Continuation Trading คืออะไร ?

Continuation Trading – กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มต่อเนื่อง

Continuation Trading – การเทรดตามแนวโน้มต่อเนื่อง

1. เกริ่นนำ

Continuation Trading คือกลยุทธ์การเทรดที่อาศัยหลักการว่า เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่งแล้ว หากมีช่วงพักตัวหรือแกว่งในกรอบระยะหนึ่ง มักมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะ “ไปต่อ” ในทิศทางเดิมมากกว่าที่จะเปลี่ยนกลับทิศทันที ทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้โอกาสนี้ “เข้าตามน้ำ” ในจุดพักตัวที่เหมาะสม เพื่อทำกำไรต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หรือขาลง (Bearish)

โดยรูปแบบ Continuation Patterns ที่มักพบบ่อย ได้แก่ Flags, Pennants และ Triangles ซึ่งมีลักษณะร่วมกันคือเกิดในระหว่างที่ราคากำลังวิ่งแรง แล้วหยุดพักครู่หนึ่ง ก่อนจะทะลุแนวกรอบพักตัวไปต่อในทิศทางเดิม ในบทความนี้ เราจะลงลึกตั้งแต่พื้นฐาน วิธีระบุรูปแบบเหล่านี้ ไปจนถึงเทคนิคและคำแนะนำ สำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยยืนยันสัญญาณเบรกเอาท์ เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความเชื่อมั่นในการเทรด

2. พื้นฐานของ Continuation Trading

Continuation Trading ใช้ “หลักการของแนวโน้ม” (Trend Principle) เป็นหัวใจสำคัญ นั่นคือ ถ้าราคาอยู่ในเทรนด์ใดมาระยะหนึ่ง เช่น ขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน มักต้องการแรงพักตัวเพื่อรวบรวมกำลัง (Consolidation) ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปอีกหนึ่งระลอก ช่วงพักตัวนี้อาจเป็นกรอบแคบ ๆ หรือรูปแบบกราฟต่าง ๆ ที่เราเรียกว่า Continuation Patterns เพราะช่วยบอกใบ้ว่าแนวโน้มเดิม “ยังไม่จบ” และพร้อมจะสานต่อหลังจากการทะลุ (Breakout) อีกครั้ง

การยืนยันว่าเทรนด์จะ “ไปต่อ” จำเป็นต้องอาศัย การเบรกเอาท์อย่างชัดเจนพร้อมวอลุ่มเพิ่มขึ้น หรือสัญญาณยืนยัน (Confirmation) จากตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าระยะพักตัวนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ราคากลับมาเคลื่อนที่ตามเทรนด์หลักอีกครั้ง การเทรดรูปแบบต่อเนื่องนี้ช่วยให้ได้จุดเข้า (Entry) หลังพักตัวในราคาที่เหมาะสม ช่วยลดโอกาสโดนแรงย่อระหว่างเทรนด์ พร้อมวางแผนบริหารความเสี่ยง (Stop-loss) ใต้หรือเหนือกรอบพักตัวได้ง่าย

3. รูปแบบกราฟต่อเนื่องที่สำคัญ

รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) คือโครงสร้างราคาที่บ่งชี้ว่าตลาดหยุดพักชั่วคราวระหว่างเทรนด์ และมีแนวโน้มจะ “วิ่งต่อ” ในทิศทางเดิม รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นในทุกตลาด (หุ้น, ฟอเร็กซ์, คริปโต ฯลฯ) และในหลายไทม์เฟรม โดยรูปแบบยอดนิยม ได้แก่ Flag, Pennant และ Triangle

