กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ StoryTrade

บทความ

แต่ข้างในไม่ผ่านก็รักษาสิ่ งที่หามาไว้ไม่ได้ . ผมจะพูดถึงสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่เรียกได้ว่า 60-70% เลยทีเดียวที่แม้แต่จะไม่มี ทักษะ แต่มีสิ่งนี้ก็ทำกำไรได้ นั่นคือ mindset นั่นเอง . แน่นอนว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ ้าหากว่าคุณจะเป็นมือใหม่หร ือมือเก่าที่หลงทางไปมี mindset นึกถึงวิธีการที่จะได้กำไรเ ป็นหลักของ mindset และคุณก็แปลกใจว่า วิธีนี้ที่เรียนมามันก็ทำกำ ไรได้ แต่ทำไมมันขาดทุนซะมากกว่าใ นตอนหลัง . หรือ วิธีนี้คนอื่นทำกำไรได้เยอะ มากๆแต่เราทำไม่เห็นได้ ต่างๆนาๆ หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจtเป็น EA ที่ backtest ออกมากำไรดีงามๆเอย EA ที่รันบน myfxbook กำไรมา 2-3 เดือนละพอเราเอามั่งมันดันล ากพอร์ตติดลบเอย หรือเทคนิคอล เทรนไลน์ MAตัดกัน BB MACD หรือ อะไรก็ตามต่างๆนาๆ ที่เราเรียนมาจากคนที่เขาบอ กว่าเขาทำกำไรได้ด้วยวิธีนี ้ แถมเอาพอร์ตมาโชว์เราด้วย มีหลักฐานนะ ไม่ได้โม้ขึ้นมาสักหน่อย แต่พอเราเอามาใช้บ้าง ทำไมมันขาดทุนละเนี่ย!!! สุดงง . ก่อนจะไปเรื่องกระบวนการเทร ดซึ่งก็คือสิ่งที่กล่าวไปด้ านบน ผมขอถามว่าวันนี้ mindset คุณแน่นพอหรือยัง ? อันดับแรกตัดไปได้เลย "วิธีไหนได้กำไรเอาอันนั้น"  หร
ผมจะพาไปรู้จักในฉบับเข้าใจ ง่ายและแทบไม่มีใครสอนเรื่อ งนี้กัน . leverage คือการซื้อ "สินค้า" ด้วยการกู้เงินจากผู้ให้กู้ . ทำไมต้องกู้? . ก็เพราะเราเงินไม่พอจึงต้อง กู้ จุดประสงค์ที่กู้มาซื้อสินค ้านั้นๆ ก็เพราะว่า เราคิดว่าราคาของมันจะขึ้นส ูงกว่าเดิม เป็นเหตุให้เราได้กำไรนั่นเ อง . ยกตัวอย่างง่ายๆเลยคือ... . ผมมีเงิน 1 บาท จะซื้อของมูลค่า 100 บาท ซึ่งเงิน 1 บาทไม่มีทางซื้อได้อยู่แล้ว แต่ผมไปทำข้อตกลงกับ นายA ที่เป็นโบรค ว่าขอยืม 99 บาท ได้มั้ยจะเอาไปเก็งกำไรเดี๋ ยวเอามาคืน นายA ก็ตกลง แต่มีเงื่อนไขคือ ถ้าของมูลค่า 100 บาทนั้น ราคาลงมาถึง 99 บาทเมื่อไหร่(มูลค่ากลับมาเ ท่าต้นทุนที่นายAให้ยืมไป) ห้ามถือต่อละนะ นายA จะบังคับขายที่ราคา 99 และเอาตัง 99 บาทคืน . ซึ่งสรุปได้ว่า เราซื้อสินค้าราคา 100 บาท แต่สามารถขาดทุนได้สูงสุด 1 บาทเท่านั้นตามข้อตกลงกับคน ที่ยืมตัง เท่ากับถ้าราคามันขึ้นไป 102 บาท เราก็ได้กำไรมาฟรีๆ 2 บาท+ทุนเรา 1 บาท แล้วคืน 99 บาท ให้นายA ไป . หรือ ราคาสินค้าลงไปเหลือ 99 บาท ก็จะถูกนายA บังคับขายตามสัญญาทันที นายA จะไม่รอให้ราคาวิ่งไปมากกว่ านี้หรือแม้เราจะขอร้องเ
