กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ trading strategy

บทความ

  Golden cross สูตรลับการทำกำไรระยะยาว                          👉 หากใครกำลังศึกษากราฟทางเทคนิคอยู่ เราจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเจ้าสัญญาณตัวนี้  เพราะเจ้าสัญญาณตัวนี้ เป็น 1ใน สัญญาณทางเทคนิคที่จัดว่าเด็ดและแม่นสุดๆ ในสาย Technical Trading  นั่นก็คือ Golden Cross อยากรู้แล้วใช่มั้ยว่ามันเป็นอย่างไร มาติดตามกันครับ Golden Cross คืออะไร                          👉 Golden Cross คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดกำลังจะเปลี่ยนเทรนด์จากระยะสั้น หรือไซด์เวย์ ไปสู่ เทรนด์ขาขึ้นระยะยาว  Long term Bullish Trend                          👉 Golden Cross   เกิดจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่  Moving Average (MA) โดยเส้นที่นิยมใช้กันมาก จะมีเส้น MA20 , MA 50 , MA 100 , MA200  ตามลำดับ  และส่วนใหญ่จะใช้เส้น MA ร่วมกันประมาณ 3 เส้นหรือมากกว่า  สีที่นิยมใช้ ก็จะเป็น เหลือง, เขียว, แดง  ลักษณะการใช้งาน                     1. ใช้งานปกติ เป็นแนวรับแนวต้านในเทรนตั้งแต่ 1H  ขึ้นไป ส่วนใหญ่ กราฟ DAY  ขึ้นไปจะดีที่สุด เหมาะมากสำหรับการเทรดระยะยาว จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิด   Golden Cross  ขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดแล้ว ???     
 Range  Trading เทรดดีมีกำไรทุกวัน win 95%                     👊 หลายๆคนที่นิยมชมชอบการเทรดที่มีความผันผวนสูง และแถมยังเป็นคอสไนเปอร์ เก็บสั้นๆด้วยแล้วหละก็ ต้องไม่พลาดเทคนิคการเทรดแบบ  Range Trading อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร และเทรดแบบไหน ตามมาอ่านกันครับ Range Trading คืออะไร?                          👊 Range Trading คือ การเทรดในตลาดที่เล่นเป็น "กรอบ" หรือ "ไซด์เวย์"   เป็นการเทรดตามเทรนด์ หรือ Trend Following   โดยมุ่งหวังว่าราคาจะยังเคลื่อนไปในทิศทางนั้นต่อไป  โดยกรอบของ Range ต้องใหญ่พอหรือมีระยะเวลาพอสมควร เช่น 2 สัปดาห์ หรือ 1-3 เดือนขึ้นไป                          👊 หากพูดแบบภาษาที่เข้าใจง่ายๆก็คือ การเทรดสวนเทรนด์ในระยะสั้น แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าเทรนด์หลักเป็นเทรนด์อะไร   วิธีการเทรดแบบ Range Trading                1. ดูแนวโน้มเทรนด์หลักก่อนเป็นสำคัญ                2. หากรอบ Range ตามโซนการพักตัวที่ค่อนข้างกว้างหน่อย                 3. หาจังหวะเข้าออเดอร์ตามแนวรับแนวต้าน ของกรอบ Range                 *** ทริคเพิ่มเติม                           👊 บางคนกำ
