกที่ว่านี้อาจจะนานร่วมปีหรือหลายปีเลยเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณเอง 1.2 การวิเคราะห์จากข่าว  ไม่ว่าจะเป็นข่าว ปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการต่างๆ หรือข่าวอะไรก็ตามที่มีผลกระทบต่อการเงินประเทศนั้นๆ ก็สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เช่นกัน 2.การฝึกอารมณ์ตัวคุณเอง***** ข้อนี้ผมคิดว่ามันสำคัญมากสำคัญกว่าการวิเคราะห์กราฟซะอีก ทำไมน่ะหรอ เพราะว่าบางทีเมื่อคุณวิเคราะห์กราฟแล้ว คุณคิดว่ามันจะขึ้นคุณก็  Buy  ทันใดนั้นหุ้นก็ทิ่มหัวลง หรือคุณวิเคราะห์แล้วว่ามันจะลงคุณก็  Sell  ทันใด
เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวมาบ้างว่า ในการลงทุนนั้นไม่จำเป็นที่ เราจะต้องมีความแม่นยำ แล้วเราจะได้กำไร แต่หัวใจของการลงทุนกลับอยู่ที่ทักษะในการบริหารเงินทุน     การบริหารเงินนั้นถูกจัดว่าเป็นศาสตร์สุดยอดในการเทรด จนเคยมีคำกล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเป็นสุดยอดเทรดเดอร์ นั้นขึ้นอยู่กับ.......... 1 ระบบหรือเทคนิค ที่เราใช้ในการเทรดเพียง 10% 2 ศาสตร์ของการบริหารเงิน 30% 3 ระเบียบวินัยในการลงทุนถึง 60%  แม้แต่นักพนันมืออาชีพ ที่สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ก็ล้วนใช้กลยุทธ์ในการบริหารหน้าตักทั้งสิ้น เคยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์ทางคณิตศาสตร์ท่านหนึ่ง ใช้วิธีการของศาสตร์นี้ในการทดลองไปเสี่ยงโชคในคาสิโน ผลลัพธ์ออกมาน่าประหลาดใจมาก พบว่าศาสตร์ท่านเดิมได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดังกล่าวเพื่อจะนำมาใช้ในตลาดหุ้น ค่าเงินและออปชั่น ก็พบว่าผลลัพธ์นั้นไม่แตกต่างกันเลย จากเรื่องราวดังกล่าวที่ยกมานี้ ทำให้เราพอจะเชื่อได้ว่า เรื่องของการบริการนั้นมีความสำคัญอย่างมากและมากที่สุดเมื่อเราคิดจะลงทุน     ต่อไปนี้จะเป็นสถานการณ์สมมติ ที่จะทำให้ท่านเห็นภาพของผลลัพธ์ต่างๆ ที่อาจเกิดจากการลงทุน ถ้าหา
เป็น 2 เรื่องพื้นฐานที่สำคัญ, มีประสิทธิภาพ, support และ resistance เป็นรูปแบบทางเทคนิค. โดยมีเส้นเทรนไลน์แนวนอน ซึ่งทำให้เกิดทิศทางการย้อนกลับของราคา. เมื่อราคาเคลื่อนที่ลง, เส้น support จะแสดงให้เห็นถึงโมเมนเมื่อมีการ buy ได้ครอบคลุมการ sell และราคาก็จะเกิดการกลับตัว. ตรงกันข้าม, เมื่อราคาได้เคลื่อนที่ไปสูงขึ้น, ที่จุด resistance การ sell ได้ปกคลุมการ buy แล้วราคาก็จะเคลื่อนที่ลง.    การระบุจุดเปลี่ยนแนวโน้มเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณกำหนดราคาเป้าหมายเริ่มต้นได้และพัฒนาระเบียบการขายของคุณเอง. เช่นเดียวกับรูปแบบอื่นๆ ที่เราได้กล่าวไว้, มาเรียนรู้รายละเอียดของ support และ resistance levels จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณ. มีอยู่ 5 กฎเพื่อความเข้าใจ support และ resistance.    1. Trends challenged – support และ resistance บ่อยครั้งมักจะทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนเทรนหรือแนวโน้ม. เมื่อเส้นเทรนไลน์ได้พบกับ     resistance, เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง. ตัวอย่างเช่น, จากกราฟในรูป, เมื่อเส้นเทรนไลน์สีฟ้าในขาขึ้น (uptrend) ได้มาบรรจบกับ     resistance, ทำให้ราคาเปล
Trade Management สิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้+พถติกรรมตลาด (คงมีหลายคนที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เหมือนกัน) จะพูดถึง 2 เรื่อง คือ Position Sizing (ขนาดการลงทุน) และ Exit Strategy  Exit Strategy (หลักการปิดออร์เดอร์) ผมจะไม่พูดถึงการเข้าออร์เดอร์นะครับ ดูตัวอย่างนะครับ  จากตัวอย่าง จะมีจุดปิดออร์เดอร์สองจุดนะครับ โดยเมื่อถึงจุดแรก ปิด 50% ปิดอีก 50% เมื่อถึงจุดที่สอง สมมุติ เปิดออร์เดอร์ lot = 0,5 เมื่อถึงจุดแรก ปิดไป 0.25 แล้วปิดหมดอีกทีที่จุดต่อไป ไม่จำเป็นว่าต้องมี tp สองจุดนะครับ แต่การมี tp มากกว่า 1 จุดจะเป็นการเพิ่มกำไรได้โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงแต่อย่างใดครับ sl เหนือแนว high ของแท่งที่เทสแนวต้าน ทำไม? - จริงๆแล้วจะ ตั้ง sl ไว้เหนือแนวต้าน เหตุที่ตั้ง sl เหนือแนวต้าน ก็เพราะ ที่แนวต้าน จะเป็นจุดซื้อขายของหลายๆคน ถ้าราคาทะลุไปได้ ส่วนใหญ่นักลงทุนจะซื้อมากว่าขาย ทำให้ราคาสูงขึ้น - กรณีนี้ มีการทะลุแนวต้านไปได้ แต่ผู้ซื้อไม่ชนะ ราคาจึงกลับลงมา ทำให้ผู้ขายเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีก ซึ่งแน่นอน ส่วนใหญ่ราคามันควรจะลง - กรณีนี้ที่ตั้ง sl เหนือ high ของแท่งที่ ทะลุไป เพราะว่