3.1 Flag Pattern (รูปแบบธง)

Flag (ธง) มักเกิดหลังจากที่ราคาวิ่งขึ้น/ลงแรงจนสร้างสิ่งที่เรียกว่า “เสาธง” (Flagpole) แล้วตามด้วยการพักตัวในกรอบราคาที่เอียงสวนทิศ (ขาขึ้นพักตัวเป็นช่องเอียงลงเล็กน้อย, ขาลงพักตัวเอียงขึ้น) ลักษณะเหมือนธงที่ปลิวบนยอดเสา ช่วงพักตัวนี้เป็นการย่อตัวหรือแกว่งสั้น ๆ ในกรอบขนาน หากราคาทะลุกรอบธงออกไปตามเทรนด์เดิม ถือเป็นสัญญาณเข้าซื้อ/ขายต่อเนื่อง โดยใช้ความยาวของ Flagpole มาช่วยตั้งเป้าหมายกำไรได้

ตัวอย่างเช่น หากเป็น Bull Flag (ธงขาขึ้น) ราคาอาจพุ่งขึ้นแรงจนเกิดเสาธง แล้วพักตัวภายในกรอบเล็ก ๆ ที่เอียงลง เมื่อทะลุกรอบด้านบนออกมา เทรดเดอร์มักเข้าซื้อตามการ “Breakout” และตั้งเป้าหมายกำไรโดยวัดระยะของเสาธงก่อนหน้า บวกจากจุดที่ทะลุขึ้นไป

3.2 Pennant (ธงสามเหลี่ยม)

Pennant หรือ “ธงสามเหลี่ยม” มีความคล้ายกับ Flag คือเกิดหลังเสาธงเช่นกัน แต่ช่วงพักตัวจะไม่เป็นกรอบขนาน หากแต่จะ “บีบแคบ” เข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ แทนที่จะเคลื่อนที่ในกรอบเอียงไปด้านเดียว Pennant ขาขึ้น (Bullish Pennant) ก็จะเกิดในแนวโน้มขาขึ้น และ Pennant ขาลง (Bearish Pennant) ก็จะเกิดในแนวโน้มขาลง

หากราคาเบรกทะลุกรอบสามเหลี่ยมนั้นในทิศทางเดียวกับเสาธง ถือเป็นสัญญาณว่าราคาจะไปต่อ ขณะที่วอลุ่มซื้อขายควรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเบรกเอาท์ จึงจะถือว่าสัญญาณน่าเชื่อถือ กรณีที่วอลุ่มไม่เพิ่ม ตอนทะลุอาจเป็นเพียง “false breakout” ที่ราคาจะวกกลับเข้าไปในกรอบอีก

3.3 Triangle (รูปสามเหลี่ยม)

Triangle คือรูปแบบที่ราคาวิ่งในกรอบสามเหลี่ยม (เส้นแนวรับและแนวต้านบีบเข้าหากัน) โดยเฉพาะเวลาอยู่ในเทรนด์แล้วเกิดการชะลอตัว สามเหลี่ยมมี 3 ประเภทหลัก:

  • Ascending Triangle (สามเหลี่ยมขาขึ้น): แนวต้านด้านบนเป็นเส้นแนวนอน ส่วนแนวรับลาดชันขึ้นเรื่อย ๆ มักเกิดในแนวโน้มขาขึ้น เมื่อทะลุผ่านแนวต้านด้านบนไปได้ ก็มักไปต่อแรง
  • Descending Triangle (สามเหลี่ยมขาลง): แนวรับด้านล่างเป็นเส้นแนวนอน ส่วนแนวต้านลาดลง กดให้จุดสูงสุดแต่ละรอบต่ำลงเรื่อย ๆ หากราคาทะลุหลุดแนวรับ มักจะลงต่อ
  • Symmetrical Triangle (สามเหลี่ยมสมมาตร): เส้นบนและล่างเฉียงเข้าหากันในอัตราใกล้เคียงกัน แสดงถึงแรงซื้อแรงขายสมดุล แต่แคบลงเรื่อย ๆ หากท้ายที่สุดราคาทะลุขึ้นหรือทะลุลง (ตามแนวโน้มก่อนหน้านั้น) ก็ถือเป็นสัญญาณยืนยันการไปต่อของเทรนด์