   Pullback & Throwback Strategy  กลยุทธิ์ดักบาย - ดักเซล                          มากันอีกแล้ว สำหรับทริคเล็กๆน้อยๆและเทคนิคการเทรด เพื่อสร้างผลกำไรจากตลาดการเงิน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับกลยุทธ์การเทรด Pullback และ  Throwback กันหากใครยังไม่รู้จักและยังไม่เคยใช้วิธีการเทรดแบบนี้ ก็ลองมาทำความรู้จักกันก่อนครับ อาจจะได้เทคนิคดีๆจากกลยุทธิ์ไปไม่มากก็น้อย  Pullback และ Throwback คืออะไร                      Pullback คือการดึงกลับ อาจจะเรียกในหลายๆภาษาเช่น กลับตัว ย่อ เด้ง หรืออะไรต่างๆล้วนแล้วแต่มี คำว่าPullback เป็นส่วนประกอบ    โดยส่วนมากจะพบเห็นกันบ่อยๆในตลาดการเงิน                            รูปแบบการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เป็นทิศทางต่อเนื่อง หรือที่เราเรียกว่า แนวโน้มเทรนด์ ซึ่งงเป็นลักษณะไต่ขึ้น ไต่ลง ไปทางแนวโน้มหลักนั่นเอง และจากการสวนกระแสคลื่นของราคาในทิศทางตรงกันข้ามนี่เอง  เราจึงเรียกว่า Pullback และ Throwback Pullback และ Throwback บอกอะไรเราได้บ้าง??                          เมื่อคลื่นของราคาที่วิ่งสวนแนวโน้มหลักกลับมา บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่นักลงทุนเริ่มปิดสถานะ เช่นปิด
หายจากการขายหมูติดดอยด้วยกลยุทธิ์  Pyramid Strategy                         👊 หลายๆคนมักประสบปัญหาใน การซื้อหุ้นในแต่ละครั้ง ด้วยความคาดหวังว่าซื้อปุ๊บก็อยากได้กำไรปั๊บ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันช่างยากเย็นและเป็นไปได้ยากสะเหลือเกิน เพราะในความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ   ซื้อปุ๊ป อ้าวลงสะงั้น แต่พอขายปุ๊บ ก็ขึ้นสะงั้นแหละ เป็นแบบนี้ตลอด..!! จริงมั้ยหละ..??                          👊 หลายๆปัจจัย สิ่งเร้าที่ทำให้เราเกิดอาการ ขายหมู หรือ ติดดอย อันเนื่องมาจาก กราฟวิ่งปรู๊ดปร๊าด จนน่าตกใจ แล้วเรา กลัวตกรถ หรือ กลัวขึ้นรถไม่ทัน ตรงนี้แหละ กราฟหลอกเม่าน้อยๆมาเยอะแล้ว   แต่หากเรารู้เทคนิคในการทำกำไร จากกลยุทธิ์ Pyramid Strategy คำว่าติดดอย หรือขายหมู จะค่อยๆหายไป เชื่อแอดมั้ย .....??? มา มาลองดูกัน                       👊 👊     Pyramid Strategy  คือการแบ่งไม้ทยอยซื้อแบบพีระมิด เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงในการลงทุน  อาจจะขนาดการซื้อขาย เป็นไม้ย่อยๆ 3-4 ไม้ หรือมากกว่านั้น แล้วแต่ความถนัดและความชอบ                            👊 👊 ให้นึกภาพ Pyramid ที่มีทรงสามเหลี่ยมฐานกว้างและยอดเล็กลงเรื่อย
   Winning Methods  6 กลยุทธ์การเทรด EP.2                การทำกำไรที่ดี ต้องมีกลยุทธิ์การจัดการในการเทรด จากความเดิมตอนที่แล้ว แอดได้แนะนำกลยุทธิ์การเทรดไปแล้ว 3 แบบ มา มาต่อกันอีก3 แบบที่เหลือกัน ดูสิว่า เทรดเดอร์ชอบแนวไหนกัน  4.  Position Trading                Position Trading หรือเรียกว่า News Trading    เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเทรดในระยะยาว โดยจะถือสินทรัพย์ไว้เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปีก็ได้  การเทรดในลักษณะนี้จึงเหมาะกับคนที่เน้นผลประกอบการ หรือดอกเบี้ย เพราะใช้ความอดทนสูงมากและยังต้องเข้าใจภาพรวมของตลาด ติดตามข่าวเศรษฐกิจหรือข่าวที่เกี่ยวข้อง มากกว่าโฟกัสที่ผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นๆ              ข้อดี  คือ ไม่ตองเข้าออเดอร์บ่อย เข้าทีเดียวรอเป็นเดือนไปเลย เหมาะมากกับคนที่มีเงินเย๊น เย็น ไม่ร้อนเงินนะ คนที่เอาเงินหมุนมาเล่นไม่แนะนำวิธีนี้เลย               ข้อเสีย  คือ ใช้เวลานานมากๆเพื่อได้มาซึ่งกำไร และใช้เงินทุนค่อนข้างสูงมาก เพราะออกออเดอร์แค่ครั้งเดียวจบ กำไรจึงต้องค่อนข้างคุ้มค่าแก่การรอคอย  5.  Trend Trading                Trend Trading คือ การเทรดที่มี
  Winning Methods  6 กลยุทธ์การเทรดEP.1                การทำกำไรที่ดี ต้องมีกลยุทธิ์การจัดการในการเทรดด้วย นอกจากการมีทัศนติที่ถูกต้องแล้ว กลยุทธ์และเทคนิคในการเทรดเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น  เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละตัวล้วนมีลักษณะการวิ่งที่แตกต่างกัน   วันนี้เรามาศึกษากลยุทธ์พื้นฐานในการเทรดที่สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้กัน                กลยุทธ์ในการเทรดแบบที่นิยมกันในปัจจุบัน มีรูปแบบประมาณ 6 แบบในแต่ละแบบก็จะมีมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป  ฉะนั้นนักเทรดมือใหม่ที่กำลังค้นหาสไตล์การเทรดของตัวเอง หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการพัฒนากลยุทของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไม่ควรพลาดนะ 1. Scalping Trading                Scalping Trading  เป็นการเทรดแบบเข้าเร็วออกเร็วในระยะสั้น โดยดูการเปลี่ยนแปลงของตลาดในกรอบเวลาหน่วยวินาทีหรือนาที เหมาะมากกับพวก option, CFD และ ฟิวเจอร์ส  แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาต่อยอดสำหรับการเทรดสั้นนี้ให้มีความยาวขึ้นใน  15 M ,1H และ 4H  ซึ่งก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน            ข้อดี คือ ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน เน้นเก็บกำไร
 การเทรดกลยุทธ์ Arbitrage                  Arbitrage คำนี้หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินกันมาหนาหูอยู่เหมือนกัน แต่น้อยคนนักที่จะเลือกเล่นกลยุทธิ์นี้ เพราะอะไรหน่ะหรือ??? จะบอกว่ายากก็ยาก แต่จะบอกว่าง่ายก็ง่ายอยู่นะ เอาละ เรามาดูกันดีกว่าว่ามันเป็นยังไง อย่าเพิ่งส่ายหัวและถอดใจนะ นี่เป็นกลยุทธิ์ที่ทำกำไรได้มากเลยทีเดียวเชียว                Arbitrage (อาร์บิทราจ ) คือ กลยุทธ์การทำกำไรรูปแบบหนึ่ง โดยทำกำไรจากช่องว่างของราคา และต้องเป็นการทำกำไรจาก 2 ตลาดขึ้นไปในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน ที่คือกฎหลักเลย ที่จำเป็นต้องจำให้ขึ้นใจ และอย่าลืมสังเกตุอีกนิดว่าราคาที่ซื้อขายในตลาดนั้นจะต้องไม่มีราคากลางที่ตายตัวหรือถูกกำหนดเอาไว้                       สมมุติว่า                                นาย A ขายทองคำอยู่ที่บาทละ                25,000 บาท                                 นาย B รับซื้อทองคำอยู่ที่บาทละ            25,500 บาท                                  เราจะเห็นช่องว่างของราคา อยู่ที่ 500 บาท ดังนั้น เราจึงฉวยโอกาสนี้ ซื้อทองคำจากร้านนาย A ไปขายให้กับร้านนาย B และเราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างนั้นมา