การใช้ Bollinger band ควบคู่ไปกับ Relative Strength Index และ Stochastic Slow ในตลาดฟอเร็กซ์
บทความนี้ได้มีเพื่อนผมคนนึงครับ บอกให้ผมช่วยหา "Indicators" ที่ใช้ควบคู่กับ Bollinger Band หน่อย
บทความนี้ได้มีเพื่อนผมคนนึงครับ บอกให้ผมช่วยหา "Indicators" ที่ใช้ควบคู่กับ Bollinger Band หน่อย
ซึ่งตอนนั้นผมก็ตอบเพื่อนคนนี้อย่างรวดเร็วไปว่า "เออ ใช้กับ Stochastic Slow ว่ะ"ซึ่งผมยังไม่ได้บอกมันเลยครับว่า"ผมไม่ได้บอกทั้งหมดว่าใช้กับ RSI ได้ด้วย"
แต่ว่าใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ Stochastic บอกสัญญาณที่เร็วกว่า Relative Strength Index (Rsi) Oscillators ที่บอกสัญญาณได้เร็วอันดับแรกก็คือ Commodity Channel Index (CCI) และรองลงมาก็คือ Stochastic สองตัวนี้จะเหมาะสมกับกราฟพักตัว หรือที่เรียกว่ากราฟไซเวย์ (Sideway) นั่นเอง
เพราะฉะนั้น : อย่าได้ใช้อินดิเคเตอร์สองตัวนี้ในการเล่นกราฟที่มีแนวโน้มไปทางเดียวเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะถูกหลอกว่ามัน Over Bought (OB = ภาวะตลาดมีแรงซื้อเยอะเกิน )ในช่วงขาขึ้น และภาวะตลาดที่มีแรงขายเยอะเกิน (Over Sold) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนตกใจ อย่าพยายามคิดว่า "มันสุดแล้วนี่หน่า Sell ดีกว่า" เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ เหนือขึ้นไปอีกก็ยังอวกาศ เหนือไปอีกก็ยังเป็นอวกาศ
เพราะฉะนั้นคุณควรจะศึกษา Elliott wave หรือหาจัดกลับตัวจากการใช้ Fibonacci กันด้วยครับ ทั้งสองสิ่งนี้มันจะทำให้เรารู้ว่ากราฟจะพักตัวตรงไหน จะกลับตัวตรงไหน สามารถพยากรณ์ช่วยเราได้
ช่วงที่มีแนวโน้มชัดเจน ถ้าเป็นขาขึ้น (Bullish) กราฟจะเกาะเส้นบน (Upper Line ) ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการพักตัว
สำหรับบทความนี้นะครับ จะเป็นเรื่อง การใช้ Bollinger Band ผมจะอธิบายตามหลักที่ผมเข้าใจนะครับ
Bollinger Band คือเส้นที่อยู่เหนือราคา และอยู่ต่ำกว่าราคา สองเส้นนี้จะเป็นกรอบที่ห้อมล้อมราคาไว้ และสามารถบอกเราให้รู้ว่า "ราคาควรจะอยู่ในช่วงไหน" ซึ่งนี้แหระครับ คือความมหัศจรรย์ของมัน หลายคนอาจจะมีมองข้ามสิ่งที่ง่ายๆไป สิ่งที่สามารถทำกำไรได้ โดยที่ไม่รู้ว่า "พื้นฐานนี่แหระครับ"
เป็นสิ่งที่ดี (Basis(c) is the best ) โบลินเจอร์แบนจะประกอบด้วยทั้งหมด 3 เส้น ในกรณีที่อยู๋ในกราฟ MT4 นะครับ
Bollinger band ประกอบด้วย
สำหรับบทความนี้นะครับ จะเป็นเรื่อง การใช้ Bollinger Band ผมจะอธิบายตามหลักที่ผมเข้าใจนะครับ
