กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ cryptocurrency

บทความ

 Three Arrows Capitals (3AC) กองทุนคริปโตแสนล้าน กับการล่มสลาย  EP.2                     👋 จากความเดิมตอนที่แล้ว เราเกริ่นนำไปถึง ที่มาที่ไปของ  Three Arrows Capital  กันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูสาเหตุใหญ่ อีกสักสองสามสาเหตุกันบ้าง ที่ทำให้  Three Arrows Capital  ยื้อฉุดกระชากไม่ไหวจนต้องต้องยื่นขอล้มละลายไปในที่สุด มา มาอ่านต่อกัน พอร์ตดูดี แต่แค่กำไรชั่วคราว????                          👋 เมื่อเจาะลึกเข้าไปดูเหรียญที่ 3AC ลงทุนนั้น มีการลงทุนใน  Governance Token  ของโปรเจค  DeFi  ต่างๆทั้งเหรียญใหญ่อย่าง  UNI, AAVE, SNX, COMP  และ  YFI  และเหรียญขนาดเล็กอย่าง  FST, KNC, NRV, DHT, MTA, ROOK และ DODO  ด้วย ซึ่งปัญหาของเหรียญเหล่านี้คือจะมีแรงเทขายจากการเพิ่มสภาพคล่องอยู่ตลอดเวลาเรียกว่า   Toxic Liquidity                            👋 สาเหตุที่เหรียญกลุ่มนี้โดนเทขายเนื่องจากประโยชน์ของเหรียญเหล่านี้มีน้อยและ  Supply  ของเหรียญที่จะมีการแจกเรื่อยๆ ทำให้เหรียญถูกเพิ่มจำนวนอยู่ตลอด ดังนั้น 3AC แม้จะได้เปรียบเรื่องต้นทุนในตอนแรก แต่การมีระยะเวลาปลดเหรียญทำให้เมื่อถึงเวลาจริง ราคาขายที่ได้อาจจะไ
 Three Arrows Capitals (3AC) กองทุนคริปโตแสนล้าน กับการล่มสลาย  EP.1                    👋 ข่าวแซ่บมาแรง ที่ไม่รู้ไม่ได้แล้วนะ และล่าสุดอัพเดทแบบเรียลทามม์กันไปเลย สำหรับยักษ์ใหญ่กองทุนคริปโต Three Arrows Capital ที่ยื่นขอล้มละลายในนิวยอร์กแล้วหลังทนพิษบาดแผลไม่ไหว                    👋 สำหรับชาวเทรดเดอร์คริปโตเคอเรนซี่ คงจะคาใจอยู่ไม่น้อย เกี่ยวกับประเด็นของ 3AC  และบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วสำคัญอย่างไร แอดบอกเลยว่าสำคัญมากครับ เกี่ยวข้องและกระทบการเงินทั่วตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยตรงหลายเด้ง หลายต่อเลยแหละ  วันนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักกับเขาสักหน่อย มา ตามมาอ่านกัน เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่อินเทรนด์                👋 3AC    หรือชื่อเต็มๆว่า Three Arrows Capitals  (3AC) เป็น Venture Capital ที่ก่อตั้งช่วงปี 2012 โดยมีการลงทุนอยู่ในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วไป แต่เมื่อปี 2018 เป็นต้นมา 3AC มุ่งเน้นในการลงทุนด้าน Cryptocurrency เป็นหลัก ซึ่งมีทั้ง GBTC กองทุน Bitcoin ของ Grayscale, Blockchain Layer 1, DeFi, แพลตฟอร์มคริปโตฯ รวมถึงเกมบน Blockchain มากกว่า 50 ตัว!!!!            
