จากตอนที่แล้วเราได้รู้จัก Candlestick ทั้ง Bullish และ Bearish รวมทั้งความหมายแต่ยังไม่ได้พูดถึงการนำไปใช้
ในคร้งนี้เราจะกล่าวถึงว่ามีใครบ้างที่อยู่ใน Candlestick
ใน Candlestick จากที่เรารู้มันคือ Demand&Supply ซึ่งจริงๆแล้วก็จะมีคนอยู่สองกลุ่ม คือ Buyer และ Seller อยู่ใน Candlestick เสมอ
สองกลุ่มนี้ในแต่ละวันพวกเขาจะทำสงความ ซื้อๆ ขายๆ กันเหมือนในสมรภูมิรบแต่เป็นสนามรบในตลาดหุ้นเท่านั้นเอง
การรบก็จะมี แพ้ ชนะ และเสมอ จึงทำให้เกิด Bullish Candlestick และ Bearish Candlestick และอีกตัวนึงที่ยังไม่ได้พูดถึงคือรูปแบบของการเสมอกัน ก็คือ Doji Candlestick
รูปแบบแรกที่จะนำเสนอคือ Candlestick ที่หางยาวๆลงมา ในลักษณะนี้จะเป็นทั้ง
Bullish หรือ Bearish ก็ได้แต่เราจะพิจารณาในส่วนของหางยาวๆของ
Candlestick เท่านั้นและมันคือจิตวิทยาที่สำคัญ
ลองดูรูปด้านล่างครับ
Buyer In Control
รูปต่อไปครับ
Seller In Control
ในคร้งนี้เราจะกล่าวถึงว่ามีใครบ้างที่อยู่ใน Candlestick
ใน Candlestick จากที่เรารู้มันคือ Demand&Supply ซึ่งจริงๆแล้วก็จะมีคนอยู่สองกลุ่ม คือ Buyer และ Seller อยู่ใน Candlestick เสมอ
สองกลุ่มนี้ในแต่ละวันพวกเขาจะทำสงความ ซื้อๆ ขายๆ กันเหมือนในสมรภูมิรบแต่เป็นสนามรบในตลาดหุ้นเท่านั้นเอง
การรบก็จะมี แพ้ ชนะ และเสมอ จึงทำให้เกิด Bullish Candlestick และ Bearish Candlestick และอีกตัวนึงที่ยังไม่ได้พูดถึงคือรูปแบบของการเสมอกัน ก็คือ Doji Candlestick
ลองดูรูปด้านล่างครับ
Buyer In Control
ในความหมายและนัยสำคัญของลักษณะนี้ คือ Buyer ไม่ยอมให้ราคาโดน Seller
กดลงที่จุดต่ำสุดเพราะมีการดันราคาจาก Buyer ขึ้นในตอนที่ Seller
ทิ้งทุกราคาลงมา นั่นบ่งบอกและมีความน่าจะเป็นว่าราคาจะไม่ลงต่อ
ในการอ่านเมื่อเราเจอภาพแบบนี้ในหุ้นตัวเราสนใจ ให้เราวิเคราะห์จากสิ่งที่ต้องให้น้ำหนักกับแท่งเทียนลักษณะนี้คือ
- การเกิดตรงเส้นแนวรับสำคัญ
- เกิดตรงเส้น EMA(50) หรือ EMA(200)
- เกิดตรงบริเวณที่ RSI เข้าเขต Oversold
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำเกิดการกลับตัวจากที่ราคาย่อตัวลงมาหรือจากเทรนขาลงของราคาไปเป็นทิศทางขาขึ้น
ลองไปดูตัวอย่างกันครับ
จากตัวอย่างจะเห็นว่าราคาย่อลงมาจากจุดสูงสุดที่พิจารณาติดต่อกันสามวันเรา
จะเรียกว่า Consecutive Down Day และเกิด Candlestick
หางยาวๆลงมาทดสอบที่เส้น EMA(50) ดังที่เห็น Buyer
