บทความ

Forex กับ กฎหมายไทยหลายท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า Forex ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) ซึ่งตลาดตรงนี้ใหญ่มาก และถือเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนที่แท้จริง (ระดับสูงกว่าการเล่นหุ้น) แต่ทำไมไม่ทราบ ประเทศไทยกลับกลายเป็นว่าการลงทุนในด้าน Forex ผิดกฎหมาย ? ถือมีความจำเป็นยิ่งในประเทศไทย มีผู้ที่ให้บริการและที่ใช้บริการได้แบบไม่ผิดกฎหมายอยู่ ก็คือ พวกสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ นั่นเอง ทำไมถึงจำกัดวงแคบ แค่นี้ ? ทั้งๆ ที่หากคุณศึกษาดูจะเห็นว่า ธนาคารต่างๆ ได้กำไรจาก Forex มากมายจริงๆ แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดา ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ? นายแบงก์ระดับสูงบางคน Trade Forex เพื่อธนาคารของตนเองอย่างถูกกฎหมาย แม้กระทั่งผู้ว่าการธนาคารบางคน ยังเป็นประธานชมรม Forex แห่งประเทศไทยได้เลย (อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ใครจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะมีผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ ทางตรง เค้าได้ Trade เองด้วยหรือไม่ ? Forex อนุญาตให้แค่คนกลุ่มเล็กๆ ในไทยเท่านั้นที่ทำได้ ! จริงๆ แล้วทำเสียอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ได้มีพวกกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ทำการเปิดบริษัท Forex บังหน้า แต่ว่าทางการเงินจริงๆ แล้ว ไ
บทนี้มาดูการตั้ง SL - TP กัน sl คือจุดตัดขาดทุน tp คือ จุดปิดเก็บกำไร ตามภาพครับ คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ 1. ใส่ตัวเลขราคาที่ต้องการตัดขาดทุน ลงในช่อง Stop Loss  2. ใส่ตัวเลขราคาที่ต้องการปิดทำกำไร ลงในช่อง Take Profit ระยะห่างส่วนต่าง ก็นับจากราคาที่เข้าเทรดอ่ะครับ ลองทำดูบ่อยๆ จะเข้าใจเองครับ
เป็นสัจธรรมของทุกอย่างในโลกนี้นะครับ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนว่าด้วยเรื่องโลกธรรม 8 ประการ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ สรรเสริญ นินทา ทุกอย่างในโลกมีของคู่กัน ตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อมีตลาดขาขึ้น ก็ย่อมมีตลาดขาลง เช่นกัน กว่าหลายร้อยปีมาแล้ว ที่นักลงทุนในตลาดพยายามหาสัญญาณ และหาเหตุผลต่างๆเพื่อนตรวจสอบและตรวจจับสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลง เป็นขาขึ้น และหนึ่งในเครื่องมือ ซึ่งเหมือนเป็นลายแทงในการดูการเปลี่ยนเทรน ก็คือ การดูรูปแบบของการเคลื่อนไหวของราคา (Pattern) บทความนี้ขอพูดถึงเหตุการปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นกรณีศึกษา เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทยในรอบที่ผ่านมา ไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,649 จุด แล้วเกิดแรงเทกระจาดลงมา จนมายืนตรง 1,400 จุด ณ ปัจจุบัน (วันที่ผมเขียนคือ 22 มิ.ย. 56) ไม่ว่าหุ้นในตลาดไหนจะดีขนาดไหน การปรับฐานย่อยเล็กๆน้อยๆ จะเกิดขึ้นตลอดทาง และเพื่อให้มีแรงขยับขึ้นไปได้รุนแรง ก็ต้องมีการปรับฐานรุนแรง เพื่อเขย่าเอานักลงทุนที่วิ่งเข้ามาหวังเพียงแค่เก็