เมื่อต้นเดือน พ.ค. สุดยอด นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ( Warren Buffett ) ในงานประชุมผู้ถือหุ้น ก็ได้มีการออกแสดงความคิดว่า ต่อให้เอาบิตคอยน์ทั้งโลกมากองในราคา 25 เหรียญ เขาก็ไม่ซื้อ และเขายังต่อด้วย  บิตคอยน์นั้นไม่ได้มีค่าอะไร เพราะมันมิได้สร้างผลิตผลอะไรเลย   เพราะเหตุผลได วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงไม่ชอบ บิตคอยน์ Bitcoin วันนี้เราจะไปหาคำตอบไปพร้อมๆกัน  สไตล์ การลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ 💬 โดยสไตล์ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มักจะพูดเสมอว่า เค้านั้นลงทุนเหมือนกับ ลงทุนกับฟาร์มสักแหล่ง ที่มีผลผลิตออกมาทุกปี หรือ พูดง่ายๆ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์  ชอบลงทุนกับบริษัติที่ผลิตสินค้าออกไปขาย โดยแก่จะมักบอกสินทรัพย์ประเภทนี้ว่าเป็น Productive Assets โดย ปู่มองว่า    Bitcoin และ cryptocurrency เป็นรอแบบทรัพย์สิน  Non-productive Assets หรือเป็นทรัพสินที่ไม่มีการผลิต โดยคุณจะได้เงินก็ต่อเมือ คนที่ซื้อต่อจากคุณในราคาที่สูงกกว่าที่คุณซื้อ  Bitcoin คือ Tulip Mania 2.0  Tulip Mania หรือ วิกฤตดอกทิวลิป เหตุการที่ฝั่งยุโรบน้ำเข้าดอกทิวลิป  เพราะสมัยนั้น ดอกทิวลิป ไม่มีในยุโรป ทำให้ ดอกทิวลิ
  หลังจากที่เราทำความรู้จักกับ วาฬ ในตลาดคริปโตไปแล้ววันนี้เราจะแนะนำวิธีการดูการเคลื่อนไหวของ วาฬ เพื่อใช่เป็นข้อมูลการตัดสินใจ  วิธีสังเกตการเคลื่อนไหวของ วาฬ 🐋 👉  วิธีแรก จับตาดูการเคลื่อนไหวของเหรียญจากบัญชีที่อยู่ของ Wallet ที่ถือเหรียญจำนวนมากไว้  โดยสามารถเข้าไปเช็คได้ที่ เว็บไซต์  https://bitinfocharts.com/top-100-richest-bitcoin-addresses.html ในเว็บก็จะเห็นจำนวน Wallet ของ คนที่ถือเหรียญ  Bitcoin ทั้งหมด  โดยสังเกตการเคลื่อนใหวของ  Wallet   ที่เหรียญระดับ 100,000 ขึ้นไป  👉 วิธีสองติดตามข่าว เพราะว่าการเคลื่อนไหวของ  วาฬ แน่นอนว่า คนทั้งตลาดสนใจอยู่แล้ว โดยสามารถเข้าไปอ่านข่าวที่ได้ที่  https://siamblockchain.com/ สรุป การเคลื่อนใหวของ วาฬ เป็นเพียงข้อมูลแค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดการตัดสินใจ มีหลายครั้งราคาเลือกเดินทางสวนทางกับ การเคลื่อนใหวของ วาฬ ฉนั้นใช้เป็นแค่ข้อมูลอ้างอิงการตัดสินใจจะดีที่สุด  สำหรับใครที่อยากได้บทวิเคาะ  Bitcoin หรือคริปโต คู้เงิน  มีบทวิเคราะกราฟทุกวัน   สามารถเข้าไปอ่านได้ที่  https://th.tradingview.com/u/Tradertanofficial/ cr.อ่านเพิ่มเติมได้ที่🙏🙏
  🐳🐋 สำหรับหลายคนที่เข้ามาตลาดคริปโต  Cryptocurrency หากติดตามข่าวการซื้อขายก็น่าจะเจอกับคำว่า  วาฬ” หรือ “ Whale ซึ่งหลายคนก็อาจจะ งง มันคืออะไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ วาฬ” หรือ “ Whale และส่งผลต่อตลาด  Cryptocurrency อย่างไร  ? วาฬ หรือ Whale คืออะไร  วาฬ” หรือ “ Whale หรือบางคนก็จะเรียกว่า เจ้ามือ คือกลุ่มคนหรือบุคคนที่ถือสินทรัพย์จำนวนมหาศาล ซึ่งจทำให้มีอำนาจที่จะพอเปลียนแปลงราคาของทรัพสินนั้นได้ และยิ่งตลาด Cryptocurrency ที่มีจำนวนเหรียญอยู่าจำกัด การที่กลุ่มคนพวกนี้เคลื่อนใหวก็จะส่งผลต่อตลาดได้อย่างมีนัยยะสำคัญ   โดยกลุ่มคนพวกนี้ก็ไม่ได้อยู่ในตลาด Cryptocurrency แต่อยู่แทบจะทุกตลาด แต่โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ในตลาดหุ้น หรือ Cryptocurrency ที่มีจำนวนทรัพสินที่ชัดเจน  🐋🐋  ผลกระทบ วาฬ ต่อราคา  Cryptocurrency  แน่นอนว่าคนที่ถือทรัพสินจำนวนมาก ก็จะมาพร้อมกับอำนาจ และด้วย  Cryptocurrency  ที่มีเหรียญอยู่อย่างจำกัด   ทำให้ การเคลื่อนใหวของ  วาฬ ส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ปี  2017  นาย Nobuaki Kobayashi ซึ่งได้ทำการเทขายเหรียญ Bitcoin จำนวนกว่า 36,000 เหรียญ