Bollinger Band คือเส้นที่อยู่เหนือราคา และอยู่ต่ำกว่าราคา สองเส้นนี้จะเป็นกรอบที่ห้อมล้อมราคาไว้ และสามารถบอกเราให้รู้ว่า "ราคาควรจะอยู่ในช่วงไหน" ซึ่งนี้แหระครับ คือความมหัศจรรย์ของมัน หลายคนอาจจะมีมองข้ามสิ่งที่ง่ายๆไป สิ่งที่สามารถทำกำไรได้ โดยที่ไม่รู้ว่า "พื้นฐานนี่แหระครับ"
เป็นสิ่งที่ดี (Basis(c) is the best ) โบลินเจอร์แบนจะประกอบด้วยทั้งหมด 3 เส้น ในกรณีที่อยู๋ในกราฟ MT4 นะครับ
Bollinger band ประกอบด้วย
1. Upper Line เส้นบนสุด
2. Middle Band เส้นกลาง
3. Lower Line เส้นล่างสุด
เส้นกลาง Middle Band ผมจะเรียกมันว่า เส้น Pivot จะใช้เป็นจุดกึ่งกลางของช่วงที่ราคาเคลื่อนที่ โดยกฎทั่วไปของ Bollinger band ผมจะพิจารณาเป็นสองช่วงนะครับ
ช่วงแรกคือกราฟวิ่งทางเดียว หรือที่เรียกว่า กราฟมีแนวโน้มที่ชัดเจน และช่วงที่สองคือ ช่วงกราฟวิ่งขึ้นวิ่งลงเป็น Flat (ขนานในแนวระนาบ) หรือที่เรียกว่ากราฟ Sideway (เหมาะมากกับการใช้โบลินเจอร์แบน)
เรามาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ
สภาวะขาขึ้น Bullish
- เมื่อกราฟพักตัวแล้วราคามีการปรับตัวลงมา แต่ราคาไม่สามารถทะลุเส้น Middle Band ไปได้ นั่นหมายความว่า ราคายังจะคงขึ้นต่อไปจนกว่าจะไปชนเส้นบน Upper Line อีกครั้ง
- แล้วจุดกลับตัวดูยังไง : จุดกลับตัวก็ดูจากราคาปิดของแท่งเทียน ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งมันเอง นั่นหมายความว่า แนวโน้มของกราฟกำลังจะกลับตัวลงมาที่เส้น Middle Band อีกครั้ง
- แล้วเราจะใช้กับ Time frame ไหน จึงจะเหมาะสมที่สุด : Time Frame หรือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าเล่นสั้น (Short term Trading) หรือเส้นยาว (Long Term Trading) ถ้าเล่นสั้นๆ ก็ใช้ Tf 5 15 นาที แต่ถ้าเล่นยาวๆ ก็ควรจะใช้ มากกว่า 1 H แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมใช้กับกราฟ 30 นาที ถือว่าเหมาะสมกับผมที่สุด
ต่อไปเรามาดูสภาวะที่เป็นขาลง Bearish กันบ้างครับ
สภาวะขาลงก็ตรงกันข้ามกับขาขึ้น แต่สภาวะขาลงจะเล่นสนุกกว่าขาขึ้น เพราะลงมากกว่าขึ้น และใช้เวลาน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนรอเล่นเฉพาะขาลง เพราะมันได้กำไรเร็ว
สภาวะขาลงก็ตรงกันข้ามกับขาขึ้น แต่สภาวะขาลงจะเล่นสนุกกว่าขาขึ้น เพราะลงมากกว่าขึ้น และใช้เวลาน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนรอเล่นเฉพาะขาลง เพราะมันได้กำไรเร็ว