เป็นที่ยอมรับกันว่า นักลงทุนในโลกนี้ ได้แตกแขนงสายการวิเคราะห์ออกเป็นสองสายหลัก นั้นคือ สายวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และสายนักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) และเราก็ได้เห็นนักลงทุนสุดโต่งทั้งสองข้างที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในแนวของตัวเอง รวมถึงผู้ที่ใช้ประโยชน์จากแนวทางทั้งสองวิธีมาปฏิบัติร่วมกัน และสร้างผลตอบได้ดีไม่แพ้การเลือกวิเคราะห์แต่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง อีกฟาก ผมกลับเห็นคนที่พยายามปกป้องแนวคิดการลงทุนของตัวเอง แข่งกันจะเป็นจะตาย สุดท้ายกลายเป็นสร้างศัตรูขึ้นมา ด้วยเหตุผลที่ทำไมนักการเมืองทั้งโลกทะเลาะกัน นั้นก็คือ “ทิฐิ” ที่กินไม่ได้ และไม่ได้เท่ห์ เหมือนโฆษณา ทรอส โรลออน เมื่อ 20 กว่าปีก่อน (อ้าว รู้อายุเลย – -”) ใครจะเถียง ก็ให้เขาเถียงกันไปนะครับ ผมไม่ขอร่วมวงด้วย เปลืองพลังงานเปล่าๆ เอาเป็นว่า แนวคิดของคนที่คิดไม่ตรงกับเรา มันไม่ใช่ความผิดเขา อย่าไปอินมาก ลำพังพอร์ตการลงทุนของเรา เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่า ปัจจุบันนี้ มีนักลงทุนสาย Hybrid คือ การผสมผสานแนวคิดระหว่าง Fundamental Analysis และ Technical Analysis อยู่พอสมควร หนึ่งในนั้น เขาเ
คำว่า ประสบการณ์ มันเกิดจากกระบวนการคิดและวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เราประสบพบเห็นมา แล้วพยายามตอบสนองมันในทิศทางที่เราเชื่อว่าจะเป็นผลดีกับเรายิ่งขึ้น หากเจอกับเหตุการณ์ประเภทนั้น หรือคล้ายคลึงกันอีกครั้ง แต่หากเราเอาแต่พยายามเรียนรู้ปัจจัยภายนอก ตามอัพเดทข่าวสาร อยู่เรื่อยๆ โดยที่ไม่เรียนรู้สิ่งที่สำคัญกว่า ต้องระวังจะเสียเวลาไม่คืบหน้าใดๆในการลงทุนนะครับ ในช่วง แรกๆ ผมเสียเวลากับการนั่งหาสูตรสำเร็จของการลงทุน และต่อมาค้นพบว่า ไม่มีสูตรสำเร็จใดๆเลยหากคุณประสบความสำเร็จจากการลงทุน สาเหตุเกิดจาก ตลาดทุน ตลาดหุ้น ก็ล้วนอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา มันแปรปรวนไปเรื่อยตามเหตุและปัจจัย อยากที่จะคาดการณ์และเดาทิศทางได้ และที่น่าตลกคือ มันทำให้เราเป็นทุกข์ โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ตลาดทุน ตลาดหุ้น ก็เป็นแหล่งสร้างผลตอบแทน เพื่อความมั่นคงในชีวิตบั้นปลายของเรา มันจึงเชื้อเชิญและยั่วยวนเหลือเกินสำหรับนักแสวงหาโอกาสที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน โดยที่หวังว่า เมื่อมีเงินมากขึ้น ความสุขก็น่าจะตามมา แต่ โรเบิร์ต คิโยซากิ เคยกล่าวไว้ในหนังสือเบสเซลเลอร์ของเขาที่ชื่อ Ri
โพยข้อสอบ  มีค่ามากที่สุดก็ตอนที่เรายังไม่รู้ว่าข้อสอบจะออกอะไร และมันจะดูมีความน่าเชื่อถือมากหากคนที่นำโพยข้อสอบมาให้เราดู เขาเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เปรียบได้กับตลาดหุ้น ปัจจุบันนี้เกินกว่าครึ่งของนักลงทุนรายย่อยในตลาด ไม่ได้อยากอ่านหนังสือเพื่อจะสอบให้ผ่าน แต่พยายามหาคนนำโพยที่มีความน่าเชื่อถือ และท่องโพยนั้นเข้าไปสอบอีกที วิธีการนี้ได้ผลหรือเปล่า? นั้นเป็นคำถามที่ผมก็ถามตัวเอง และโยนให้นักลงทุนได้คิดมาตลอด