เชื่อได้ว่า ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในโลก Cryptocurrency ก็คงไม่พ้น ข่าว Terra UST และ LUNA ที่มีการเทขายอย่างหนักจน LUNA จาก 120$ ต่อ 1 เหรียญ LUNA ลดเหลือ 0.0004$ เหรียญ LUNA  วันนี้เราจะไปหาคำตอบกันว่าเกิดอะไรขึ้น !? โครงสร้างของ UST และ LUNA  😀 UST คือ Stablecoin (เหรียญcryptocurrency ที่มีค่าคงที่ เช่น 1 UST เท่ากับ 1$) ที่ทาง Terra  สร้างขึ้น แต่ UST นั้นไม่ถูกสร้างโดยเอาดอลลาร์สหรัฐมาตึงราคาใว้ แต่เป็นการใช้อัลกอริทึมมาในการจัดการ ซึ่งจะผูกกับเหรียญ  LUNA  โดยหลักการทำงานอัลกอริทึม UST 😀 เมื่อมีการฝากหรือลงทุนกับ UST  มากจนค่า UST  มีค่ามากกว่า 1 $ ระบบจะทำการปรับสมดุลให้ค่า UST มีค่า เท่ากัน 1$ โดยการแปลง LUNA  ให้กลางเป็น UST และเมื่อเหรียญ UST มีมากขึ้น ราคา UST ก็จะลดลง เท่ากับ 1$  และ LUNA  ถูกใช้ในการแปลงเป็น UST ทำให้ LUNA  นั้นน้อยลง คนมีความการเท่าเดิม เหรียญน้อยลง แน่นอนว่าราคา LUNAก็จะขึ้นตาม  UST มีค่าน้อยกว่า 1$  LUNA ก็ต้องผลิตเหรียญมากขึ้นเพื่อนำมาค้ำราคา USTให้กลับมาที่ 1 UST สรุปคือ  คนใช้ UST มากขึ้น   ราคาเหรียญ LUNA ก็จะขึ้นตาม เป็นเงาตามตัว                 
จากตอนที่แล้วที่เราเล่าโครงสร้างและความสัมพันระหว่าง UST และ LUNA ไป วันนี้เราจะมาต่อกัน ว่าจุดเริ่มต้นของการเทขายครั้งใหญ๋ มาจากใหนกัน ด้วยความนิยม UST สูงมาก มีเม็ดเงินที่ฝากเข้ามาจำนวนมาก และการเติบโตของราคา LUNA มีทิศทางที่สดใส จนทำให้ หลายบริการใช้ UST เป็นตัวกลางในการชำระเงินมากขึ้น และทาง Terra ก็มีโปรเจคที่ไล่ซื้อเหรียญ bitcoin เพื่้อนำมาค้ำเหรียญ UST ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น  จุดเริ่มต้นของหายนะ 🔥 จุดเริ่มต้นนั้น มีนักวิเคาะห์หลายคนเห็นไปตรงกันว่า เกิดจากราคาบิตคอย มีการเทขายที่รุนแรงเกินไป แน่นอนว่า เหรียญที่ใหญ่ที่สุดอย่าง bitcoin ร่วง เหรียญอื่น ก็ลงตามเป็นธรรมดาแน่นอน ว่า LUNA ก็ร่วงตาม  ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกร่วมไปถึง เหรียญ UST ที่ใช้ bitcoin  และ LUNA ในการตึงราคา  หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีเงินก้อนหนึ่ง หลักร้อยล้านเหรียญเทขาย UST  ซึ่งเป็นการเทขายที่ทำให้ราคาคนที่ถือ UST  ทั่วโลก เริ่มไม่มั่นใจต่อเหรียญ UST  แน่นอนว่า เหรียญ LUNA ที่ถูกนำมาตึงราคาก็เริ่มที่จะมีการเทขายอย่างหนัก เพราะไม่มั่นใจต่ออัลกอริทึมในการตึงราคา UST เมื่อตลาดเกิดความกลัวและไม่มั่นใจต่อ UST เก
 Passive income >วิธีทำเงินจาก Binance EP.2           มาต่อกันจากความเดิมตอนที่แล้วใน EP.1 ยังคงอยู่กับวิธีการทำเงินหารายได้แบบ  Passive income หรือรายได้เสริมก็ดีจากการเก็งกำไร จาก เวป  Binance กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีปริมาณการซื้อขายเหรียญรวมกันมากกว่า 40,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ 5.ฝากเหรียญคริปโตในโปรแกรม Locked Stake เพื่อรับดอกเบี้ยก้อนใหญ่กว่า                โดยปกติแล้วไม่ค่อยมีใครเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินในหมวดนี้เท่าไหร่ เพราะมันมีเงื่อนไขระยะเวลาที่นานเช่น 1 เดือน หรือ 3 เดือนอัตราดอกเบี้ยผันแปรกับตัวเลขขึ้นลงของเหรียญด้วย แต่กำไรขาดทุนก็ผันแปรตามราคาเหมือนกันนะ  6.