- ถ้าราคาเกาะเส้นล่าง Lower Line ไปเรื่อย แสดงแนวโน้มของขาลงยังคงไปต่อ และยังไม่จบอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งของแท่งมันเอง เป็นสัญญาณบอกได้ชัดเจนว่าลงต่อ อย่างแน่นอน
- เมื่อราคามีการพักตัวราคาจะดีดกลับมาที่เส้น Middle Line แต่โดยส่วนมาก ราคามักจะไม่ผ่านเส้นกึ่งกลางนี้
- เมื่อราคาเกิดการพักตัวจะ Side way ไปหาเส้น Middle Line แล้วเมื่อไปชนเส้นนี้ แล้วมีแท่งเทียนขาลงเกิดขึ้น แสดงว่าแนวโน้มยังคงลงต่อไปและไปหาเส้นล่าง(Lower Line ) เสมอ
- แล้วจุดกลับตัวล่ะ ดูยังไง : จุดกลับตัวก็ดูตรงข้ามกับกราฟขาขึ้น จุดกลับตัวของกราฟขาลง ถ้าราคาทะลุเส้นโบลินเจอร์แบนลงไปแล้ว เด้งกลับขึ้นมาแล้วลักษณะของแท่งเทียนแสดงเป็นลักษณะ โดจิ ค้อน หรือดูราคาปิดก็ได้ ถ้าราคาปิด ปิดสูงกว่ากึงกลางของแท่ง ก็แสดงว่า เริ่มจะกลับตัว
- ช่วงที่สอง กราฟวิ่งขึ้นวิ่งลง หรือเรียกกันว่ากราฟไซด์เวย์ นั่นเอง
กราฟไซเวย์ดูง่ายครับ ถ้าใช้ Bollinger Band ลักษณะของโบลินเจอร์จะเป็นช่องขนานไปกับแนวระนาน โดยที่ - เส้นบนจะกลายเป็นแนวต้านทันที นั่นหมายความว่า ถ้าราคาขึ้นไปแล้วไม่ผ่าน มันก็จะวิ่งลงมาหาเส้นล่าง แล้วถ้าไม่ผ่านเส้นล่าง ก็ขึ้นไปหาเส้นบน จะเป็นแบบนี้ตลอด
- แล้วมันจะแบบนี้ตลอดเลยเหรอ : มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะช่วงไซย์เวย์หนักๆเท่านั้น โดยส่วนมาก จะไม่เกิน 3 Top 3 Bottom ถ้าเกินคือกราฟเริ่มสะสมแรงเพื่อไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- แล้วมีจุดสังเกตมั้ยว่ากราฟกำลังสะสมกำลังจะพุ่ง : ดูง่ายๆเลยครับ ถ้าโบลินเจอร์แบนลู่เข้าหากัน หมายความว่า เป็นลักษณะคอคอด หรือขอขวดนัั่นแหระ ให้้เตรียมพร้อมไว้เลย ว่ากราฟจะกำลังจะไปในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง
มาดูกันต่อนะครับ ว่า Bollinger band มีวิธีใช้อย่างไร
1.) Up Trend ชนขอบบนแล้วทะลุ และราคาเกาะเส้น Upper Line ไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า UpTrend Strong แนวโน้มขาขึ้นยังคงไปได้เรื่อยๆ
ดูรูปตัวอย่างด้านล่างครับ
1.) Up Trend ชนขอบบนแล้วทะลุ และราคาเกาะเส้น Upper Line ไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า UpTrend Strong แนวโน้มขาขึ้นยังคงไปได้เรื่อยๆ
ดูรูปตัวอย่างด้านล่างครับ
2.) DownTrend ชนขอบล่างแล้วทะลุขอบล่างลงมา เมื่อราคาเกาะขอบล่างลงมา ราคาจะไปต่อได้เรื่อยๆ วิธีสังเกตคือ ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนปิดใกล้กับเส้นขอบล่าง นั่นหมายความว่า แนวโน้มลงยังคงดำเนินต่อไป และแนวโน้มขาลงมักจะเคลื่อนที่แบบต่อเนื่อง และรวดเร็วกว่าแนวโน้มขาขึ้นมากๆ