แต่ก็รู้นะครับว่ามันก็คงจะเหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า “สอนให้คนตกปลา ดีกว่าจับปลาไปให้เขากิน” ถ้ามีใครจับปลาให้เรา เราก็แค่รอดไปอีกหนึ่งมื้อ แต่ถ้าเราได้วิชาจับปลา อย่างน้อยก็การันตีได้แน่ๆว่า คงได้กินมากกว่า 1 มื้อแน่นอน แต่ถ้าคิดไปลึกกว่านี้อีกนิด หากอาจารย์สอนศิษย์ทุกคนให้จับปลากันเป็นหมดทั้งหมู่บ้าน ซักวันหนึ่งปลาก็คงจับได้ยากขึ้น เพราะคนตกปลามีจำนวนเพิ่มขึ้น (Demand เพิ่มขึ้นรวดเร็ว ในขณะที่ Supply มีแนวโน้มลดลงรวดเร็ว) นั้นเป็นสาเหตุที่อาจารย์เลือกศิษย์ที่ตัวเองไว้ใจ นั้นเป็นสาเหตุที่คนทำกำไรจากตลาดหุ้นได้มากมายถึงไม่ยอมบอกเราง่ายๆว่าลงทุนยังไง ไม่อย่างนั้น Abnormal Return
ก่อนลงสนามก็คือ  มันไม่มีสูตรสำเร็จ 100%  การลงทุนมันต่างจากหนังสือตำราเรียน และการทำงานในองค์กรอยู่หลายประเด็น สำหรับนักศึกษา พอได้เรียนวิชา Finance ซัก 2-3 ตัว ก็มักจะอยากลองของจริง และพยายามเอาความรู้ที่ตัวเองได้มาใช้ในสนามนั้น สำหรับพนักงานกินเงินเดือน ด้วยงานประจำ(บางคน) เป็นงานที่มีกระบวนการทำงานชัดเจน มีขั้นมีตอน ชี้ถูกได้ ชี้ผิดได้ ทำอย่างนี้อยู่ซ้ำไปซ้ำมาทุกวันๆ ก็พลันนึกไปว่า เรื่องอื่นๆในชีวิตมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่เปล่าเลยครับ ชีวิตจริง มันยิง่กว่าในนิยายซะอีก สิ่งหนึ่งที่ตำรา และกูรูที่ประสบความสำเร็จในวงการมักบอกเราๆท่านๆอยู่เสมอก็คือ “การลงทุนระยะยาว เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง และสบายกว่าการลงทุนในระยะสั้น” และคำถามที่เจอบ่อยเหลือเกินก็คือ  “ไหนบอกว่าถือยาวแล้วจะได้กำไรไง ไม่เห็นจริง”  ลองพูดมาแบบนี้ รู้ทันทีว่า พอร์ตขาดทุนอยู่ชัวร์!! ก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว งั้นเราลองสำรวจตัวเองกันหน่อยว่า ถือยาวแล้วไม่กำไรเพราะอะไร? 1. ถือยาว แต่ถือผิดตัว – กรณีนี้ เกิดจากการทำการบ้านมาไม่มากพอ หรือใช้วิธีซื้อตามผีบอก โดยขาดความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่
คนส่วนใหญ่คิดและมองความสำเร็จในชีวิตด้วยจำนวนเงินในกระเป๋า ซึ่งนั้นก็ไม่ผิดครับ เพราะคำว่ารวย มันคือการมีเงินมาก แต่พอสภาพแวดล้อมรอบข้างมันเป็นแบบนี้มากๆเข้า พอเราอยากประสบความสำเร็จ เราก็พุ่งเป้าไปที่ภาพที่เราวาดไว้ว่าคนรวยต้องมีเงิน ดังนั้น ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินมา ซึ่งมันก็มีคนที่ไปถึงจุดนั้นได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เป็นปกติ คนที่ทำไม่ได้ ก็มีข้อโต้แย้ง และข้อแก้ต่างมากมายต่างกันไป ขอยกตัวอย่างข้อแก้ต่างบางข้อนะครับ 1. คนเราเกิดมามีต้นทุนไม่เท่ากันนิ ขอแย้งกลับด้วยการเล่าเรื่องนี้ครับ มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ครอบครัวอพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่มีเงินไทยติดมาซักแดง ครั้งแรกที่เริ่มทำงาน เขาไปทำงานที่ร้านเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อตอนอายุได้ 19 ปี โดยทำงานในตำแหน่งแคชเชียร์ หลังจากนั้นก็ย้ายไปทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และบริษัทสหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด (ตามลำดับ) จนเมื่ออายุ 25 ปี ได้กลับมาทำงานอีกครั้งที่เจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันแกก็ยังทำงานที่นี่ครับ แต่ในฐานะ “เจ้าของ” ชายคนนี้ ชื่อว่า  ธนินท์ เจียรวนนท์  ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐฐีอันดับต้นๆของประเทศไทย จะเห็นว่
