นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องเจ็บตัวเพราะความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ นั่นคือสิ่งที่นักลงทุนที่ยิ่งใหญ่อย่าง "บับเฟตต์ และ โซรอส" ไม่เคยเล่าให้เราฟัง สิ่งเหล่านั้นมันคือความเชื่อผิดๆ ที่นำมาซึ่งความผิดพลาดที่จะทำให้เราล้มเหลวในการลงทุน หรือ ที่เรียกว่า "บาปมหันต์ 7 ประการในการลงทุน" การที่เราจะลบล้างความเชื่อผิดๆเหล่านั้นได้ก็คือ ต้องมาดูกันก่อนว่าอะไรกันแน่ที่ผิด แล้วเรามีความเชื่อแบบไหนกันบ้าง บาปมหันต์ข้อที่ 1 เชื่อว่า คุณต้องคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดได้ถูกต้อง จึงจะทำผลตอบแทนที่ดีได้ ความจริงในตลาดค้าสกุลเงิน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเค้าก็ไม่ได้คาดการณ์ตลาดแม่นยำเสมอไป แต่เค้ามีทักษะ มีกระบวนการคิดตัดสินใจและวินัยที่ดีในการลงทุนด้วย เพราะไม่ว่าคุณจะแน่แค่ไหน แต่การคาดการณ์ให้ถูกต้องทุกครั้งมันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก นักลงทุนควรรู้ตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อใดควรสู้ และเมื่อใดที่ควรถอย บาปมหันต์ข้อที่ 2 เชื่อ "กูรู" หลายคนเชื่อว่า ถ้าฉันพยากรณ์ตลาดไม่ได้ ก็ต้องมีคนอื่นที่ทำได้ สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ ห...
- Home
- About
- _Blockdit Our
- _Tradingview Our
- หมวดหมู่
- _ความรู้ทั่วไป
- _การวิเคราะห์พื้นฐาน
- _จิตวิทยาการเทรด
- _แนวคิดการเทรด
- _เทรด forex ยังไงให้ยั่งยืน
- _บุคคลที่ประสบความสำเร็จ
- _เศรษฐกิจโลก
- _Special Post
- _ไอเดียทำเงิน
- ทฤษฎี
- _รูปแบบแท่งเทียน
- _ElliottWave
- _Fibonacci
- _Fundamental
- _Harmonic
- _Price Action
- เครื่องมือ
- _ระบบเทรด
- _Expert Advisor
- _Indicators
- Crypto
- _Bitcoin
- _NFT
- _DeFi
Buscar este blog
บทความ
-
Author Trader Tan
คุณมีรูปแบบกราฟพื้นฐาน ในกล่องเครื่องมือ มาก พอสมควร ตอนนึ้ถึงเวลาที่จะเดินก้าวต่อไป และ หาเครื่องมือที่รุดหน้ากว่า เพื่อใช้ในการเทรด ในบทนี้ จะเน้นไปที่รูปแบบพฤติกรรมราคาแบบ ฮาร์โมนิค ซึ่งอาจจะยากในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อจับแนวทางถูก มันก็จะทำให้ คุณได้กำไร อย่างง่ายดาย ได้เหมือนกัน ! รูปแบบ ABCD และ รูปแบบ Three-Drive. สิ่งที่ต้องทำคือ รอให้รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นเสร็จแล้ว (ให้ถึงจุด D) ก่อนที่จะส่งออร์เดอร์ Buy หรือ Sell - เวลาที่ทำให้ราคา เคลื่อนไปจากจุด A ถึงจุด B ควรจะเท่ากับเวลาที่มันเคลื่อนจากจุด C ถึงจุด D แต่ก่อนอื่น เราควรตรวจดูว่า ตรงตามกฏเหล่านี้หรือไม่: - เวลาที่ไปจนถึงจุดสิ้นสุด ของ Drive 2 ควรจะเท่ากับ เวลาที่จบ Drive 3 - เวลาที่ไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นแนวรับ A ควรจะเท่ากับ จุดแนวรับ B รูปแบบ Gartley และ รูปแบบสัตว์ต่าง ๆ รูปแบบนี้อาจจะยากซักหน่อย เพราะมันทำให้คุณสับสันเมื่อคุณใส่ เครื่องมือ Fibonacci ลงไป กุญแจสำคัญ ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความสับสน คือให้ทำทีละอย่าง แล้วค่อย ๆ วิเคราะห์ทีละขั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รูปแบบต่อไปนี้จะเกิดขึ้...
-
Author Trader Tan
STOCHASTIC STOCHASTICS คือ ดัชนีวัดการแกว่งตัวของราคาที่ศึกษาความสัมพันธ์ การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่งๆ กับราคาปิด โดยมาจากข้อสังเกตที่ว่า ถ้าการสูงขึ้นของราคานั้นมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อไป ราคาปิดของหุ้นนั้นจะอยู่ใกล้กับราคาสูงสุด แต่ถ้าราคาของมีแนวโน้มลดต่ำลง ราคาปิดจะอยู่ในระดับเดียวกับราคาต่ำสุดของวัน ความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาสูงสุด-ต่ำสุดกับราคาปิด ได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นสูตรสมการในการดูแนวโน้มขึ้น หรือลงของราคาหุ้นในช่วงสั้น ๆ โดยนำมาใช้ดูว่า ราคาปิดอยู่ที่ระดับกี่เปอร์เซ็นต์ของช่วงราคาที่ซื้อขายในช่วงระยะเวลา หนึ่ง หลักการเบื้องต้นในการคำนวณ STOCHASTICS เส้น %K เป็นเส้น STOCHASTICS เส้น %D เป็นเส้นค่าเฉลี่ยของเส้น %K %K = ราคาปิด (วันนี้) - ราคาต่ำสุด (ในช่วง n วัน) ...
-
Author Trader Tan
นักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่ที่จะใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำกำไรในตลาดหุ้น มักจะเริ่มศึกษาศาสตร์ของ Technical Analysis อย่างจริงจังซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีอาจจะมากเกินไป เพราะ คุณรู้หรือไม่ว่าการเทรดเพื่อทำกำไรในระยะยาวนั้น แค่เพ ียงการศึกษา Technical Analysis เช่น การตัดขึ้น-ตัดลง หรือการลากเส้นยุ่ง ๆ เต็มจอนั้นมันยังไม่พอ!! ถ้าอย่างนั้นยังมีอีกแง่มุมไหนบ้างที่คุณจำเป็นต้องรู้ หากต้องการเอาตัวรอดเพื่อทำกำไรจากตลาดหุ้นแห่งนี้ บทความ "จะเล่นหุ้นให้ได้กำไรแค่ Technical Analysis คงยังไม่พอ!!" จะมาไขความลับให้กับทุกท่านกันครับ เข้าใจหลักการหรือทฤษฎีของ Technical Analysis กันก่อน หลักการของ Technical Analysis หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า TA นั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ได้แก่ 1. ราคาเป็นผลรวมของทุกปัจจัยในหุ้นตัวนั้น (Price Discount Everything) 2. พฤติกรรมราคาจะซ้ำรอยเดิม (History Repeat itself) 3. ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างมีแบบแผนและมีแนวโน้ม (Market have Structure) ซึ่งเจ้าหลักการทั้ง 3 ข้อนี้มาจาก ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ทั้งสิ้น และยังถูกใช้เป็นแกนหลักในการสร้...