กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Olymp Trade Live

บทความ

ปัญหาของ #นักลงทุน (เทรดเดอร์มือใหม่) ⁉️  1.) ข้อจำกัดด้าน “เวลา”⏰ : แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “เทรดเดอร์มือใหม่” แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ที่เป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา (Full-Time Trader) และถึงแม้จะเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา แต่ในบางครั้งก็อาจจะมีธุระที่ต้องไปจัดการ จึงทำให้ไม่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เทรด #Forex  หรือ #Option แบบเก็งกำไรไว้ในพอร์ต ก็ต้องวางแผนประเมินการลงทุนล่วงหน้า ไม่อย่างนั้น ก็อาจเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ ⛔️ 2.) ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย : ภาวะตลาดค่าเงินไม่ได้เหมาะสมสำหรับการเก็งกำไรเสมอไป บางครั้งถ้าดัชนีแกว่งตัวแคบ ไร้ปัจจัยใหม่สนับสนุนเป็นระยะเวลานาน ก็ยากที่จะเข้าไปเก็งกำไร ดังนั้นหลายๆครั้ง เทรดเดอร์จึงมักจะใช้โอกาสแบบนี้ พักร้อนหยุดเทรดยาว เพื่อชาร์ตแบต รอจังหวะตลาด 3.) ความเฉียบคมของการตัดสินใจที่อาจลดลงตามเวลา : เมื่อเทรดต่อเนื่องยาวนานหลายปี เทรดเดอร์ต่างก็ยอมรับว่า “ความเฉียบคม” ในการประเมินค่าเงิน และภาวะตลาด อาจเริ่มลดทอนลงบ้าง เช่น อาจจะด้วยปัจจัยด้านวัย และ ปัญหาสุขภาพ ฯลฯ #เทรดเดอร์ สามารถหาทางออก
กลยุทธ์ Momentum คืออะไร ⁉️ . Momentum คือตัวออสซิลเลเตอร์ (การกลับตัว)  ซึ่งช่วยในการกำหนดทิศทางของราคาและหาจุดกลับตัวของเทรนด์ได้ . วิธีการทำงานของอินดิเคเตอร์นี้ . ไปที่ตัวบ่งชี้ > Momentum ตัวอินดี้นี้เวลาเทรด เราจะไม่เทรดตามโซน Over Bought หรือ Over Sold ใดๆนะครับ ถึงแม้จะเป็น Oscillator ก็เถอะ ‼️ . วิธีเทรด เข้า Order ตามเงื่อนไข ดังนี้ครับ 👇 . 1.) กรณี Buy เมื่อเส้น Momentum ตัดเส้น MA ขึ้น ให้ทำการกดขึ้น ด้วยระยะเวลา 5 นาที ⏰↗️ . 2.)  กรณี SELL เมื่อเส้น Momentum ตัดเส้น MA ลง ให้ทำการกดลง ด้วยระยะเวลา 5 นาที ⏰↘️ . เรียบเรียงโดย: #TraderTan
ภาพรวมของแท่งเทียนแบบ Pinbar รูปร่างของ pinbar มีขนาดเล็ก มีเงาหนึ่งเงา ที่ยาวอย่างน้อยสองในสามจากความยาวแท่งเทียน อีกด้านหนึ่งของแท่งเทียนมีไส้เทียนสั้นหรืออาจจะไม่มีไส้เทียนเลย แท่งเทียน แบบ pinbar ปรากฏพร้อมกับแนวโน้มและการปรากฎตัวของมันบอกเกี่ยวกับการย้อนกลับของแนวโน้ม พวกมันมีค่ามากในตอนที่ตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้ม Bullish Pinbar Pinbar สามารถเป็นได้ทั้ง bullish หรือ bearish ตัว bearish pinbar จะมีไส้เทียนยาวและชี้ลง มันก่อตัวขึ้นเมื่อผู้ขายทำการกดราคาและทำให้แนวโน้มอ่อนกำลังลง จากนั้นพวกกระทิงก็เข้ามาและทำให้ราคาสูงขึ้น ดังนั้นแท่งเทียนรูปแบบ pinbars จึงเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังมา เพราะฉะนั้น คุณต้องวางคำสั่งซื้อ Bearish Pinbars Bearish pinbar จะมีไส้เทียนนยาวและชี้ขึ้น คุณจะเจอกับพวกมันได้ในช่วงแนวโน้มขาขึ้นผู้ซื้อพยายามทำให้ราคาขึ้น และผู้ขายก็เข้ามาและทำให้ราคาลดลง เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็น bearish pinbar มันอาจหมายถึงความอ่อนกำลังของแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงไปเป็นแนวโน้มขาลง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณต้องเปิดตำแหน่งขายที่นี่ XNUMX วิธีในการ