Emerging Market คืออะไร?  คงต้องปูพื้นเริ่มจากคำถามนี้ก่อน Emerging Market หรือ EM คือ ระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ หรือ ก่อนหน้าเรียกว่า ตลาดกำลังพัฒนา ซึ่งตรงกันข้ามกับ ตลาดพัฒนาแล้ว หรือ Developed Market (DM) แบ่ง EM กับ DM ยังไง? 1. ดูที่รายได้ประชาชาติ (GNI –Gross National Income per capita) ถ้าเป็น DM จะแบ่งคร่าวๆที่รายได้ USD 10,066 ต่อหัวขึ้นไป หรือ ปีละ 312,000 บาท (เดือนละ 26,000 บาท) ต่ำกว่านั้น เป็นประเทศเกิดใหม่ ปัจจุบัน ไทยอยู่ที่ USD 5,400 หรือ 167,400 บาท ตกเดือนละ 13,950 บาท ต่างกับเกณฑ์ของ DM เกือบ 2 เท่า ฉะนั้นเราเป็น EM นะครับ 2. ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ และระดับการศึกษาเฉลี่ยของคนในประเทศ รวมทั้งคุณภาพชีวิตของประชากร 3. ผลผลิตทางอุตสาหกรรมและการเกษตร กลุ่มประเทศ Emerging Market นั้น ถูกนักวิเคราะห์และนักลงทุนแบ่งออกตามภูมิภาค 3 โซนด้วยกัน 1. เอเชีย มีประเทศ  ไทย, เกาหลีใต้, จีน, อินเดีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, ปากีสถาน 2. ละตินอเมริกา มีประเทศ อาร์เจนตินา, บราซิ, ชิลี, โคลัมเบีย, เม็กซิโก, เปรู  และ เวนาซูเอลา 3. ยุโรปตะวันออก และตวันออกกล
ทุกสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโร แต่มันก็เป้นเพียงเรื่องซับซ้อนที่น่ารำคาญ!!!! อยากดูภาพให้ชัดกว่านี้ คลิ๊ก  ดูแล้วเอาไปอ่านและแปลเองเลยนะคัฟ นิวยอร์กไทม์สได้แสดงแผนภูมินี้ เพื่อจะช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์คนทั่วไปได้ให้เข้าใจทั้งหมดของกระแสศักยภาพของวิกฤตหนี้ยูโร สิ่งที่หายไปคือความเสี่ยงของระบบธนาคารสหรัฐวิกฤตในรูปแบบของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงของหนี้สาธารณะโดยสถาบันการศึกษาสหรัฐอเมริกาคือ "ค่อนข้าง" หลายคนสงสัย ปัญหาหนี้ยุโรปจะอยู่กับเราอีกนานไหม จะกระทบกับไทยเราแค่ไหน ความเห็นส่วนตัวผมเอง ก็บอกเลยว่า ทางออกที่เป็นไปได้มีสองทางคือ 1. เจ็บยาว 2. เจ็บแรง ขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกเจ็บแบบไหน แต่ครั้นจะหาทางออกที่ทำให้ทุกคนไม่เจ็บ มาถึงตรงนี้ ผมว่าสายไปเสียแล้ว มีภาพๆหนึ่งให้ดูครับ ถือเป็นภาพที่ดูยากหน่อย แต่หากลองเข้าไปพิจารณาแต่ละประเด็น มันได้อธิบายไว้หมดแล้วว่า ปัญหาหนี้ของยุโรปคราวนี้ ผลกระทบของมัน อาจรุนแรงกว่าวิกฤตเมื่อปี 2007 หลายเท่านัก แถมช่วงเวลาก็ห่างจากวิกฤตเดิมไม่นาน เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นกันดี เมื่อภาคเอกชนยังอ่อนแอ ภาครัฐก็เหลือเครื่องมือช่วยกร
