กลยุทธ์การตั้ง Stop Loss (จุดขาดทุน)


 Stop Loss


"ทำไมราคาวิ่งมาชน Stop loss (SL) ของเราอีกแล้ว" นี่น่าจะเป็นคำถามที่เทรดเดอร์ถามตัวเองแบบเซ็งๆเป็นประจำเมื่อออเดอร์ของเราโดน SL
ที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตลาดจะทำทุกอย่างที่มันอยากจะทำ เคลื่อนไหวไปในทางที่มันอยากจะไป เทรดเดอร์ต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆทุกวัน ส่วนมาก็จะเป็นในเรื่องของการเมืองทั่วโลก เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือที่เกี่ยวกับธนาคารกลางที่สามารถทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางไหนก็ได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเทรดเดอร์บางคนที่เปิดออเดอร์ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับราคาตลาด และต้องเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าเราสามารถควบคุมได้ว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น เราสามารถปิดออเดอร์เพื่อตัดการขาดทุนในตอนนั้นเลย หรือว่าคุณจะนั่งรอคอยความหวังว่าราคามันจะกลับมาในที่ที่คุณต้องการ และถ้ามันไม่กลับมาอย่างที่คุณหวังไว้แล้วคุณปล่อยไปอย่างนั้นเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดสินใจ พอร์ตของคุณก็อาจจะสะอาดได้ (ล้างพอร์ต)
คำพูดที่ว่า  "Live to trade another day!" น่าจะเป็นคำขวัญของเทรดเดอร์มือใหม่ทุกคน เพราะ ยิ่งคุณอยู่รอดได้นานเท่าไหร่ คุณก็สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จของคุณด้วย
กลยุทธ์การเทรดอีกอย่างที่สำคัญคือการ  "stop losses" ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่เทรดเดอร์ควรจะรู้ไว้เพื่อเป็นอาวุธอย่างหนึ่งในการเทรด การที่มีการตั้ง SL นี้ นอกจากจะช่วยตัดการขาดทุนของคุณเพื่อให้มีโอกาสในการกู้สถานการณ์แล้ว มันยังช่วยขจัดความวิตกกังวลที่เกิดจากการสูญเสียในการเทรดโดยไม่ต้องวางแผนด้วย และความเครียดที่ลดลงมันก็เป็นผลดีในการเทรดของคุณด้วย
จุด SL ควรจะเป็นจุดที่ "ลบล้างความคิด" ในการเทรดสำหรับออเดอร์นั้นๆของคุณ ดังนั้นเมื่อราคามาถึงจุด SL มันก็น่าจะเป็นสัญญาณว่า "มันถึงเวลาที่ต้องออกจากออเดอร์นี้แล้ว"
การตั้งจะ SL นั้นมี 4 วิธี ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน หรือเลือกแล้วแต่ความถนัดของเรา
1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
3. หยุดตามความผันผวน
4. หยุดตามเวลา


1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
การตั้ง SL แบบนี้เป็นการตั้ง SL แบบพื้นฐานที่สุด โดยใช้การกำหนดความเสี่ยงจากสัดส่วนของเงินทุนที่อยู่ในบัญชี อย่างเช่นว่า เราเต็มใจที่จะเสี่ยงขาดทุนได้ที่ 2% ต่อการเทรดในแต่ละครั้ง แต่ว่าเทรดเดอร์ทุกคนจะยอมรับความเสี่ยได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะรับความเสี่ยงได้ถึง 10% ในขณะที่บางคนอาจจะยอมเสี่ยงได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น
และในการตั้ง SL คุณควรจะตั้งตามสภาวะของตลาด หรือตามกฎของระบบเทรดของคุณ ไม่ใช่ว่าตั้งตามจำนวนเงินที่คุณจะยอมสูญเสียได้
สับสนมั้ยคะ :) งั้นเรามาดูตัวอย่างกัน
นายแดง มีบัญชีมินิ ที่มีเงินอยู่ $500 และ ขนาด Lot size ที่เขาสามารถเทรดได้คือ 10k ( ในบัญชีมินิ 10k เท่ากับการเทรดที่ จุดละ $1) แดงต้องการที่จะเทรด GBP/USD และเขาเห็นว่าราคาวิ่งอยู่แถวๆแนวต้านที่ระดับ 1.5620 เขาจึงต้องการที่จะเซล และตามกฎการลงทุนของเขาคือ เขาจะไม่เสี่ยงเกิน 2% ของเงินทุนในการเทรดแต่ละครั้ง และสำหรับการเทรดที่ขนาด 10k ของ GBP/USD แต่ละจุดมีค่า $1 และ 2% ของเงินในบัญชีแดงเท่ากับ $10 ดังแดงก็จะตั้ง SL ได้มากที่สุดที่ 10 จุด ดังนั้นแดงจะต้องตั้งจุด SL ของเขาไว้ที่ 1.5630

หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน

แต่ว่า GBP/USD มีการเคลื่อนไหวทีมากกว่า 100 จุดต่อวัน ราคาจึงอาจจะวิ่งมาชนจุด SL ของแดงได้อย่างง่ายดาย เพราะตำแหน่ง SL นั้นจำกัดด้วยการตั้งค่าความเสี่ยงจากเงินในบัญชีของเขา และเขาตัง SL ด้วยโดยยึดตามจำนวนเงินที่เขาสามารถสูญเสียได้ แทนที่จะกำหนดตามเงื่อนไขจากการเคลื่อนไหวของ GBP/USD

หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน

และในที่สุด ราคาก็วิ่งมาชน SL ของแดง เพราะว่าจุด SL ของเขาที่วางไว้น้อยเกินไป และนอกเหนือจากนั้นคือ เขาเสียโอกาสที่จะเก็บมากกว่า 100 จุดด้วย
จากตัวอย่างนี้คุณได้เห็นถึงอันตรายจากการตั้ง SL จากการใช้สัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน ที่บังคับให้เทรดเดอร์ต้องตั้งจุด SL ในระดับราคาที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะของตลาดและอย่างในกรณีนี้ จุด SL ก็อยุ่ใกล้กับจุดเปิดออเดอร์มาก และเป็นการตั้ง SL ที่ไม่ได้ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมด้วยเลย (เห็นว่าใกล้แนวต้านก็ใส่เลย ไม่ได้วิเคราะห์อย่างอื่นร่วมเลย)
คุณรู้อยู่แล้วว่า คุณควรจะตั้ง SL ในระดับที่ราคาสามารถจะกลับตัวมาในทิศทางที่คุณคาดคิดไว้โดยไม่ชน SL ของคุณ แต่ในกรณีนี้ราคามันวิ่งไปชน SL เข้าแล้ว จึงหมดโอกาสที่จะทำกำไรได้ และ วิธีแก้ปัญหาสำหรับแดงก็คือ หาโบรคเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตร์การเทรดและเงินทุนของเขา
ในกรณีของแดง เขาควรแก้ไขโดยการหาโบรคเกอร์ที่เขาสามารถกำหนดขนาดการซื้อขายที่เล็กลง หรือแม้แต่สามารถกำหนดขนาดเองได้ อย่างเช่น สามารถเทรดที่ขนาด 1k ในคู่เงิน GBP/USD ได้ ซึ่งแต่ละจุด จะมีค่าเท่ากับ $0.10 ซึ่งจะทำให้แดงสามารถตั้งจุด SL ได้ตามเงื่อนไขความเสี่ยงของเขาได้อย่างสบายๆ แดงจะสามารถตั้งจุด SL สำหรับการเทรด GBP/USD ได้ถึง 100 จุด ในความเสี่ยงที่ 2% ของเงินในบัญชีของเขา และตอนนี้เขาก็สามารถตั้ง SL ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งเป็นไปตามกฎของระบบการซื้อขาย ตามแนวรับแนวต้านแล้ว