รูปแบบสามเหลี่ยมในตลาดขาขึ้นจะมีแนวโน้ม “เบรกขึ้น” และในตลาดขาลงก็มีโอกาส “เบรกลง” อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากเบรกเอาท์และวอลุ่มเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นสัญญาณกลับตัว (Reversal) แทน

4. การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคในการยืนยัน

แม้รูปแบบต่อเนื่องจะบ่งบอกโอกาสที่ราคาจะไปต่อ แต่เพื่อให้มั่นใจในสัญญาณ (Confirmation) ควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัด (Indicator) และการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดโอกาสเจอสัญญาณหลอก ตัวอย่างอินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้มีดังนี้:

  • Volume: วอลุ่มมักลดลงช่วงราคาพักตัว และพุ่งขึ้นตอนที่ราคาทะลุกรอบ หากเบรกเอาท์พร้อมวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นมาก ถือเป็นสัญญาณที่แข็งแรงว่าราคาพร้อมไปต่อจริง ๆ
  • Moving Averages (MA): ใช้ดูทิศทางหลักของตลาด (เช่น SMA50, SMA200) หากราคาอยู่เหนือเส้นเฉลี่ยในเทรนด์ขาขึ้น หรืออยู่ใต้เส้นเฉลี่ยในเทรนด์ขาลง จะช่วยยืนยันว่าทิศทางใหญ่ยังไม่เปลี่ยน
  • RSI, MACD: ใช้ดูโมเมนตัมของราคา เช่น RSI ที่พักตัวลงมาใกล้เขต 50 แล้วเริ่มเด้งขึ้น หรือ MACD ที่เกิด Bullish Crossover ระหว่างพักตัว บ่งชี้ว่าแรงส่งยังเอื้อให้ราคาขยับต่อ
  • Bollinger Bands: ช่วงพักตัวมักทำให้ Bands ตีบเข้าหากัน หากราคาทะลุกรอบพร้อมหลุดออกจาก Bollinger Bands (บน/ล่าง) และ Bands ขยายออก ก็เป็นสัญญาณว่าเทรนด์พร้อมออกตัวอีกครั้ง
  • Fibonacci Retracement: ประเมินความลึกของการพักตัว (ไม่ควรย่อลึกเกิน 61.8% ของระยะแรก) และเมื่อทะลุจุดสูง/ต่ำเดิม ก็นำ Fibonacci Extension มาวัดเป้าหมายได้เช่นกัน

5. แนวทางการเทรด

หลังจากทำความเข้าใจรูปแบบต่อเนื่องและการใช้เครื่องมือยืนยันแล้ว ในการนำกลยุทธ์ Continuation Trading ไปใช้ให้ได้ผล ควรคำนึงถึงประสบการณ์และสไตล์การเทรดของตนเอง ซึ่งอาจแบ่งคำแนะนำเบื้องต้นออกเป็นสองกลุ่มคือ มือใหม่ และ มืออาชีพ ดังนี้:

