สำรวจความผิดพลาดด้วยตนเอง



วันนี้เป็นบทความสั้นๆ ถึงแม้วันนี้กราฟจะวิ่งแต่บางคนอาจจะถือว่าวันนี้เป็นวันหยุด ไหน ๆ ก็หยุดแล้วก็ลองอ่านบทความนี้ดูผ่าน ๆ เพื่อจะไปสะกิดต่อมความคิดให้เรามีไอเดียใหม่ ๆ สำหรับการเทรดในอนาคตครับ

การวิเคราะห์กราฟนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่า มีความสำคัญมากแค่ไหนในการลงทุน แต่ผมเชื่อว่า หลายๆคนที่ลงทุนมานานแล้วยังรู้สึกว่า ความสามารถในการลงทุนนั้นไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าไหร่นัก เพราะอาจจะลืมวิเคราะห์ตัวเองไป ในแต่ละครั้งหลังจากเทรดเสร็จ ผู้เทรดต้องพยายามตรวจดูว่า ตัวเองมีความผิดพลาดในการลงทุนอย่างไรบ้าง เกิดจากอะไร และจะพยายามแก้ไขอย่างไร … ผมจะยกตัวอย่างให้ดูสักสามข้อที่เห็นอยู่บ่อย ๆ ละกันนะครับ

ข้อที่ 1: ตัดสินใจเร็วจนเกินไป
หลายๆครั้ง เมื่อผู้เทรดเจอกราฟบางตัวที่ดูแล้วน่าสนใจมากๆ ส่วนใหญ่มักจะรีบซื้ออย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะตกรถก่อนซึ่งอาจจะทำให้ได้เข้าออเดอร์ในตำแหน่งที่ไม่ได้ เปรียบ การตัดสินใจเร็วไปบางครั้งทำให้ผู้เล่นขาดความรอบคอบ ไม่ได้ศึกษากราฟตัวนั้นให้ดีก่อนที่จะลงทุน

ข้อที่ 2: ลงทุนนอกกรอบความถนัดของตัวเอง
เทรดเดอร์ที่เข้ามาในตลาดใหม่ ๆ อาจจะยังไม่แน่ใจกับตัวเองว่าถนัดเทรดกับกราฟแบบไหนอันนี้ไม่แปลก แต่กับเทรดเดอร์บางคนที่เทรดมานานแล้วแต่กลับยังเทรดทุกตัวเท่าที่มาจิ้นตัว เองจะรับไหว อันนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก จริงอยู่ที่ว่าการดูกราฟมากขึ้นเป็นการเปิดโอกาสในการเทรดหัตัวเองมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าข้อเสียของมันคือคุณจะไม่ถนัดกราฟตัวใดตัวหนึ่งเป็นจริงเป็น จัง กราฟแต่ละตัวก็มีลักษณะหรือพฤติกรรมการวิ่งของราคาที่แตกต่างกันออกไปซึ่ง มันเป็นเรื่องจำเป็นที่เทรดเดอร์ที่ดีควรจะมีกราฟหลักที่ตัวเองถนัดไว้เพื่อ ทำกำไรต่อเนื่อง นักลงทุนแต่ละคนอาจจะมีความถนัดในกราฟแต่ละประเภทแตกต่างกันไป การลงทุนในกรอบความถนัดของตัวเองนั้นจะทำให้โอกาสขาดทุนลดลง และโอกาสทำกำไรก็มากขึ้น

ข้อที่ 3: ไม่ได้ศึกษาดูใจกราฟตัวนั้นเป็นจริงเป็นจัง
มีหลาย ๆ ครั้งที่ผู้เทรดเริ่มรู้สึกว่าเบื่อกับกราฟตัวเดิม ๆ ที่เทรดอยู่เป็นประจำและอยากจะลองท้าทายตัวเองด้วยการไปลองเทรดกราฟตัวใหม่ อยู่ คิดว่าความรู้ความสามารถที่ตนมีนั้นเพียงพอแล้วไม่ว่าจะเทรดตัวไหนก็สามารถ ทำกำไรได้ทั้งนั้น แต่เมื่อไปลองเทรดจริง ๆ แล้วก็ซมซานกลับมาตายรังเดิมแทบทุกคน เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเราไม่ชินกับลักษณะ, นิสัย หรือ พฤติกรรมของกราฟตัวนั้น ๆ มันเหมือนกับการที่คุณเป็นนักกีฬาที่ไปแข่งที่ไหนสักที่แล้วไม่ชินกับสภาพ สนามหรือสภาพอากาศของที่นั้น ๆ ละครับ ถึงแม้ว่าคุณจะเตะบอลที่ใช้กติกาเดียวกันกับเขาแต่การที่คุณไม่คุ้นสนามหรือ สภาพภูมิอากาศมันอาจจะทำให้การตัดสินใจหรือการเคลื่อนไหวของคุณช้าลง
 ยิ่งเราพบจุดอ่อนตัวเอง และหาทางแก้ไขจุดอ่อนของเรามากเท่าไหร่ เราก็จะมีฝีมือในการลงทุนที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้น ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน การปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอนั้นสำคัญ ไม่เฉพาะเรื่องของการลงทุนเท่านั้นนะครับ ลองประยุกต์เอาไปใช้กับเรื่องนิสัยส่วนตัว การทำงาน หรือครอบครัว แล้วจะรู้ว่า ชีวิตคนเรานั้นสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา และเราก็พร้อมที่จะเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพ ทั้งในแง่การเงินและการใช้ชีวิตครับ


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