รู้จักกับกราฟ Forex บทนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องของกราฟ  Forex  กันนะครับ ซึ่งเมื่อสมัยก่อนที่ระบบคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารยังไม่พัฒนาเหมือนทุกวันนี้ ในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆยังซื้อขายกันด้วยระบบการเคาะกระดานซื้อขายกันอยู่ และเพื่อที่จะให้นักลงทุนรู้ถึงราคาที่เสนอซื้อขาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของราคา นักลงทุนจะใช้การอ่าน  Tape Ticker  ซึ่งส่งราคามาจากตลาดต่างๆผ่านระบบโทรเลข ซึ่งเป็นเครื่องมืออิเล็คทรอนิคเดียวที่ใช้กันในสมัยนั้น Tape Ticker  ยังเป็นอะไรที่ยุ่งยากสำหรับนักลงทุนโดยทั่วไป เพราะต้องจดบันทึกข้อมูลการซื้อขายต่างๆเพื่อให้เห็นสภาวะในการซื้อขายได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์และแผนในการซื้อขายต่อไป  เมื่อระบบคอมพิวเตอร์และการสื่อสารพัฒนาขึ้น ได้มีการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายในแต่ละวันมาพล๊อตเป็นกราฟเพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ในเบื้องต้นยังเป็นกราฟเส้น  Line Chart  อยู่ ซึ่งมันจะบอกได้แค่คาราปิดของแต่ละวันเท่านั้น เรายังไม่สามารถรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในระหว่างวันได้ ในการวิเคราะห์ Forex เพื่อการเทรดนั้น โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น
ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของกิจการ หรืออาชีพอื่นๆ คุณก็สามารถกลายเป็นเศรษฐีได้ ถ้าคุณทำตาม 6 เคล็ดลับที่เป็นกุญแจสำคัญสู่ความร่ำรวยดังต่อไปนี้ 1.เงินทองเป็นของมีค่า ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในแต่ละเดือนคุณจะ "เหลือเก็บก่อนค่อยเอาไปใช้ หรือ เหลือจ่ายก่อนค่อยเอาไปเก็บ" ลองพิจารณาสมการด้านล่างว่าแบบใดที่เป็นตัวคุณ รายได้ - เงินออม = รายจ่าย (เหลือเก็บ ค่อยเอาไปใช้) รายได้ - รายจ่าย = เงินออม (เหลือจ่าย ค่อยเอาไปเก็บ) สมการออมเงินที่ดีต้องเป็นแบบแรก คือ หักเงินออมไว้ก่อน ที่เหลือจึงนำไปใช้จ่าย เพื่อกันเงินสำหรับการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน แต่สำหรับคนที่มองหาความมั่งคั่ง สมการแบบนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องเลือกใช้สมการเศรษฐี นั่นคือ รายได้ - เงินออม - เงินลงทุน = รายจ่าย  โดยหลังหักเงินออมแล้ว ยังต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับลงทุนด้วย เพื่อให้เงินทำงาน เงินทองจะได้งอกเงยยิ่งๆ ขึ้นไป 2.ระยะเวลามีผลต่อผลตอบแทนในการลงทุน "ยิ่งเริ่มต้นลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งรวยเร็วขึ้นเท่านั้น"  ถ้าคุณเริ่มต้นออมเงินแล
หลายต่อหลายคนรู้ดีว่าความสำเร็จของนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรระดับโลกส่วนใหญ่ล้วนเกิดขึ้นจากผลของการ “ทบต้น” แทบทั้งสิ้น แต่พวกเขามักไม่รู้ว่าการทบต้นนั้นย่อมต้องมีต้นทุนของมันอยู่ และนี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อดึงเอาพลังของการทบต้นออกมา 1. ระบบการลงทุนที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ น่าเสียดายที่หลายๆคนที่หลงไหลในสมการทบต้นนั้นไม่รุ้ว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาอย่างแรกเลยก็คือระบบการลงทุนหรือแนวทางในการลงทุนที่มีความเสถียร (Robust) … ระบบการลงทุนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องสัญญาว่าจะทำให้คุณลงทุนถูกที่ถูกทางอยู่ตลอดเวลาหรือมีกำไรเป็น XXX% เท่าภายในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่เดือน (ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกมันมักถูกสร้างมาเพื่อทำการตลาดในการขายระบบ โดย Curve Fit ระบบกับฐานข้อมูลในอดีตจนมากเกินไปแทบทั้งนั้น) ความสม่ำเสมอของการเติบโตต่างหากที่เป็นหัวใจในการทบต้น ในระยะยาวแล้วระบบการลงทุนที่อึดที่สุดและเสถียรที่สุดคือสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าทองสำหรับคุณ 2. เวลา แม้การเติบโตของเงินทุนแบบทบต้นไปเรื่อยๆนั้นอาจไม่ต้องการผลตอบแทนที่หวือหวามากๆแต่มันกลับต้องการช่วงเวลาที่ยาวนานในการบ่มเพาะ หลายๆคนเมื่อ