ดูตัวอย่าง แนวโน้มขาลงจาก Bollinger band กันเลยครับ
3.) Sideway เมื่อราคาไซด์เวย์ โบลินเจอร์แบนจะเคลื่อนตัวขนานราบ (Flat) หลักการเทรดด้วย Flat แบบนี้ก็คือ เมื่อราคาชนขอบบนแล้วมีแท่งเทียนกลับตัว ให้เปิดออเดอร์ Sell ทันที และเมื่อราคาชนขอบล่างแล้วมีแท่งเทียนกลับตัวขึ้นไป ให้เปิดออเดอร์ Buy ทันทีครับ ดังรูปตัวอย่างด้านล่าง
ด้านบนเป็นตัวอย่างการเข้าซื้อ ขายโดยใช้ Bollinger Band นะครับ จากรูปดูเหมือนง่ายนะครับ เพราะว่ามันเป็นกราฟย้อนหลัง การดูสัญญาณเพียวๆจากโบลินเจอร์แบนตัวเดียวค่อนข้างจะยากนิดนึงครับ เราต้องอาศัยดูแท่งเทียนตอนกลับตัวด้วย แต่อินดี้ตัวนี้จะเหมาะกับพวกชาวสวนมากกว่า เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องหาอินดิเคเตอร์อีกตัวเพื่อเป็นตัวกรองสัญญาณอีกทีครับ เพื่อใช้ร่วมกับ Bollinger band
Indicator ตัวแรกที่ใช้กับ Bolinger band คือ Relative Strength Index (RSI) ; RSI เป็นตัวชี้วัดที่บอก Overbought ( Above 70 ) และ OverSold (Below 30) และ Pivot (50 level)
- RSI อยู่เหนือ Level 70 ; แบบนี้บ่งบอกว่าราคาได้ขึ้นมากแล้ว และกำลังจะกลับตัว ดูกราฟเลยครับ
- Rsi อยู่ต่ำกว่า Level 30 ; ถ้า Rsi บ่งบอกแบบนี้หมายความว่า ราคาได้ลงมามากแล้ว และพร้อมที่จะกลับตัวขึ้นไปอีกครั้ง ดูภาพด้านล่างประกอบเลยครับ
จากรูปเห็นมั้ยครับ Rsi เกิด Oversold แล้วขณะที่ราคาแท่งเทียนทะลุขอบล่างแล้วกลับตัวขึ้นไปอีก แบบนี้ให้เราสังเกตไว้เลยครับ ว่าถ้า Rsi เกิด Oversold แล้วมีแท่งเทียนกลับตัว ให้เราเตรียมตัวเปิดออเดอร์ Buy ได้เลยครับ แล้วตั้ง Stop Loss ไว้ที่ Low ของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น
- RSI ที่ Level 50 (Pivot) โดยส่วนมากนะครับ Level 50 นี้ จะมีสำคัญมาก เทรดเดอร์บางท่านใช้ Level 50 นี้แหระครับ ในการตัดสินใจเทรด ถ้าทะลุ Level 50 ขึ้นไปก็ Buy ตาม แต่ถ้า Rsi ทะลุ Level 50 ลงมา ก็ Sell ตาม ดังรูปด้านล่างครับ
การใช้ Bollinger Band ควบคู่กับ RSI ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำกำไรได้ง่าย แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรานะครับ บางครั้งผมเห็นสัญญาณกลับตัว ก็ยังไม่กล้าเข้าเลย ก็เพราะความกลัวนี่แหระครับ ทำให้พลาดโอกาสหลายๆครั้ง เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์ควรจะชนะความกลัวของตัวเองก่อนนะครับ จึงจะประสบความสำเร็จจากการเทรด
Credit:www.thaiforexschool.com
Upaphelemchi Monica Diaz Here
ตอบลบtisbirthtesfilt