เปิดร้านขายเหรียญ P2P Trading               อันนี้ต้องมีทุนหนาหน่อยนะ  ถ้าคุณมีเหรียญบิทคอยน์มาก หรือมีเหรียญอื่นๆ มากพอสมควร คุณสามารถเปิดร้านขายเหรียญของคุณได้บน binance โดยมีข้อดีอย่างยิ่งคือเรื่องของอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกแสนถูก  7.ทำฟาร์มดอกเบี้ย                โดย Dual saving เพื่อรับเหรียญเพิ่มเป็นสองเท่า โดยฝากเงินเข้าไปสองสกุลเงินแล้วเก็บไว้เพียงแค่นั้นเลย แล้วก็รอกำไรงอกเงย 8.เอาเหรียญ BNB ล
TAX & Crypto ภาษีของนักเทรดคริปโตฯ                ในยุคที่เงินทองเริ่มจับต้องไม่ได้ และการทำงานแบบเดิมๆนั้นแสนยากลำบาก ไม่ตอบโจทย์วิวัฒนาการสมัยใหม่ ผู้คนจึงเริ่มหาวิธีการทำเงินในรูปแบบใหม่ โดยเริ่มหันมาลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือเรียกสั้นๆว่า คริปโตฯ หนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้               เมื่อสินทรัพย์ดิจิตัลเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น หลายคนสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการเทรดคริปโต  แต่ในอีกหลายๆคนก็สูญเสียรายได้จากการเทรดคริปโตเช่นกัน  กรมสรรพากรจึงได้ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีคริปโตฯ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2565 เป็นต้นไป                และ ประเด็นร้อนแรงที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจาร์ณกันมากในหมู่นักเทรดคริปโตฯ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องรายได้และการเสียภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะหากมีการซื้อขายแล้วเกิดกำไร ให้ถือเป็นเงินได้ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร จะถือเป็น เงินได้ตามมาตรา 40(4)(ฌ) เงินได้จากผลประโยชน์/กำไร ที่ได้รับจากการโอนคริปโตฯ หรือโทเคนดิจิทัล ซึ่งนักลงทุนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่
 Libra - Diem สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook  EP.3             👊 หลังจากที่เฟซบุ๊ค (Facebook  ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเมตาแล้ว Meta ) ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมานานับประการ โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งในบริษัทชั้นนำด้วยกันถึง 27 บริษัทไม่ว่าจะเป็น Mastercard, Visa, eBay, Paypal, Spotify, Uber, Lyft, Vodafone หรือกระทั่ง Coinbase  ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อยู่มายาวนาน ฯลฯ               👊 👊   ไม่ว่าจะเป็นมรสุมจากการปรับเปลี่ยนชื่อ และการปรับเปลี่ยนกระเป๋าเงิน อัพเกรดเวอร์ชั่นก็แล้ว แต่ Facebook ก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐมองว่าความพยายามดังกล่าวของ Diem อาจกระทบต่อเสถียรภาพของเงินในระดับโลก และเป็นช่องทางในการฟอกเงินครั้งมโหฬาร เพราะเครือข่ายของ Facebook นั้นครอบคลุมเป็นวงกว้างในระดับโลก                👊👊👊 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นาย David Marcus ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Diem ก็ยังมายื่นซองขาวลาออกจาก Meta อีกเมื่อปีที่แล้ว บวกกับพาร์ทเนอร์หลายรายถอนตัวออกจากโปรเจกต์ดังกล่าว  (แต่ก็มีพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ ก้าวเข้ามาเช่นกันนะ)               👉👉👉 สุดท้ายท้ายที่สุด ข่าว