การไม่ตั้ง stoploss ,ความผันผวน ,ช่วงข่าว อะไรทำนองนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูก ต้องครับที่เราควรจะกังวล . แต่วันนี้ผมจะมาพูดถึงสิ่งท ี่เราควรกังวลเป็นอันดับต้น ๆเลยและสำคัญมากๆสำหรับการท ี่เราจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประ สบความสำเร็จได้ คือ "จิตใจเรา" . ทำไมผมถึงพูดเรื่องนี้ หลายๆคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่ องง่าย เพราะแค่ควบคุมไม่ให้เรากลั วที่จะตัดขาดทุนหรือทำให้จิ ตใจนิ่งเวลาเทรดก็พอแล้ว . ผมจะบอกว่าจริงๆมันมีมากกว่ านั้น และลึกซึ่งกว่านี้อีกมาก และสิ่งที่เป็นตัวปัญหาที่ส ุดไม่ใช่ความกลัวของเรา แต่เป็น "อีโก้" ของเรานั่นเอง . ที่จะพาเราไปสู่หายนะของการ ทำพอร์ตพังด้วยการทำลายตัวเ อง . .......................... .......................... ....................... . ผมขอพูดในเรื่องของจิตใจก่อ น . อันดับแรก : ไม่ใช่ว่าเทรดเดอร์จะเป็นคน ที่ไร้ความรู้สึก เราควรเข้าใจธรรมชาติของตัว เรา ว่าเราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาค นหนึ่ง การที่จะฝืนให้ไม่รู้สึกอะไ รเลยนั้นเป็นเรื่องที่หินเอ าเรื่อง สิ่งที่เราควรฝึกคือ การรับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้ นตรงหน้าอย่างมีสติ ไม่ตื่นตระหนก และรู้วิธีรับมือกับสถา
หลายๆคนมีปัญหาในการเทรดมาก มายหลายเรื่อง แต่ 1 ในเรื่องที่เราจะหยิบมาพูดใ นวันนี้ก็คือ " การเทรดที่ไม่เข้ากับชีวิตป ระจำวัน " . หลายครั้งที่ พอเฝ้าจอแล้วราคาไม่เข้าจัง หวะของเรา หรือ จังหวะของเราดันมาตอนที่กำล ังทำงาน ,ประชุมอยู่ เลยเข้าไม่ทัน บางจังหวะต้องเฝ้าราคา แต่ดันมีเรื่องที่ต้องไปทำเ ลยเฝ้าไม่ได้ พอเฝ้าไม่ได้จากกำไรก็กลายเ ป็นขาดทุนซะงั้น ??? จนหลายๆคนถึงกับท้อและออกจา กวงการไปเลย ทั้งๆที่กะจะมาหาเป็นรายได้ เสริมแท้ๆ . ต้องบอกอย่างนี้นะครับ การเทรดไม่ได้จำเป็นต้องเฝ้ าจอเสมอไป . ไม่มีเวลาเฝ้าจอ ก็สามารถเทรดได้ ที่เรารู้สึกว่าเทรดไม่ได้ถ ้าไม่เฝ้า อาจจะเป็นเพราะเราติดตามเทร ดเดอร์คนที่เขาทำเป็นอาชีพ เขาเลยเทรดสไตล์ที่ต้อง focus ที่ราคาตลอด แล้วเรากะว่าจะเทรดแบบเขา พอเอามาทำจริงเลยทำไม่ได้ หรือเปล่า ??? . การเทรดที่จะไปกับชีวิตเราไ ด้ มันจะต้องเริ่มจากตัวเราที่ ค้นหา หรือ ออกแบบระบบการเทรดที่สามารถ ไปกับชีวิตประจำวันเราได้ . เช่น เราทำงาน 9 โมงเช้า - 5โมงเย็น เราก็อาจจะไม่มีเวลาเฝ้ามาก นัก . อาจจะแบ่งเวลาเป็นช่วงเวลา 2 ทุ่ม หลังกลับบ้านและทำกิจกรรมต่ างๆเสร็จแล้ว ก็เทรด