บทความ

  สหรัฐอเมริกาประกอบด้วย 50 รัฐ ปกครองโดยรัฐบาลกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในอเมริกาเหนือ และมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก และนับตั้งแต่เป็นอิสระจากสหราชอาณาจักร เมื่อ 4 กรกฎาคม 1776, อเมริกาก็ได้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก จาการที่มีเศรษฐกิจที่ ใหญ่ที่สุดในโลก อเมริกาจึงมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในตลาดโลก แค่เรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจใดๆในอเมริกา เช่น ประชากรมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือ การทำงานของประธานาธิบดีที่มีต่อประชาชน ก็สามารถสร้างปลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจทั่วโลก สหรัฐอเมริกา : ข้อเท็จจริง ตัวเลข และคุณลักษณะ เพื่อนบ้าน : แคนาดา, เม็กซิโก, เปอร์โตริโก้, คิวบา ขนาด : 3,794,101 ตารางไมล์ จำนวนประชากร : 309,349,689 คน ความหนาแน่นของประชากร : 87.4 คน ต่อ ตารางไมล์ เมืองหลวง : วอชิงตัน ดีซี ( Washington D.C.) ผู้นำรัฐบาล : ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า สกุลเงิน : ดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar หรือ USD) สินค้านำเข้าหลัก : วัสดุเพื่อการอุตสาหกรรม( น้ำมันดิบ) สินค้าทุน (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์โทรคมนาคม,ชิ้นส่วนรถยนต์, เครื่องใช้สำนักงาน, เครื่องใช้
  Carry trade คืออะไร คุณทราบหรือไม่ว่า ยังมีวิธีการเทรดที่สามารถทำกำไรได้ แม้ว่าว่าช่วงเวลานั้นราคาจะไม่เคลื่อนที่เลยก็ตาม วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากของพวกบริษัทใหญ่ๆในโลกแห่งการเงิน Curry trade หมายถึง การที่กู้ยืมเงินหรือขายตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปซื้อตราสารทางการเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ในขณะที่คุณจ่ายดอกเบี้ยต่ำในตราสารทาง การเงินที่คุณกู้ยืมหรือขายมา แต่คุณได้ดอกเบี้ยที่มากกว่าในตราสารทางการเงินที่คุณได้ซื้อมา ดังนั้นผลกำไรของคุณก็คือผลต่างของกำไรนั่นเอง  พูดง่ายๆก็คือ “Curry trade คือ การทำการค้าโดยหวังผลต่างของดอกเบี้ย ระหว่างดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และดอกเบี้ยที่ได้รับ บวก-ลบออกมาเป็นผลกำไร นั่นเอง” ตัวอย่างเช่น คุณได้ทำการกู้ยืมเงินจากทางธนาคารมา $10,000 โดยคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ทางธนาคารในอัตรา 1% ต่อปี เมื่อได้เงินมาแล้วคุณก็นำเงินนั้นไป ซื้อพันธบัตร ที่จ่ายดอกเบี้ยให้คุณในอัตรา 5% ต่อปี ดังนั้น คุณก็จะเหลือผลกำไรจากผลต่างอัตราดอกเบี้ยนี้ 4% ต่อปี คุณอาจคิดว่า การทำกำไรแบบนี้มันไม่ตื่นเต้น เพราะไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ไม่เหมือนกับการทำกำไรโดย