ไม่ยอมให้ราคาลงต่ำกว่านี้เลยเกิดเป็น Candlestick
อย่างที่เห็นแล้ววันต่อมาราคาก็ขึ้นโดย Buyer In Control ในวันที่สี่
และจะเกิดรูป Swing Point Low(SPL) ขึ้นในวันที่สี่
สรุปเราสามารถเตรียมตัวเข้าในวันที่สี่โดยการสังเกตการขึ้นลงของราคาในวัน
นั้นแล้วระหว่างวันราคาไม่มีท่าทีจะปิดต่ำกว่าราคาเปิดสามารถเข้าได้เลย
Note : Consecutive Down Day และ Swing Point Low จะอธิบายในบทต่อไป
รูปต่อไปครับ
Seller In Control
ในความหมายจะตรงกันข้ามกับ Buyer In Control กรณีนี้ Buyer
ไม่สามารถต่อสู้กับ Seller ได้และ Seller
กำลังกดราคาไม่ให้ขึ้นไปสูงกว่านี้จากรูปเกิด Candlestick หัวยาวๆขึ้น
นัยสำคัญคือราคามีโอกาสไม่ขึ้นต่อแล้ว
ในการอ่านเมื่อเราเจอภาพแบบนี้ในหุ้นตัวเราสนใจ ให้เราวิเคราะห์จากสิ่งที่ต้องให้น้ำหนักกับแท่งเทียนลักษณะนี้คือ
- การเกิดตรงเส้นต้านสำคัญ
- เกิดตรงเส้น EMA(50) หรือ EMA(200)
- เกิดตรงบริเวณที่ RSI เข้าเขต Overbought
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการกลับตัวจากที่ราคาขึ้นไปหรือจากเทรนขาขึ้นของราคาไปเป็นทิศทางขาลง
ลองไปดูตัวอย่างกันครับ
จากรูปพอจะอธิบายได้ว่าราคาเกิด Candlestick
หัวยาวๆตรงเส้นแนวต้านสำคัญเหตุเพราะ Seller
ไม่ยอมให้ราคาขึ้นไปมากกว่านี้และหลังจากเกิด Candlestick
รูปแบบนี้ก็มักจะเกิด Consecutive Up Day แล้วตามด้วย Swing Point
High(SPH) หลังจากนั้นราคาลงต่อในวันที่สี่
สรุปการเกิดลักษณะ Candlestick รูปแบบหัวยาวๆได้ว่าเราสามารถวิเคราะห์ว่าราคามีความเป็นไปได้ที่จะไม่ขึ้นต่อหรืออาจจะย่อลงมาปรับฐาน
Note : Consecutive Up Day และ Swing Point High จะอธิบายในบทต่อไป
ในบทนี้เราก็ได้รู้หลักการและจิตวิทยาการ ซื้อ-ขาย จาก Candlestick
ที่มีลักษณะ หางยาวๆ หัวยาวๆ ว่าเกิดการต่อสู้กันระหว่าง Buyer และ Seller
นี่เป็นหลักสำคัญที่เราจะต้องเข้าใจและอ่าน Candlestick
ให้เป็นเพราะหลังจากนี้ในบทต่อไป จะศึกษา Candlestick ในรูปแบบต่างๆ
แต่บทนี้เป็นหลักการต่อยอดสู่บทต่อไป
การเราเข้าใจมันจะทำให้เราแทบไม่ต้องจำหรือจำให้น้อยสุดกับรูปแบบต่างๆของ
Candlestick ที่มีหลากหลายรูปแบบ
เมื่อเราเข้าใจได้ดี เราจะมีความคมในการวิเคราะห์และได้เปรียบคู่ต่อสู้ที่อยู่ในยุทธจักรแห่งโลกของตลาดหุ้น
"เมื่อมี Passion ต่อสิ่งใดแล้ว ให้ลึกซึ็งกับสิ่งนั้นแล้วหนทางจักปรากฏ"
By StockMoneyGear
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น