จะเล่นหุ้นให้ได้กำไรแค่ Technical Analysis คงยังไม่พอ!!

นักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่ที่จะใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำกำไรในตลาดหุ้น มักจะเริ่มศึกษาศาสตร์ของ Technical Analysis อย่างจริงจังซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีอาจจะมากเกินไป 

เพราะ คุณรู้หรือไม่ว่าการเทรดเพื่อทำกำไรในระยะยาวนั้น แค่เพียงการศึกษา Technical Analysis เช่น การตัดขึ้น-ตัดลง หรือการลากเส้นยุ่ง ๆ เต็มจอนั้นมันยังไม่พอ!! 


ถ้าอย่างนั้นยังมีอีกแง่มุมไหนบ้างที่คุณจำเป็นต้องรู้ หากต้องการเอาตัวรอดเพื่อทำกำไรจากตลาดหุ้นแห่งนี้ บทความ "จะเล่นหุ้นให้ได้กำไรแค่ Technical Analysis คงยังไม่พอ!!" จะมาไขความลับให้กับทุกท่านกันครับ

เข้าใจหลักการหรือทฤษฎีของ Technical Analysis กันก่อน 


หลักการของ Technical Analysis หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า TA นั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ได้แก่

1. ราคาเป็นผลรวมของทุกปัจจัยในหุ้นตัวนั้น (Price Discount Everything)
2. พฤติกรรมราคาจะซ้ำรอยเดิม (History Repeat itself)
3. ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างมีแบบแผนและมีแนวโน้ม (Market have Structure)

ซึ่งเจ้าหลักการทั้ง 3 ข้อนี้มาจาก ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ทั้งสิ้น และยังถูกใช้เป็นแกนหลักในการสร้างวิธีการลงทุนหรือวิธีการเทรดในเชิงเทคนิคที่เราใช้กันทุกวันนี้ด้วย 

และเมื่อนักลงทุนศึกษาในศาสตร์ของ TA นี้จะพบสิ่งที่น่าปวดหัวอย่างหนึ่ง คือ มันมีวิธีการวิเคราะห์พฤติกรรมราคา (Price Behavior) อยู่มากมาย เช่น ใช้ดัชนีบ่งชี้ (indicator), ใช้รูปแบบราคา (Price Pattern), ใช้พฤติกรรมของแท่งเทียน (Price Action) หรือแม้แต่การนับคลื่นต่าง ๆ (Elliot Wave, Harmonic, Gann, etc.) อีกมากมาย ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของคำว่า"การวิเคราะห์ทางเทคนิค" ทั้งสิ้น 

บอกได้เลยครับว่า ถ้าคุณมัวแต่ศึกษาศาสตร์ของ TA ทั้งหมดนั้นคุณจะไม่มีทางเอาตัวรอดและทำกำไรอย่างยั่งยืนในตลาดหุ้นแห่งนี้ได้!!

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความสำเร็จในการเทรดระยะยาว



คุณต้องเข้าใจก่อนว่า "ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการเทรดระยะยาว" มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ หรือ จะพูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคิดจะเทรดให้สำเร็จต้องมี 3 ปัจจัยนี้ ได้แก่

1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ วิธีการเทรด (Technical Analysis หรือ Methodologies) มีน้ำหนัก 10%
2. การบริหารหน้าตัก (Money Management) มีน้ำหนัก 30%
3. การควบคุมจิตใจ (Mindset Management) มีน้ำหนัก 60%

แต่เดี๋ยวก่อนผมว่าเทรดเดอร์หลาย ๆ ท่านคงเห็นเจ้ากราฟวงกลมนี้กันมามากแล้ว ถ้าบอกกันแค่นี้ก็เสียเวลาอ่านแย่ 


บทความนี้ผมจะพูดให้ลึกขึ้นไปกว่านั้นว่า "การที่คุณมานั่งศึกษาแต่การวิเคราะห์ทางเทคนิค" นั้น ไม่สามารถทำให้คุณทำกำไรได้ในระยะยาวได้ สิ่งที่คุณต้องรู้จึงต้องมีมากกว่านั้น และ สิ่งต่อไปนี่ครับ คือ สิ่งที่คุณต้องรู้


6 สิ่งที่คุณต้องรู้หากคิดจะเอาตัวรอดและทำกำไรในตลาดหุ้น


1. ตลาด (Market) หมายถึง คุณกำลังเทรดอยู่ในตลาดไหน (What market to trade) สิ่งที่คุณต้องรู้ เข่น เวลาทำการของตลาด เงื่อนไขการเทรดของตลาดนั้น ๆ สินค้าที่อยู่ในตลาดนั้น ๆ เป็นต้น

2. จำนวนที่จะซื้อ (Position Sizing) หมายถึง จำนวนหุ้นที่คุณจะซื้อ (How much to buy or sell) เทรดเดอร์มืออาชีพนั้นจะไม่ซื้อหุ้นหมดหน้าตัก แต่จะมีการบริหารความเสี่ยงจากจำนวนหุ้นที่ซื้อ ซึ่งหลักการของการบริหารหน้าตักนี้สามารถนำมาใช้ในการเร่งกำไรให้เติบโตอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย

3. จุดเข้าซื้อ (Entries) หมายถึง จุดที่คุณใช้เข้าซื้อ (When to buy/Entries Decision) เจ้า Technical Analysis ที่ผมกล่าวถึงไว้ในตอนแรกจะเอามาใช้ในส่วนนี้นี่แหละครับ เห็นไหมครับว่า การออกแบบกลยุทธ์การเทรดที่สมบูรณ์นั้นไม่ได้อาศัยแค่เพียง การวิเคราะห์ทางเทคนิคเท่านั้น ดังนั้นคิดให้ดีก่อนนะครับ หากคิดจะทุ่มเทเวลาไปศึกษาศาสตร์นี้ให้ครบทุกแขนง!! 