  เคยสังเกตไหมครับว่าคนที่เป็นเทพ (จริงๆ) เราจะสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาอะไรบางอย่างในตัวเขา ผมยกตัวอย่างเช่น สมัยที่เรียนมหาลัย จะต้องมีอาจารย์ในคณะของคุณสักคนที่คุณรู้สึกว่า เขาคนนี้ละที่จะสามารถตอบคำถามเราได้ทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าบางทีเราจะคิดว่าเราเก่งแล้ว แต่เขาก็ยังเหนือกว่าเราอยู่ดี นักลงทุน หรือเทรดเดอร์ที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น ผมคิดว่าเขาน่าจะมีวิธีการ และ/หรือคุณสมบัติที่สำคัญ อย่างน้อย 3-4 อย่าง ดังที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ข้อที่ 1: ความรอบรู้  เขาจะต้องมีความรอบรู้ ความฉลาดหลักแหลม ความสามารถในการวิเคราะห์ และคาดการณ์พฤติกรรมของราคาต่างๆหลายอย่าง ความรอบรู้ของเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรที่วิเศษมากหรอกครับมันคือ ความขยัน ความหมกมุ่น ในเรื่องที่เขาอยากรู้เท่านั้นเอง คนทุกคนมีความสนใจในแต่ละเรื่องที่ต่างกันแต่ระดับความสนใจและหมกมุ่นนั้นจะ ต่างกันโดยสิ้นเชิงในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นมีทัศนคติอย่างไร คนที่เก่งมากๆในด้านนี้ มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นคนอัจฉริยะในด้านของการลงทุน หลายๆคนมักจะเป็นคนที่มี IQ ค่อนข้างสูง   ข้อที่ 2: ความขยัน  เขาจะต้
"Currency cross pair" หรือ "Cross- currency pair" หรือเรียกสั้นๆว่า "Cross" คือสกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง   ลองย้อนกลับไปดูเมื่อสมัยก่อน ถ้ามีคนต้องการที่จะเปลี่ยนสกุลเงิน ก่อนอื่นเขาต้องแปลงสกุลเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐก่อน แล้วจึงแปลงสกุลเงินที่เป็นดอลลาร์สหรัฐไปเป็นสกุลเงินที่เขาต้องการได้  ตัวอย่างเช่น ถ้ามีชายคนหนึ่งต้องการเปลี่ยนเงินปอนด์เป็นเยนของญี่ปุ่น เขาก็ต้องแปลงสกุลเงินปอนด์ของเขาเป็นดอลลาร์สหรัฐก่อนหลังจากนั้นจึงนำ ดอลลาร์มาเปลี่ยนเป็นเงินเยนได้ และเมื่อมีการนำ Currency cross มาใช้ ก็ทำให้บุคคลสามารถข้ามขั้นตอนการแปลงสกุลเงินของพวกเขาเป็นดอลลาร์สหรัฐ และสามารถแปลงสกุลเงินเป็นสกุลที่ตนต้องการได้โดยตรง  ตัวอย่างเช่น GBP/JPY, EUR/JPY, EUR/CHF และ EUR/GBP เป็นต้น การหาราคาซื้อขายของ Currency cross ในส่วนนี้อาจจะน่าเบื่อซักหน่อย แต่ถ้าคุณชอบตัวเลขก็ไม่ยาก และข่าวดีก็คือ จริงๆแล้วตรงส่วนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจมากมายอีกต่อไป ตั้งแต่มีเพลตฟอร์มจากโบรคเกอร์ที่ได้คำนวณอัตราของค่าเงินตรงข้ามที่เราเท รดกันอ
Multiple Time Frame Analysis  ก็คือการวิเคราะห์คู่เงินเดียว ราคาเดียวกันในหลาย Time Frame หรือในกรอบเวลาที่แตกต่างกันนั่นเอง อย่าลืมว่าแต่ละคู่เงินมีหลายกรอบเวลา อย่างกราฟรายวัน รายชั่วโมง 15 นาทีหรือแม้แต่ 1 นาที ซึ่งหมายความว่านักลงทุนอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันในการเทรดคู่เงินเดียว กัน และความเห็นของพวกเขาทั้งสองก็เป็นความเห็นที่ถูกต้องเหมือนกัน อย่างเช่น พรนภา อาจจะเห็นว่า EUR/USD นั้นอยู่ในแนวโน้มขาลงในกราฟ 4 ชั่วโมง แต่อัครเทพ นั้นเทรดในกราฟ 5 นาที และเห็นว่าราคายังวิ่งอยู่ในกรอบราคาขึ้นๆลงๆ  และความเห็นของพวกเขาทั้งสองต่างก็ถูกต้อง   และด้วยเหตุนี้เองที่สร้างปัญหาให้การ เทรดเกิดความสับสนในบางครั้ง เมื่อมองดูราคาที่กราฟ 4 ชั่วโมง เห็นว่ามีสัญญาณขายแล้วก็ไปดูที่ กราฟรายชั่วโมงแล้วเห็นว่าราคายังค่อยๆปรับตัวขึ้น  แล้วทีนี้จะทำอย่างไร ??  ให้ยึดกรอบเวลาใดกรอบเวลาหนึ่งเป็นหลัก ใช้สัญญาณจากกรอบเวลานั้นในการเทรดโดยไม่ต้องสนใจกรอบเวลาอื่นหรือว่าอย่าง ไร ??? ในบทความนี้เราจะพูดถึงว่าคุณควรโฟกัส ไปที่กรอบเวลาไหน เทรดเดอร์แต่ละคนควรเลือกเทรดในกรอบเวลาใดกรอบเวลาหนึ่งที่เหมาะ