รูปแบบประเภทของการจัดการความเสี่ยง

 รูปแบบประเภทของการจัดการความเสี่ยง

            สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากจะเริ่มต้นการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้นหรือค่าเงินก็ล้วนแล้วแต่เป็นการลงทุนด้วยกันทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนจะเริ่มลงทุนก็คือ การจัดการความเสี่ยงหรือการเตรียมความพร้อมในความเสี่ยงนั่นเอง  บางคนรู้แต่ว่าอยากจะลงทุน แต่จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรลงทุนในสินทรัพย์อะไร และลงทุนอย่างไร วันนี้แอดจะมาแนะนำให้กับมือใหม่หัดเทรดกัน

    ขั้นตอนแรก ท่านจะต้องตั้งเป้าหมายของการลงทุนก่อนว่าจะลงทุนไปเพื่ออะไร เช่น ลงทุนเพื่อนำเงินไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ เพื่อนำไปเรียนต่อ เพื่อซื้อบ้าน หรือเพื่อไว้ใช้ยามเกษียณ และต้องประเมินว่าเป้าหมายนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะจะสัมพันธ์กับการเลือกสินทรัพย์ที่ลงทุนว่าควรเลือกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในระดับใด

    ขั้นที่สอง จำนวนเงินที่ต้องการใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยต้องระบุจำนวนเงินที่ต้องการที่ชัดเจน เพื่อวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

    ขั้นที่สาม เวลาที่จะใช้เงิน จะได้ทราบระยะเวลาในการลงทุน เช่น ระยะสั้น 3-6 เดือน ระยะกลาง 1-5 ปี หรือระยะยาวคือมากกว่า 5 ปีขึ้นไป

    ขั้นตอนที่สี่ คือ พิจารณาเงื่อนไขในการลงทุนว่าต้องการลงทุนในสินทรัพย์แบบไหน จำนวนเงินต้นที่จะลงทุนเท่าไหร่ ผลตอบแทนแบบไหนและคาดหวังผลตอบแทนที่เท่าไหร่ หรือยอมรับการขาดทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์ 

    ขั้นตอนที่ 5 คือ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อันนี้สำคัญมาก แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่

- ระดับต่ำ (Conservative) คือ มุ่งเน้นการรักษาเงินต้น

- ระดับกลาง (Moderate) คือ รับความผันผวนได้ระดับหนึ่งเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น

- ระดับสูง (Aggressive) คือ รับความผันผวนได้มาก คาดหวังผลตอบแทนที่สูง และสามารถยอมรับการขาดทุนได้มาก

            เมื่ออ่านครบ 5 ขั้นตอนนี้แล้วนักลงทุนมือใหม่หัดเทรด ก็จะต้องเริ่มพิจารณาเลือกประเภทสินทรัพย์ที่จะลงทุน ซึ่งเหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้ และผลตอบแทนที่คาดหวังของท่าน โดยอาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ได้

            สุดท้ายคือแนวทางการจัดสรรพอร์ตการลงทุน ขอแนะนำให้เน้นหลักการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย เพื่อไม่ให้พอร์ตรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวจากการลงทุนเพียงสินทรัพย์อย่างเดียว  เช่น ซื้อหุ้นกู้เอกชน 40%  หุ้นไทยและกองทุนหุ้นไทย LTF 25% และหุ้นต่างประเทศ 10% เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และชนะเงินเฟ้อ แบบนี้ก็ได้ เป็นแนวทางเฉยๆนะ

            เมื่อท่านลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว ก็หมันติดตามผลของการลงทุน และทบทวนแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกรอบ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อประเมินว่าผลการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่ หรือควรจะปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร เพื่อให้ทันกับสถานการณ์การลงทุนในแต่ละช่วงเวลา

ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com

"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม  ใน Blockdit ของเรา

https://www.blockdit.com/posts/6184aa48b2500c04e6d07035


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