4. จุดตัดขาดทุน (Stops) หมายถึง จุดที่คุณใช้ตัดขาดทุน เวลาที่การตัดสินใจซื้อหุ้นในครั้งนั้นผิดพลาด (When to get out of losing position) เทรดเดอร์มืออาชีพระดับโลกล้วนแล้วแต่มีจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) กันทั้งนั้นครับ เพราะ เมื่อคุณแพ้คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกมาจากตลาดก่อน บอกได้เลยครับว่า เป็นอะไรที่ยากมาก ๆ ที่คุณจะสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว หากคุณไม่มีการตัดขาดทุนเมื่อผิดทาง และที่สำคัญ จุดตัดขาดทุนนั้น ต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนซื้อเสมอ ย้ำนะครับ วางไว้ก่อนซื้อเสมอ ไม่ใช่ซื้อแล้วค่อยมาวางจุดตัดขาดทุน ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ผิดพลาดมาก

5.จุดขายทำกำไร (Exits) หมายถึง จุดที่คุณจะขายออกมาเพื่อทำกำไรเมื่อคุณคิดถูก (When you get out of a winning position) รู้หรือไม่ครับว่า การออกนั้นก็ต้องมีกลยุทธ์ด้วย ซึ่งทุกท่านจะสังเกตได้เลยครับว่า หนังสือตามท้องตลาด หรือ คอร์สหุ้นมากมายนั้น จะสอนแต่ Technical Analysis แต่ไม่ได้สอนเทคนิคการออกให้ ผมบอกได้เลยครับว่า กำไรส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในพอร์ตนั้นมาจากการมีกลยุทธ์ในการออก (หรือขายหุ้น) ทั้งสิ้่น เพราะ ฉะนั้นถ้าอยากจะกำไร เมื่อเข้าถูกแล้ว ก็ต้องออกให้ถูกด้วยนะครับ ไม่งั้นกำไรที่ได้มาคงไม่เหลือ เสียทั้งเงินแถมเสียทั้งเวลาอีกด้วย

6. เทคนิคการเทรด (Tactics) หมายถึง เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เทรดเดอร์แต่ละคนใช้เมื่อเกิดสัญญาณเข้าซื้อ เพื่อช่วยในการพิจารณาการเข้าซื้อหรือขายหุ้น (How to buy or sell) ซึ่งอาจจะสังเกตจากพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นในตลาดหรือราคาหุ้น หรือใช้แนวรับ-แนวต้านเป็นเกณฑ์ โดยเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นเทคนิคเฉพาะตัว แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับปัจจัยอื่น ๆ เช่นกัน

จากที่ผมกล่าวมาเห็นไหมครับว่า ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่คุณต้องศึกษาเพิ่มเติม นอกเหนือจากการศึกษา Technical Analysis ครับ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปใช้ในการศึกษาศาสตร์ของ TA นั้น ผมแนะนำว่าคุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ของตนเอง ซึ่งหากคุณต้องการจะมีกลยุทธ์การเทรดที่สมบูรณ์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำปัจจัยทั้ง 6 ข้อที่ผมกล่าวมานั้นมาเป็นตัวพิจารณาเพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดที่สามารถเอาตัวรอดและทำกำไรในระยะยาวของตนเองขึ้นมา 

เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเสียทั้งเงินและเสียทั้งเวลากว่าที่คุณจะหากลยุทธ์ดังกล่าวนั้นเจอ!!

สรุป

สำหรับบทความ "จะเล่นหุ้นให้ได้กำไรแค่ Technical Analysis คงยังไม่พอ!!" นั้นผมได้ตั้งใจเขียนมาให้กับนักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่หรือมือเก่าที่ยังหากลยุทธ์การเทรดที่ทำกำไรให้กับตนเองไม่ได้นั้น ได้มีแนวทางในการพัฒนาและค้นหากลยุทธ์การเทรดอย่างมีทิศทาง เพื่อลดระยะเวลาในการศึกษาลงและหันมามุ่งกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดมากขึ้น

หากสรุปแล้วบทความนี้มีกล่าวด้วยกันอยู่ 3 หัวข้อใหญ่ ๆ ได้แก่

  • เข้าใจหลักการหรือทฤษฎีของ Technical Analysis กันก่อน
  • ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความสำเร็จในการเทรดระยะยาว
  • 6 สิ่งที่คุณต้องรู้หากคิดจะเอาตัวรอดและทำกำไรในตลาดหุ้น

Credit:investmentory.com

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