5.1 คำแนะนำสำหรับมือใหม่

  • เริ่มจากการฝึกมองรูปแบบ: มือใหม่ควรเปิดกราฟย้อนหลัง ลองหาว่าไหนคือธง (Flag), Pennant, Triangle จดบันทึกเพื่อให้คุ้นชินและเห็นสัญญาณซ้ำ ๆ
  • เลือกไทม์เฟรมใหญ่ขึ้น: เช่น กราฟรายวัน (Daily) หรือ 4 ชั่วโมง (4H) เพราะความผันผวนจะน้อยกว่าไทม์เฟรมสั้นมาก สัญญาณจึงชัดเจนขึ้นและเจอ “หลอก” น้อยลง
  • รอการยืนยันชัดเจน: อย่าเพิ่งเข้าก่อนเบรกเอาท์ อาจเสี่ยงโดนราคาย่อต่อ ควรรอ “Breakout + Volume” ชัด ๆ แล้วค่อยตามเข้า
  • ตั้ง Stop-loss เสมอ: เพื่อจำกัดความเสี่ยง เช่น สำหรับ Bull Flag อาจวาง Stop-loss ใต้จุดต่ำสุดของกรอบธง หากราคาย่อลงมาเบรกโลว์เดิมอาจเป็นสัญญาณล้มเหลว
  • กำหนดเป้าหมายกำไร: อาจใช้ความยาวของเสาธง (Flagpole) เพิ่มจากจุดเบรก หรือใช้แนวต้านเดิม/ Fibonacci Extension เป็นตัวช่วย
  • ฝึกฝนในบัญชีทดลอง: หรือใช้เงินจำนวนน้อยก่อน เพื่อหัดจับจังหวะและซึมซับกลยุทธ์

5.2 คำแนะนำสำหรับมืออาชีพ

  • ยืดหยุ่นและปรับจุดเข้า: นักเทรดที่มีประสบการณ์อาจ “เข้าก่อน” เบรกเอาท์ หากมีสัญญาณบ่งบอกชัดว่าราคาจะไปต่อ พร้อมตั้ง Stop-loss ใกล้ๆ เพื่อควบคุมความเสี่ยง
  • ใช้เครื่องมือขั้นสูง: เช่น Volume Profile, Order Flow, Delta Indicators หรือระบบอัลกอริทึมสแกนรูปแบบ เพื่อหาโอกาสเทรดที่แม่นยำขึ้น
  • Multi-timeframe Analysis: ดูเทรนด์ใหญ่จากกราฟ Day/Week แล้วหาจังหวะ Breakout บนกราฟ 1H/4H เพื่อเข้า-ออกเร็ว หรือแบ่งไม้เข้า (Scale in) เมื่อมั่นใจมากขึ้น
  • Trailing Stop: ผู้เชี่ยวชาญมักเลื่อน Stop-loss ตามราคาที่วิ่งขึ้น เพื่อ “ปล่อยให้กำไรวิ่ง (Let the profit run)” โดยไม่ปิดออร์เดอร์เร็วเกินไป
  • กระจายพอร์ตและบริหารความเสี่ยง: แม้จะมั่นใจมาก ก็ไม่ควรเทรด Position ใหญ่เกินไปในสินทรัพย์เดียว ควรรักษา Money Management และ Risk/Reward Ratio ให้สมดุล

6. สรุป

Continuation Trading คือกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำกำไรตาม “แนวโน้มหลัก” ของราคา ด้วยความเชื่อว่าถ้าเทรนด์กำลังเดินหน้าดี โอกาสที่จะ “พักแล้วไปต่อ” ย่อมมีสูงกว่าการกลับตัวกะทันหัน โดยอาศัยการวิเคราะห์ รูปแบบต่อเนื่อง (เช่น Flag, Pennant, Triangle) ในช่วงพักตัว พร้อมเฝ้ารอดูสัญญาณ Breakout ที่มาคู่กับวอลุ่มหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อเข้าตลาดตามจังหวะเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นกลยุทธ์ที่มีโอกาสทำกำไรได้ดี เราก็ไม่อาจละเลยการจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เช่น ตั้ง Stop-loss ทุกครั้ง กำหนดขนาดออร์เดอร์ให้เหมาะสม และไม่ลืมว่าตลาดมีความไม่แน่นอนเสมอ ดังนั้น ควรเรียนรู้และฝึกฝนเทคนิคนี้บนบัญชีทดลอง หรือเทรดด้วยเงินจำนวนน้อยก่อน จนเกิดความเข้าใจจึงค่อยขยายการลงทุน เพื่อให้ Continuation Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ชั้นดี ที่สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว

© 2025 ใส่ชื่อผู้เขียนของคุณ. สงวนลิขสิทธิ์.
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุนโดยเฉพาะ

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