 Libra >Diem สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook  EP. 2               👌👌 หลังการเปิดตัวของ Libra สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook ไปแล้ว เขาก็ได้จัดแจง สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล  หรือ   Libra Wallet   ของตัวเองขึ้นมาในชื่อว่า Calibra  เพื่อจัดการ ซื้อ/โอน/จ่าย/เติม การเงินในชีวิตประจำวันได้สะดวก แถมสามารถใช้งานร่วมกับ WhatsApp และ Facebook Messenger ได้อีก                👌👌 ซึ่ง  Calibra นั้นเป็นบริษัทที่แยกออกมาจาก Facebook เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน เกี่ยวกับการใช้งานและข้อมูลธุรกรรมต่างๆ จะไม่ไปผูกกับเฟซบุ๊กมากเกินไป รวมไปถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวต่างๆ แต่ครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง ที่เฟสบุ๊คก็ยังมีข้อมูลที่รั่วไหลออกมา  ทำให้เกิดความกังวล และก็น่าจะยากที่จะทำให้เชื่อแบบสนิทใจอยู่เนาะ               👌👌   และ นี่แหละ คือเหตุผลว่า ทำไม Facebook ต้องสร้าง e- Wallet ของตัวเอง  และที่เด็ดไปกว่านั้นอีกก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อสกุลจริงในการยืนยันตัวตนเพื่อซื้อสินค้าและบริการ แต่ว่าการซื้อขาย โอนย้าย แลกเปลี่ยนสินค้ากับ  Libra จะปรากฏบนสาธารณะ ซึ่งเอาจริงๆก็คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้
Libra - Diem สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook  EP.1               👏👏👏 จากกระแสหนาหูมาเป็นระลอกๆ และเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง หลายคนยังคงสงสัยที่มาที่ไปของเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เหรียญนี้ มาเรามาทำความรู้จักเหรียญของเจ้าพ่อโซเชี่ยลเน๊ตเวริกอย่างเฟสบุ๊ค Facebook กันเถอะ เขามีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมมีประเด็นเยอะจัง มา!!!ตามมาอ่านกัน                👏👏👏 จากการเปิดตัวเหรียญใหม่บนเครือข่าย Blockchain  เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562  Facebook และบริษัทพันธมิตรได้ประกาศเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Libra (อ่านว่า ลิบร้า) ซึ่งวางแผนจะเริ่มให้บริการในต้นปี 2020                 👏   Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่อยู่บนพื้นฐานของ Blockchain เทคโนโลยีที่พิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้สูง มีความโปร่งใส ไม่เหมือนกับ Bitcoin  เพราะ Libra ตั้งใจที่จะเป็นสกุลเงินหลักของโลก                👏 โดย facebook ให้ concept เกี่ยวกับ Libra เอาไว้ว่า Libra เปรียบเสมือน เงินสด ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน ในอนาคตคุณสามารถซื้อเหรียญ Libra ได้จากแอปพลิเคชั่น Libra Wallet, ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระท
Digital Yuan : DCEP เงินหยวนดิจิทัล คืออะไร??              หลังจากที่เราได้รู้จัก คำว่า สกุลเงินดิจิตัล(Central Bank Digital Currency: CBDC)  กันไปแล้ว และในปัจจุบันโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก วิวัฒนาการของเราได้เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะวงการการเงินที่กำลังมุ่งหน้าสู่สังคมไร้เงินสด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมธนาคารกลางทั่วโลกต่างเร่งศึกษาและพัฒนาเงินสกุลดิจิทัลเป็นของตนเอง และจีนก็เป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่เดินหน้าทดลองการออกใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสำหรับประชาชน (Retail Central Bank Digital Currency: Retail CBDC) ที่เรียกกันว่า                                                         “หยวนดิจิทัล (Digital Yuan: e-CNY)”   : DCEP                เงินหยวนดิจิตัล ภาษาจีนเรียกว่า ซู่จื้อ เหรินหมินปี้ โดยมีชื่อเป็นทางการว่า DCEP (Digital Currency Electronic Payment) โดยธนาคารกลางจีนเริ่มศึกษาโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2557 และทดลองนำร่องในหลายเมืองใหญ่ตั้งแต่กลางปี 2563 คือเซินเจิ้น, เฉิงตู, สยงอัน และซูโจว โดยจีนตั้งเป้าที่จะใช้ สกุลเงินใช้ DCEP ในการแข่งขันกีฬาโอลิม
CBDC สกุลเงินดิจิทัล คืออะไร??              ปัจจุบันโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากและได้เริ่มก้าวเข้าสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะวงการ การเงินที่กำลังมุ่งหน้าสู่สังคมที่ไร้เงินสด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเร่งศึกษาและพัฒนาเงินสกุลดิจิทัลเป็นของตนเอง                Central Bank Digital Currency : CBDC   คือ สกุลเงินดิจิตัล ที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ  ยกตัวอย่างเช่น ของไทย ก็เหมือนเงินบาท หรือธนบัตรที่ออกโดยแบงก์ชาติ เพียงแต่อยู่ในรูปแบบ “ดิจิทัล” เป็นการใช้ระบบการชำระเงินจากธนาคารกลางที่ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินมีต้นทุนที่ถูกลง และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะในเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ (Distribution Ledger Technology: DLT) หรือบล็อกเชน (blockchain) ที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินอย่างหลากหลาย และการใช้ในระดับรายย่อย (Retail) หรือก็คือ การนำมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของเรานั่นเองแถมยังถูกกฎหมาย และช่วยลดต้นทุนไปได้เยอะทีเดียว และที่สำคัญสามารถนำไปชำระหนี้ได้ตามกฎหมายอีกด้วย                ซึ่ง ตรงกันข้ามกับคริปโทเคอร์เรนซี เช่น
 WHY BTC Crashing วิเคราะห์เหตุผล               👉👉👉 ช่วงนี้มา ตามทันกระแส เหรียญดังกันหน่อย ณ เวลานี้ เหรียญคริปโต สารพัดเหรียญ กำลังโดนทุบราคาอย่างหนัก ดิ่งลงทั้งกระดาน โดยเฉพาะเหรียญเจ้าเสน่ห์อย่าง Bitcoin ที่ร่วงต่ำกว่า 5 หมื่นดอลลาร์แล้ว เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ตัวแปรหลัก และตัวแปรรอง ที่เกี่ยวข้องคืออะไร ปัจจัยใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับ  BTC  วันนี้แอดจะมาแฉ เอ๊ยแชร์ การวิเคราะห์และเหตุผลที่เราควรจะถือต่อ หรือพอแค่นี้ดี  เนื่องจากมันผันผวนสะเหลือเกิน                👌👌👌 ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวม คริปโตเคอเรนซี่ลดลง จาก 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์และทำท่าว่าจะลดลงเรื่อยๆสะด้วยสิผู้เชี่ยวชาญตลาดคริปโตวิเคราะห์ว่าเป็นเรื่องยากที่จะระบุสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้ราคาคริปโตร่วงลงอย่างหนัก แต่ก็พอจะสรุปถึงสาเหตุโดยคร่าวได้ดังนี้  FED               ข่าวเด็ดข่าวแรง ที่สร้างวิกฤตได้ดี คงหนีไม่พ้น ประเด็ดการปรับลดวงเงิน QE ที่ทำให้ หุ้นสามัญทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ในเชิงนโยบายทางการเงินอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว  ซึ่งการปรับนโยบายการเงินครั้งนี้ของ Fed ก็กระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงท