วงจรชีวิตของเทรดเดอร์ :: The trader's life cycle ::

 



จำตอนเริ่มเทรดครั้งแรกได้มั้ย อะไรๆก็เป็นไปได้ พยามเสาะหาโอกาสที่จะเทรดอยู่ตลาด แล้วหลังจากนั้นก็ ...... เละ

บทความนี้จะช่วยให้เห็นภาพแต่ละช่วงชีวิตของเทรดเดอร์ ทำไมเค้าถึงติดอยู่กับวงจรเดิมๆ อะไรที่ทำให้เดินผิดทาง ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำเดิมได้
------------------------

1.The Indicator Phase - หาระบบเทพ อินดี้ในตำนาน

เมื่อแรกเริ่มส่วนใหญ่จะใช้อินดี้ต่างๆ แล้วดูเท่จุงเบย พยามหาอินดี้ที่มันให้สัญญาณชัดๆ ตัดขึ้นเป็นซื้อ ตัดลงเป็นขาย โดยไม่รู้เลยว่าอินดี้นั้นกำลังบอกอะไร คำนวณมาไง ใช้ยังไง ขอแค่ให้สัญญาณมาก็พอ
------------------------

2.The price action phase - less is more 

ขอแค่กราฟเปล่าสไตล์มินิมอล ยิ่งน้อยยิ่งดี เมื่อเทรดต่อมาสักพักนึง เริ่มปรับตัวได้เอาเส้นอินดี้ที่มันรกๆมั่วๆ ออกจากกราฟไปและก็มี qoute เท่ๆ ประจำใจว่า "keep it simple" หรือ "Only trade what you see" แปลไทยว่า "ทำให้ง่ายเข้าไว้" "เทรดเท่าที่เห็นสิฟร่ะ" เพราะกราฟเปล่าๆเนี่ยแหละคือข้อมูลจริงๆที่กำลังบอกเรา ราคาได้บอกทุกอย่างแล้ว มันคือข้อมูลเพียวๆ คือสิ่งที่ผู้คนในตลาดกำลังบอกคุณ
------------------------

3.Higher timeframes - เล่นภาพใหญ่ ลดความผันผวน มีเวลาไปใช้ชีวิต

ภาพเล็กนั้นมีสัญญาณหลอก มีความผันผวนมาก ถึงแม้ระบบเล่นสั้นจะกำไร แต่ก็ต้องทำงานหนักกว่าการเล่นภาพใหญ่ แล้วก็จะเกิดความคิดประมาณว่า

"พอเล่นภาพใหญ่ขึ้นเล่นง่ายขึ้น มีเวลาไปใช้ชีวิตมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น นี่แหละคือเหตุผลที่เราเข้าตลาดมา"

ทุกไทม์เฟรมนั้นมีลักษณะเฉพาะของมัน และก็ต้องใช้ทักษะการเทรดท่ี่เฉพาะ เมื่อเราเทรดภาพใหญ่ขึ้นก็ต้องเจอกับอารมณ์ที่ต่างออกไป ถ้าเราใช้อารมณ์ในการเทรดและไม่สามารถอดทนรอได้ การเทรดภาพใหญ่ที่ต้องรอสัญญานคอมเฟิมซื้อเป็นสัปดาห์ ถือหุ้นข้ามหลายๆวัน ต้องทนต่อความผันผวนของพอร์ตอย่างใจเย็น ทั้งหมดนี้จะเป็นปัญหาใหม่ของเราแน่นอน
-------------------------

4.Fundamentals - เข้าใจบริบทของการเทรด

ขั้นต่อมาเทรดเดอร์จะเริ่มหาอ่านบทความใหม่ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจ พยามที่จะเข้าใจอารมณ์ของตลาด หาว่าอะไรคือปัจจัยที่ขับเคลือนตลาด

ในขั้นของปัจจัยพื้นฐานนี้ค่อนข้างสั้น เพราะเทรดเดอร์จะรู้ตัวทันทีว่า การจะเข้าใจข้อมูลพื้นฐานนั้นยากมากๆ มันไม่ง่ายเหมือนการเทรดเลย แค่เห็นจำนวนข่าวสารที่ออกมาแต่ละวันก็ปวดหัวแล้ว
-------------------------

5.Automation - เทรดแบบออโต้ ใช้ระบบ ใช้หุ่นยนต์ เพื่อตัดอารมณ์

การใช้ Robot trading ให้เทรดตามกลยุทธ์เราแบบอัตโนมัติน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตัดอารมณ์ส่วนตัว ไม่ใช้สัญชาตญาณ ซึ่งมักเป็นสาเหตุที่เราเทรดไม่ประสบความสำเร็จ

แต่เทรดเดอร์มักจะดูถูกตลาดเกินไป ตลาดนั้นมีปัจจัยต่างๆที่ไม่เคยเหมือนเดิมเสมอ ตลาดการเงินนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลาดเวลา มีเกิดทั้งช่วงที่เป็นแนวโน้มแและไม่เป็นแนวโน้มเคลือนที่อยู่ในกรอบ มีช่วงที่ความผันผวนต่างๆกัน ตลาดมีช่วงที่ที่มีพฤติกรรมต่างๆกันไป เครื่องมือที่ใช้ก็ตอบสนองต่างกัน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของการใช้ robot trade เทรดเดอร์นั้นต้องคอยตรวยสอบค่าต่างๆและปรับปรุงระบบอยู่เสมอ

-----------------------
6.Back-testing - อะไรคือข้อผิดพลาดในอดีต

หลังจากหัวเสียจากการลองมาหลายอย่าง ไม่เห็นพัฒนาการของการเทรดเลย พอร์ตไม่ไปไหนสักที เทรดเดอร์เริ่มทำการ backtest ทดสอบไอเดียการเทรดต่างๆย้อนหลัง ก่อนที่จะลงเงินก้อนใหม่ เทรดเดอร์ต้องการทำให้แน่ใจก่อนว่า ระบบที่จะใช้มีโอกาสจะทำกำไรได้อย่างน้อยก็ในทางทฤษฎี

การทดสอบย้อนหลังคล้ายๆกับการ auto trading ประเมินการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่ำเกินไป การทดสอบย้อนหลังนั่นไม่มีอารมณ์ ไม่ต้องอดทนรอ ไม่มีความรู้สึกกดดันเหมือนกับการเทรดเงินจริงๆ ไม่ได้เห็นบริบททั้งหมดของตลาด การทดสอบย้อนหลังแทบจะทั้งหมดไม่สามารถเอามาใช้เทรดจริงๆให้สำเร็จได้เลย
-----------------------
เมื่อครบรอบวัฏจักร
...................
• Giving up - ยอมแพ้

เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เข้ามาในวงจรนี้แล้วก็ยอมแพ้ไป จากการศึกษาข้อมูลของรายย่อยที่เข้าตลาดมา พบว่า40% นั้นออกจากตลาดไปหลังจากเข้ามา 1 เดือน แล้ว 80%ของที่เหลือออกจากตลาดไปหลังครบ2ปี

..................
• เข้าสู้วงจรอีกรอบ

คนที่ยังไม่เลิกเทรดและไล่ตามความฝันต่อจะกลับเข้าสู้วงจรเทรดเดอร์ ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ทุกๆครั้งเทรดเดอร์จะเริ่มปรับตัว บางขั้นอาจจะผ่านง่าย แต่ก็อาจไปติดอยู่บางขั้นนานขึ้น

..................
• หาต้นแบบมืออาชีพ หาโค้ช

เมื่อถึงจุดนึงเทรดเดอร์บางคนที่ยังอยู่ในตลาด มาถึงบทสรุปที่จะทำให้ออกจากวงจรนี้และลองหาแนวทางใหม่ๆ การเทรดที่ต้องการจะหาระบบเทพกำไรตลอด การเทรดที่คิดว่าจะต้องรวยเร็ว ทำให้หลายครั้งเทรดเดอร์แก้ปัญหาไปอีกทาง

เมื่อเทรดเดอร์หยุดที่จะเปลี่ยนระบบไปมา และเริ่มที่จะทำแผนการเทรด จดบันทึกการเทรด และใส่ใจรายละเอียดการเทรด ทำให้มันเป็นธุรกิจ เริ่มเข้าใจว่าตลาดนั้นไม่ใช่ศัตรูของเรา แต่ตัวของเทรดเดอร์เองนั้นแหละคือสิ่งที่ผิดพลาด ความเชื่อผิดๆต่างหากคือสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจผิดๆ ในที่สุดเทรดเดอร์ก็โฟกัสมุมมองสำคัญของการเทรด

...................

-- คำแนะนำสำหรับการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ --

• ใช้ทีละระบบและเลิกเปลี่ยนระบบการเทรดไปมา
• เลิกโฟกัสแต่จุดเข้าที่จะให้ผลตอบแทนสุดยอด ยังมีเรื่องอื่นๆที่มากกว่าการหาจุดเข้าซื้อ
• ยึดมั่นในหลักการบริหารเงินทุนและความเสี่ยง
• ทำตามแผนการเทรดเพื่อลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
• เริ่มต้นจดบันทึกติดตามการเทรดของตัวเอง ทำไดอารี่เพื่อหาจุดบกพร่องที่ทำให้่เราเสียเงิน
• อย่าเก็บเอาการเทรดที่ขาดทุนให้มีผลต่ออารมณ์

แล้วคุณหละติดอยู่ขั้นไหน ⁉️

เรียบเรียงโดย : คนเล่น Forex (TraderTan) 

--------------------------------


ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือชอบคิดว่า 🤔

"ปัญหาต่างๆ ในตลาดสามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียนรู้
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยเทคนิคที่ซับซ้อนและยากขึ้น "

เพื่อสร้างข้อได้เปรียบให้กับตัวเองในตลาด
ซึ่งพวกเขาก็มักจะทำได้ดีหลังจากเรียน

‼️ แต่สักพักหนึ่งพวกเขาก็จะระเบิดพอร์ตตัวเองอยู่ดีในท้ายที่สุด 💣💥

แล้วก็จะกลับเข้าไปสู่วงจรวนลูปเดิม 🌀 .ที่เชื่อว่าการเรียนรู้เพิ่มเติมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้ ✅

ทั้งๆที่ปัญหามันไม่ใช่ที่ระบบเทรดแต่ คือระบบของ #Mindset พวกเขาต่างหาก 🔅

เพราะฉะนั้นผมอยากให้เพื่อนๆ 💬 ถามตัวเองก่อนจะเสียเงินไปกับการเรียนคอร์สราคาแพงว่า คุณเข้าใจ “ตัวคุณเอง” จริงๆ แล้วหรือยัง ⁉️

ถ้าเข้าใจตัวเองแล้ว...ก็จงไปหาคอร์สเรียน เพื่อเพิ่มความรู้ และ ความเข้าใจให้มากยิ่งๆขึ้นไป 📈


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