👏สวัสดีครับเพื่อนๆชาวเทรดเดอร์ทุกท่าน...บทความนี้ผมจะเขียนแนวทางการทำกำไรด้วยการเทรด Option แบบ  Scalping Trade  👨‍💻 วีธีการเทรด ให้เพื่อนๆเปิดหน้าต่างแพลทฟอร์มเทรดขึ้นมาครับ กดปุ่ม ➕ มุมซ้ายบน 🗯️ให้เพื่อนๆสังเกตุคู่เงินที่มีเปอร์เซ็นต์การเทรดระหว่าง 70% - 80%  เอาแค่นี้พอ...เลือกมาสักคู่เงินนะครับ...ถ้าเลือกเปอร์เซ็นต์มากกว่า 80% ขึ้นไป มันจะให้เราขายออร์เดอร์น้อยมาก ตัวอย่าง : ผมเลือก USD NOK🇺🇸🇳🇴 ผมตั้งเวลาซื้อขายที่ 5 นาที เปอร์เซ็นต์ 80% 🔥ผมจะรอปิดออร์เดอร์โดยการขายทิ้งก่อนเวลาหมด ผมใช้แค่ 35 วินาที ในการปิดออร์เดอร์ ได้กำไรไป 9$ ประมาณ 300 บาท ✅ ‼️หากเพื่อนๆไม่เข้าใจผมมีวิดีโอที่ผมทำไว้มาสอนเพื่อนๆครับ Live   Facebook 
สวัสดีครับ! ผมอยากจะแนะนำเพื่อนๆเกี่ยวกับ ตัวบ่งชี้ พาราโบลิค SAR เราจะอธิบายว่าคืออะไรและใช้อย่างไรสำหรับการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พาราโบลิค SAR คืออะไร? พาราโบลิค SAR คือตัวบ่งชี้ที่ตามดูเทรนด์และระบุจุดกลับตัวในช่องราคา SAR หมายถึง “การหยุดและกลับตัว” โดยภาพแล้ว จะมีรูปแบบในลักษณะของจุดหลายจุดที่จะอยู่เหนือหรือด้านใต้ของแผนภูมิราคา การตั้งค่าตัวบ่งชี้ ก่อนอื่น สลับไปที่แผนภูมิแท่งเทียนญี่ปุ่น คุณสามารถตั้งระยะและสีของจุดตัวบ่งชี้ได้ สำหรับระยะ เราแนะนำให้คงไว้ซึ่งค่ามาตรฐาน – 0.02 หากคุณเพิ่มค่าขึ้น ตัวบ่งชี้จะให้สัญญานเพิ่มขึ้น แต่ความแม่นยำจะลดลง หากคุรลดค่าลง สัญญาณจะแม่นยำขึ้น แต่จะมีจำนวนลดลง ยิ่งระยะของตัวบ่งชี้ยาวเท่าไร เวลาหมดอายุก็ต้องมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งจุดพาราโบลิค SAR อยู่ห่างจากแผนภูมิเท่าไร เทรนด์จะยิ่งมั่นคง ยิ่งจุดอยู่ใกล้ มีความเป็นไปได้สูงว่าเทรนด์จะกลับตัว พาราโบลิค SAR ให้สัญญาณที่แม่นยำเฉพาะในกรณีที่เทรนด์ของตลาดมีความแข็งแรง ฉันจะอ่านค่าสัญญาณ พาราโบลิค SAR ได้อย่างไร? คุณสามารถใช้พา
ทำอย่างไรดีเมื่อตลาดแกว่งในกรอบแคบ? หลายคนคงหนักใจ ไม่รู้จะเทรดอย่างไร? ลอง Olymp Trade DeMarker สิ เมื่อตลาดไม่มีแนวโน้มขึ้น หรือลงที่ชัดเจน แต่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ (Flat or Sideway) ซึ่งถ้าเทียบแล้วการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ที่เป็นแนวโน้มขึ้น-ลง ชัดเจนนั้นมีน้อยมากกว่าไซต์เวย์ ปกติแล้วการเคลื่อนที่ของทุกสินทรัพย์บนแพลตฟอร์ม  Olymp Trade  หลังจากการเคลื่อนที่ด้วยแนวโน้มขึ้นหรือลงที่ชัดเจน สินทรัพย์มักมีการพักตัว ก่อนจะเคลื่อนตามแนวโน้มต่อหรือก่อนกลับแนวโน้ม ซึ่งเทรดเดอร์จำเป็นต้องหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวในขณะนั้นของตลาด ออสซิลเลเตอร์  (Oscillator) เป็นตัวบ่งชี้ที่เหมาะในการใช้เทรดขณะที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ โดยนักวิเคราะห์การเงินของ Olymp Trade จะแนะนำอีกหนึ่งออสซิลเลเตอร์ยอดนิยมที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้ คือ    ตัวบ่งชี้ DeMarker ซึ่งถูกพัฒนาโดย Tom DeMark ซึ่งคำนวณด้วยสูตรนี้ DeMarker = ค่าเฉลี่ย DeMax / (ค่าเฉลี่ย DeMax + ค่าเฉลี่ย DeMin)  โดย DeMax : (ราคาปัจจุบันสูง) – (ราคาสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้า) ถ้าค่าไม่เกิน 0 จะเป็น 0 เสมอ DeMin : (ราคาต่ำสุดของช่วงเวลาก่อ