คุณ dvc11 เข้ามาตั้งกระทู้ว่า เขาอยากรู้จังเลยว่าคนส่วนใหญ่เทรดที่ Time Frame เท่าไหร่กันบ้าง และ ทำไมถึงเทรดที่ Time Frame นั้น ไม่ว่าจะเป็น 1 นาที 2 นาที 5 นาที 15 นาที 20 นาที 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง แบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน อะไรก็ได้ รับฟังหมด (ปล.บางโบรกเกอร์ที่ไม่ได้ใช้ Platform ของ MT4 อาจจะมี 2 นาที 10 นาที 2 ชั่วโมงให้เลือกดูได้ครับซึ่ง MT4 ปกติจะไม่มี) ในช่วงแรกของกระทู้นี้มีคนเข้ามาเถียงกันนิดหน่อยระหว่างคุณ The redlion กับ Scotty B ซึ่งผมมองว่าไม่ได้มีสาระอะไรมากเลยขอข้ามช่วงแรกไปนะครับ ถ้าใครสนใจว่าเค้าเถียง อะไรก็ตามไปอ่านที่กระทู้จริงได้ คุณ Ipndasno เข้ามาตอบว่า มันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณอยากเห็น “ความละเอียด” ของราคามากแค่ไหน แต่สำหรับเขาแล้วเขาให้ความสนใจกับ “ระยะของแท่งเทียนจากจุดสูงสุดของแท่งถึงจุดต่ำสุดของแท่งเทียน” มากกว่า เพราะมันคือแนวรับแนวต้านดี ๆ นี่เอง คุณ Rob Mondave เข้ามาตอบว่าสำหรับเขาแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับ Daily Time Frame มากกว่าสำหรับ Forex และ Time Frame อื่น ๆ ในหุ้นตัวอื่น (เหมือนเค้าจะเทรดS&P500 Futures ด้วย) เ
สวัสดีครับ บทความนี้ผมจะรวบรวมเว็บที่โหลด Indicator ฟรีๆนะครับ เพื่อนๆจะได้ทำกำไรได้ง่ายขึ้น Indicator หมายถึง เครื่องมือตัวชี้วัดของราคาตลาดไม่ว่าจะเป็น หุ้น ค่าเงิน อนุพันธ์ พันธบัตร เป็นต้น แต่อินดี้(indicator)ใดๆก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นเสมอไปนะคัฟ ฉนั้นก็อยู่ที่ตัวเราจะพิจารณาอย่างไรในการตัดสินใจเองนะครับ เพราะความแม่นยำอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่เราตัดสินเองคัฟ Web Indicator Forex Free www.richpips.com www.cjatradingtools.com www.forexdigg.info www.ostryforex.com www.forex-indicators.net www.flamingoforex.com www.best-metatrader-indicators.com ว่างจะผมจะอัพให้เรื่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ
ระบบแนวรับแนวต้านของ วันนี้มีบทลงทุนที่น่าสนใจของเซียนหุ้นระดับโลก  "Ed Seykota"  มาให้ลองศึกษากันค่ะ ระบบการลงทุนนี้มีลักษณะคล้ายกับระบบของ  Turtle Trader  เป็นอย่างมาก มันคือระบบการลงทุนโดยใช้แนวรับแนวต้านเพื่อหาแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขายนั่นเอง เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะในสมัยก่อนนั้น ระบบการลงทุนในรูปแบบของแนวรับและแนวต้านนั้น ดูจะเป็นแนวทางที่ง่ายที่สุดในการเขียนสูตรขึ้นมา หรืออาจเป็นที่นิยมกันอย่างมากก็เป็นได้ นอกจากนี้แล้ว ก็อาจเป็นเพราะความชัดเจนของมันก็เป็นได้ เนื่องจากคุณสามารถที่จะมองเห็นสัญญาณของมันได้เพียงแค่มองไปที่กราฟเท่านั้นเอง โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของระบบการลงทุนในรูปแบบนี้ก็คือ ระบบการลงทุนในรูปแบบนี้นั้น มีประสิทธิภาพที่สูงพอๆกับระบบการลงทุนที่ซับซ้อนอื่นๆเลยทีเดียว และนี่ก็อาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า บางทีแล้วการยึดถือและปฏิบัติตามระบบการลงทุนที่เรียบง่าย อาจจะมีผลดีกว่าการพยายามที่จะนำระบบการลงทุนที่ซับซ้อนมาใช้อย่างไม่เข้าใจก็เป็นได้ แนวคิดที่สำคัญต่างๆของระบบการลงทุนในรูปแบบนี้ มีดังต่อไปนี้ การใช้ Hard Stop หรือจุดตัดขาดทุนแบบไม่มีเงื่อนไข (ในทุกๆก