ในการเทรด Forex อินดิเคเตอร์ที่ช่วยบอกโมเมนตัมของราคา ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสองตัวที่คนพูดถึงบ่อยคือ RSI (Relative Strength Index) และ Stochastic Oscillator ทั้งสองมีความคล้ายกันในแง่ที่บอกถึงภาวะ Overbought และ Oversold แต่ในความจริงแล้ว แต่ละตัวก็มีวิธีการคำนวณ แนวคิด และการใช้งานที่แตกต่างกัน
📌 จุดเด่นของ RSI
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย Wilder มีหน้าที่วัดความแข็งแรงของแนวโน้ม โดยคำนวณจากอัตราส่วนของวันที่ราคาปิดเป็นบวกกับวันที่ราคาปิดเป็นลบ แล้วเปลี่ยนเป็นค่าเปอร์เซ็นต์อยู่ในช่วง 0 ถึง 100
ค่าที่นักเทรดมักใช้อ้างอิงคือ:
-
RSI มากกว่า 70 = ราคาน่าจะอยู่ในเขต Overbought (ซื้อมากเกินไป อาจถึงเวลาย่อตัว)
-
RSI น้อยกว่า 30 = อยู่ในเขต Oversold (ขายมากเกินไป อาจถึงเวลาดีดกลับ)
RSI มักใช้งานได้ดีในตลาดที่มี “แนวโน้มชัดเจน” เพราะมันช่วยบอกได้ว่าเทรนด์ยังแข็งแรงอยู่หรือกำลังจะหมดแรง
📌 จุดเด่นของ Stochastic
Stochastic Oscillator พัฒนาโดย George Lane ใช้หลักการเปรียบเทียบราคาปิดล่าสุดกับช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 14 วัน) แล้วคำนวณออกมาเป็นค่าเปอร์เซ็นต์เช่นกัน อยู่ในช่วง 0–100
ในอินดิเคเตอร์จะมีเส้น 2 เส้นคือ:
-
%K (เส้นหลัก)
-
%D (เส้นเฉลี่ยของ %K)
สัญญาณซื้อ-ขายของ Stochastic เกิดขึ้นเมื่อเส้น %K และ %D ตัดกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขต Overbought (เหนือ 80) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 20)
Stochastic เหมาะกับตลาดที่ “แกว่งในกรอบ” หรือไม่มีแนวโน้มชัดเจน เพราะมันสามารถจับจังหวะกลับตัวระยะสั้นได้ดี
🆚 เปรียบเทียบการใช้งาน
ถ้าพูดง่าย ๆ — RSI เหมาะกับการดูความแข็งแรงของแนวโน้ม, ในขณะที่ Stochastic เหมาะกับการจับจังหวะกลับตัวในช่วงที่ตลาดแกว่ง
-
RSI ช่วยให้เราเห็นว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นแรงแค่ไหน หาก RSI สูงเกิน 70 แต่ราคายังวิ่งขึ้นต่อได้ นั่นอาจหมายถึงแนวโน้มยังแข็งแรงอยู่
-
Stochastic เน้นไปที่การบอกว่า “ราคาปิดล่าสุดอยู่ตรงไหนในช่วงราคาย้อนหลัง” จึงตอบสนองไวกว่า RSI และมักจะให้สัญญาณเร็วกว่า
อีกจุดหนึ่งที่ต่างคือ สัญญาณการเข้าเทรด
-
RSI ใช้จุด Overbought/Oversold ร่วมกับแนวโน้มเพื่อหาจังหวะกลับตัว
-
ส่วน Stochastic ใช้การ "ตัดกันของเส้น %K และ %D" เป็นจุดเข้าออกหลัก
🎯 แล้วควรเลือกใช้ตัวไหนดี?
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับ “สไตล์การเทรด” และ “สภาพตลาด”
-
ถ้าตลาดเป็นเทรนด์ชัดเจน RSI มักให้ผลแม่นยำกว่า
-
ถ้าตลาด Sideway หรือแกว่งในกรอบ Stochastic จะตอบสนองได้ดีกว่า
หลายคนเลือกที่จะใช้ ทั้งสองตัวร่วมกัน เพื่อช่วยกรองสัญญาณให้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น หาก RSI เข้าสู่โซน Overbought แล้ว Stochastic ก็ให้สัญญาณขายด้วย แสดงว่าโอกาสกลับตัวมีสูงมากขึ้น
✅ สรุป
RSI กับ Stochastic ต่างก็เป็นเครื่องมือที่มีจุดแข็งของตัวเอง ไม่มีตัวไหน “ดีกว่า” อย่างเด็ดขาด อยู่ที่ว่าเราใช้ ถูกที่ถูกเวลา หรือไม่ หากเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง และผสมผสานกับเครื่องมืออื่น เช่นแนวรับแนวต้านหรือแท่งเทียน จะยิ่งช่วยให้การตัดสินใจในการเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍📊
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น