ดัชนี Relative Strength Index คือหนึ่งในดัชนีที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ดัชนีนี้อยู่ในกลุ่มของออสซิลเลเตอร์เรียกว่าดัชนีโมเมนตัม ออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ให้สัญญาณที่ต้านกับเทรนด์ในช่องด้านข้าง ดัชนี RSI ใช้งานเป็นดัชนีเทรนด์โดยอัลกอริทึ่มการเทรดบางตัวเช่นกัน โดยดัชนี RSI แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งราคาปัจจุบันในสามโซน ได้แก่ โซนที่มีการซื้อมากเกินไป (overbought) ช่องการเทรด หรือในโซนที่มีการขายมากเกินไป (oversold) การตั้งค่า การตั้งค่าเริ่มต้น โซนที่มีการซื้อมากเกินไปจะเป็นระดับบนดัชนีเหนือเส้น 70% และโซนที่มีการขายมากเกินไปจะอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า 30% โดยตัวแปรหลักของสูตรการคำนวณ RSI คือกรอบเวลาซึ่งตั้งค่าอยู่ที่ 14 กรอบเวลานี้สามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้ตามความจำเป็น (ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดหรือความผันผวนของตลาด) ยิ่งกรอบเวลานานเท่าใด ดัชนียิ่งมีความเฉื่อยมากขึ้นแต่ดัชนีก็สูญเสียค่าความอ่อนไหวต่อการเคลื่อนที่ของราคาอีกด้วย การตั้งค่าที่แนะนำสำหรับกรอบเวลาอยู่ที่ 5.14 และ 21 จุดเข้าตำแหน่ง การหาจุดเข้าตำแหน่งซื้อขายโดยการใช้งานดัชนี RSI มีหลายวิธี หนึ่งในจุดเข้าตำแหน่งที
Oscillator Williams %R  – คิดค้นโดยเทรดเดอร์ชาวอเมริกา  Larry Richard Williams ประวัติของเขาไม่ธรรมดาเลย วิลเลียมชนะการแข่งขัน  World cup championship of future trading  จาก  Robbin trading   company  โดยสามารถสร้างกำไร 10,900% จากเงินลงทุนเพียง 10,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 1,100,000 ดอลลาร์ วิเลียมยังเป็นผู้คิดค้น  ultimate oscillator, COT indices  และตัวบ่งชี้อีกมากมาย ภายในเพียงหนึ่งปีเท่านั้น และแน่นอนว่าตัวบ่งชี้  “Williams %R” มีอยู่บนแพลตฟอร์ม  Olymp Trade องค์ประกอบของ Williams%R ประกอบด้วย period ซึ่งสามารถเลือก เป็นทั้ง เส้น, พื้นที่, จุด และฮิสโตแกรม ค่ามาตรฐานของ period คือ 14  โดยมีสูตรคำนวณดังนี้ % R = ( จุดสูงสุด-ราคาปิด)/(จุดสูงสุด-จุดต่ำสุด) -100 หมายเหตุ : ซึ่งปกติใช้จุดต่ำสุดและจุดสูงสุดในช่วงเวลา 14 วัน ยังมีการแบ่งโซนใช้ระดับตั้งแต่ 0 ถึง -100 โดยแบ่งเป็น ระดับตั้งแต่ -20 ถึง 0 คือ overbought ระดับ ต่ำกว่า -80 ถึง -100 คือ oversold อีกทั้งยังมีเส้น -50 ไว้บอกความแรงของแนวโน้ม หากเส้น %R เคลื่อเหนือระดับ -50 หมายถึงแนวโน้มขึ้นแรงกว่า แต่หากเส้น
วิธีการเทรดกับ Olymp Trade อย่างประสบความสำเร็จ: จิตวิทยาการเทรด สวัสดีครับเพื่อนๆ แทนมากับวิดีโอใหม่แล้วครับ ในวิดีโอนี้ ผมจะมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่หลักการทางจิตวิทยาสำคัญสำหรับการเทรดอย่างประสบความสำเร็จ เป็นไปได้ไหมที่จะมีความแน่วแน่และใจเย็นระหว่างการเทรดได้หรือไม่? สาเหตุที่คุณไม่ทำกำไรมีความเกี่ยวข้องกันกับอารมณ์ของคุณหรือไม่และคุณสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อก้าวข้ามอารมณ์เหล่านี้ไป ซึ่งเป็๋นกำแพงที่ขวางทางการไปสู้ความสำเร็จของคุณและมีอิสระจากอารมณ์และหาเงินออนไลน์ได้? ผมจะพยายามตอบคำถามเหล่านี้โดยละเอียด อย่าลืมเขียนลงในคอมเมนท์ ว่าเพื่อนๆทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับจิตวิทยาในการเทรด และมีคำแนะนำอะไรให้กับผู้อื่น #TanTraderThailand # เทรดเดอร์ แทน #สังเกตุ #เรียนรู้ #ทำกำไร #แชร์ เรียบเรียงโดย คนเล่น Forex
1. การวางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ(Plan your trade And Trade your plan) ในการเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่าราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ึความประสบความสำเร็จ แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย 1.1 การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด 1.2 การกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss) 1.3 การกำหนดเป้าหมายกำไร ( Target) 1.4 การวางแผนทางการเงิน ( Money Management) 1.5 การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) การจัดสรรค์การเรดให้เหมาะสม แผนการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาที่ติดลบ หรือ ใกล้จะ Call Margin ( เงินใกล้จะหมด) ไม่ต้องถูกบังคับปิด เช่น มาจิ้นของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรดหรือระบบเทรด คุณสามารถ หาได้จากเ็ว็บนี้ หรือ จาก google ลองหาแผนการเทรดที่เหมาะกับตัวของคุณ ลองทดสอบระบบ และเทรดตามระบบด้วยเงินปลอม อาจจะปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวของคุณ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดของคุณ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ได้ผลการเทรดของคุณออกมา 100% ระบบเทรดที่ดี ควรมีประสิทธิ์ภาพมา
สวัสดีครับ.......เทรดเดอร์ทุกท่าน ผมแอดมิน คนเล่น Forex ได้จัดกิจกรรมมิทติ้ง Trader เป็นครั้งแรกครับ ที่จัดงานเพราะว่า ผมต้องการทบทวนในสิ่งที่ผมเคยสอนไป เพื่อพัฒนาต่อยอดไปได้อีก กิจกรรมครั้งนี้ ผมจัดฟรี ไม่มีการลงทะเบียนใดๆทั้งสิ้น ไม่มีขายคอร์สอะไรเลยครับ ทุกคนที่มาที่นี้มาแต่ตัวกับโน็ตบุ๊คเท่านั้นครับ สถานที่จัดงาน The Brick Space เชียงใหม่ ถนน ศิริมัคลาจารย์ ซอย 13 ภาพบรรยากาศการสอน ภาพเคลื่อนไหวบรรยากาศภายในงาน
    PIVOT POINT        สวัสดีครับทุกท่าน นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผมใช้เทรดในปัจจุบัน ถ้ากราฟไหนตรงเงื่อนไขนี้ผมก็มักจะใช้มันในการเทรด ไม่ยากครับวิธีนี้ ง่ายๆ แค่หาจุดกึ่งกลางราคาของราคาเมื่อวานนะครับ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกะไอ้เจ้า Pivot กันก่อนนะครับ ว่ามันมีความสำคัญยังไง Pivot คือ ราคากึ่งกลางของช่วงเวลาที่เราวัด จากจุดสูงสุดถึงต่ำสุด (งงมั้ยครับ.. อิอิ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน..เอาเป็นว่าเข้าใจกันนะ) เราจะหา Pivot หรือจุดกึ่งกลางได้ยังไง จุด Pivot เราจะหากันจากกราฟของเมื่อวานนะครับ เราดูราคาสูงสุด ( High = H ) ราคาต่ำสุด ( Low =L )   และราคาปิด ( Close=C) เปิดกราฟ Daily นะครับ แล้วใช้เม้าท์ชี้ที่แท่งเทียน แล้วมันจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับราคาพวกนี้นะครับ           เห็น กรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆกันมั้ยครับ ในนั้นจะบอกราคา Open ,High, Low, Close ครับ เราจะใช้ราคา High , Low , Close มาใช้ในการคำนวณเพื่อหา Pivot นะครับ     สูตรที่ใช้ในการคำนวณหาค่า Pivot คือ     Pivot = ( High + Low +Close)/3    จุดกึ่งกลางเท่ากับ ราคาสูงสุด บวก ราคาต่ำสุด บวก ราคาปิด แล้ว