ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงมากและเป็นหนึ่งในตลาดที่จัดได้ว่ามีความเสี่ยงสูง ในเมื่อตลาดมีความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์ Forex ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ Risk Management (การบริหารความเสี่ยง) เป็นพิเศษและเทรดเดอร์ Forex ควรให้ความสำคัญของ Money Manager หรือ Money Management ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการบริหารความเสี่ยงคือตัวที่กำหนดว่าคุณจะอยู่ในตลาดได้นานหรือไม่ ดังนั้นในบทความนี้ผมจะพาไปทำความรู้จัก Risk Management (การบริหารความเสี่ยง) คืออะไร? พร้อมความสำคัญของ Money Manager หรือ Money Management
Money Manager คืออะไร
Money Manager หรือที่ใครรู้จักในชื่อ Money Management คือ การจัดการบริหารเงินลงทุน ซึ่งการจัดการบริหารพอร์ตลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แยกคำว่าเทรดเดอร์ และ นักพนัน ออกจากกันจากกัน เรียกได้ว่าหากคุณอยากเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex แบบระยะยาว Money Management คือสิ่งที่เทรดเดอร์ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด
Money Management คือ การจัดการบริหารเงินลงทุน คือการวิเคราะห์ว่าคุณจะเปิดออร์เดอร์ได้สูงสุดกี่ Lot มีเป้าหมายในการทำกำไรเท่าไหร่ จะมีการ Stop Loss เท่าไหร่ หากเกิดการขาดทุนพอร์ตลงทุนจะเสียหายกี่เปอร์เซ็นต์ มีแผนการเปิดออร์เดอร์แบบไหน แบบไม้เดียวจบหรือแบบดับเบิลลอต และหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจะรับมืออย่างไร จะแก้พอร์ตอย่างไร ทั้งหมดนี้คือการบริหารจัดการพอร์ตลงทุน การทำทุกอย่างต้องมีแผนการ คำนวณความเสี่ยงไว้หมดแล้ว นี่คือคุณสมบัติของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex
สาเหตุที่ต้องมี Money Management
- อนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน การเตรียมแผนรองรับไว้ดีที่สุด
- เมื่อทำทุกอย่างตามแผน จะทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในแผน ทำให้คุณสามารถรับมือได้
- ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง การวางแผน Money Management ช่วยให้ความเสี่ยงอยู่ในกรอบที่คุณรับได้
Risk Management คืออะไร
Risk Management คือการจัดการบริหารความเสี่ยงจากการเทรด Forex อย่างที่เทรดเดอร์หลายคนทราบว่าตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น Risk Management หรือการจัดการบริหารความเสี่ยงจึงสำคัญมาก
3 วิธีการบริหารความเสี่ยง
1. Overtrade
Overtrade คือการเทรด Forex ด้วย Lot ที่มากกว่าปกติ มากจนเกินพอร์ตลงทุนจะรับไหว เนื่องจากว่าเทรดเดอร์อยากได้กำไรจากการเทรดแบบมหาศาลจึงตัดสินใจ
Overtrade แต่สุดท้าย สิ่งที่เขาหวังก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เนื่องจากกว่าการ Overtrade คือหายนะที่แท้จริงต่อพอร์ตลงทุนของคุณ ดังนั้นหากคุณไม่ Overtrade คุณจะสามารถลดความเสี่ยงได้มากเลยครับ
Overtrade แต่สุดท้าย สิ่งที่เขาหวังก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เนื่องจากกว่าการ Overtrade คือหายนะที่แท้จริงต่อพอร์ตลงทุนของคุณ ดังนั้นหากคุณไม่ Overtrade คุณจะสามารถลดความเสี่ยงได้มากเลยครับ
2. Stop Loss
Stop Loss หรือ การหยุดขาดทุน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่ล้างพอร์ตมีสาเหตุหลักๆจากการ Overtrade และนอกจากนั้นคือการ Stop Loss เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ
Stop Loss เพราะเสียดายไม่กล้าขาดทุน กลัวออร์เดอร์ที่ขาดทุนอยู่จะกลับมาเป็นกำไร นี่คือสาเหตุหลักๆที่เทรดเดอร์สส่วนใหญ่ไม่กล้า Stop Loss หรือ หยุดขาดทุน สุดท้ายออร์เดอร์ที่ขาดทุนก็ติดลบแล้วลากราคาไปจนพอร์ตลงทุนเหลือเงินเป็น 0 หรือล้างพอร์ตไปนั่นเอง
Stop Loss เพราะเสียดายไม่กล้าขาดทุน กลัวออร์เดอร์ที่ขาดทุนอยู่จะกลับมาเป็นกำไร นี่คือสาเหตุหลักๆที่เทรดเดอร์สส่วนใหญ่ไม่กล้า Stop Loss หรือ หยุดขาดทุน สุดท้ายออร์เดอร์ที่ขาดทุนก็ติดลบแล้วลากราคาไปจนพอร์ตลงทุนเหลือเงินเป็น 0 หรือล้างพอร์ตไปนั่นเอง
ดังนั้นการ Stop Loss หรือ การหยุดขาดทุน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่การลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนแล้ว ยังเป็นการตัดความเสี่ยงออกไปเลย ดั่งคำคมที่ว่า “ตัดไฟแต่ต้นลม” อย่าปล่อยให้ไฟลุกลามจนเกิดความเสียหายที่คุณรับไม่ไหว และอย่าให้ออร์เดอร์ที่ขาดทุนมาทำให้คุณต้องล้างพอร์ต ทั้งๆที่คุณสามารถหยุดมันได้
3. Take Profit
Take Profit หรือ การทำกำไร สำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงเช่นเดียวกัน เทรดเดอร์หลายคนอาจจะคิดว่าตรงนี้คือกำไร ไม่น่าจะเกี่ยวกับความเสี่ยง ซึ่งจริงๆแล้วเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงโดยตรงเลยก็ว่าได้ Take Profit หรือ การทำกำไร ไม่ได้หมายความว่าการทำกำไรเมื่อราคาไปตามเป้าหมายเพียงเท่านั้น
Take Profit หรือ การทำกำไรในที่นี้ยังรวมไปถึงการปกป้องกำไรอีกด้วย ยกตัวอย่างเหตุการณ์เช่น คุณเปิดออร์เดอร์มา ราคาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ออร์เดอร์นี้เป็นกำไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน ออร์เดอร์ที่เป็นกำไร เริ่มมีกำไรลดลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนออร์เดอร์นั้นกลายเป็นลบๆ และเป็นลบมาเรื่อยๆ จนทำให้คุณต้องตัดสินใจ Stop Loss หรือไม่มี Stop Loss จนกลายเป็นว่าออร์เดอร์ที่เป็นบวกในตอนแรกนั้น กลับมาเป็นลบจนอาจจะลากเงินลงทุนของคุณไปจนล้างพอร์ต เห็นไหมว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้คุณขาดทุนเพียงอย่างเดียว แต่การขาดทุนนี้อาจจะส่งผลต่อจิตใจของเทรดเดอร์ด้วยอาจจะทำให้มีความมั่นใจลดลง และอาจจะส่งผลต่อการเทรดครั้งต่อไปของคุณด้วย
ดังนั้นการที่เทรดเดอร์มีการปกป้องกำไร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นการปกป้องกำไรของเทรดเดอร์แล้ว ยังเป็นการปกป้องจิตใจของเทรดเดอร์อีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น