2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
วิธีการหาจุด SL อีกวิธหนึ่งที่เหมาะสมมากกว่าวิธีแรกคือ ตั้งตามรูปแบบของกราฟ เป็นการตั้ง SL โดยยึดตามสิ่งที่ที่ตลาดบอกเราด้วยรูปแบบของตัวมันเอง
เราสามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาได้ ในบางครั้งราคาก็ดูเหมือนไม่สามารถที่จะวิ่งทะลุผ่านแนวรับแนวต้านนั้นๆ และก็มีบ่อยครั้งที่ราคาวิ่งผ่านแนวรับแนวต้านไปได้ในที่สุดหลังจากวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านนั้นมาระยะหนึ่ง
การตั้งจุด SL ให้เหนือหรือต่ำกว่าระดับแนวรับแนวต้านนั้นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลในกรณีที่ราคาไม่ Break ระดับแนวรับแนวต้าน แต่ถ้าราคาสามารถ break กรอบราคานั้น ก็จะทำให้เทรดเดอร์อื่นๆเห่เข้ามาเล่นด้วยเมื่อเห็นการทะลุของราคา (Breakout) และเทรดเดอร์เหล่านั้นอาจจะทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับออเดอร์ของคุณ(ที่เล่นอยู่ในกรอบราคา) ได้ และอย่างที่คุณทราวว่าเมื่อเวลาพักตัวอยู่ในกรอบราคานั่นหมายถึงการสะสมพลัง ซึ่งเมื่อราคาเกิดการ Breakout แล้วก็มีแนวโน้มมากที่ราคาอาจวิ่งพุ่งเป็นเทรนไปในทิศทางนั้นๆ  ต่อไปเรามาดูตัวอย่างการตั้ง SL อีกอย่างหนึ่งเมื่อเกิดการ Breakout ของราคา
จากตัวอย่างเป็นการตั้ง SL โดยยึดตามแนวรับแนวต้าน

หยุดตามรูปแบบของกราฟ

ตามภาพตัวอย่างเราเห็นได้ว่าราคามีการซื้อขายกันอยู่เหนือเส้นแนวรับ (สีดำ) และเมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านแนวต้านด้านบน (สีแดง) ไปได้คุณก็คิดว่ามันการ Breakout ที่สวยงาม และคุณตัดสินใจที่จะซื้อตามแนวโน้มนั้น แต่ก่อนอื่นคุณต้องตั้งคำถามก่อนว่า ตรงไหนที่คุณจะตั้ง SL ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดคิดไว้ และเงือนไขอะไรที่จะบอกคุณได้ว่า ความคิดของคุณในการเข้าซื้อครั้งนี้ไม่ถูกต้อง

หยุดตามรูปแบบของกราฟ

ในกรณีนี้ การตั้ง SL ที่สมเหตุสมผมมากที่สุดคือ ตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับ (สำดำ) และเส้นเทรนไลน์ (สีแดง) และถ้าราคาวิ่งผ่านเส้นเทรนไลน์นี้ลงมาได้ ก็หมายความว่า มีแรงซื้อไม่พอและตอนนี้ผู้ขายเป็นฝ่ายควบคุมตลาด ดังนั้นความคิดของคุณในการเปิดออเดอร์ซื้อในครั้งนี้จึงเป็นความผิดพลาด และถึงเวลาที่คุณควรจะออกจากออเดอร์ของคุณและยอมรับการสูญเสีย คุณจะเห็นราคาวิ่งในลักษณะนี้ได้บ่อยมากในคู่เงิน EUR/USD

3. หยุดตามความผันผวน
ความผันผวนของตลาดก็คือ การที่ราคาในตลาดเคลื่อนไหวในช่วงเวลานั้นๆ การที่เรารู้ถึงพฤติกรรมของการเคลื่อนไหวของคู่เงินที่เราเทรดนั้นจะช่วยให้เราสามารถหาจุด SL ที่ถูกต้องได้ และหลีกเลี่ยงการสุญเสีย SL โดยไม่จำเป็นเนื่องจากความผันผวนของราคาได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดสไตร์ Swing trade คุณก็ควรรู้ว่า EUR/USD จะมีระยะการเคลื่อนที่ในแต่ละสวิงประมาณ 100 จุด ต่อวันในช่วงเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นการตั้ง SL ที่ระยะ 20 จุด ก็อาจทำให้คุณต้องเสีย SL ของคุณไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่าความผันผวนโดยเฉลี่ยคือเท่าไหร่ก็จะช่วยคุณได้มากในการตั้ง SL ได้แบบไม่ต้องพะว้าพะวง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น
อย่างที่เรารู้กันว่า Bollinger band เป็นเครื่องมือที่เราสามารถใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคา โดยแถบของ Bollinger band จะชี้ให้เราเห็นถึงระยะความผันผวนของตลาดในขณะนั้นได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังเทรดอยู่ในกรอบราคา (Rang trade) คุณก็สามารถตั้งจุด SL ของคุณเอาไว้สูงหรือต่ำกว่าแถบของ Bollinger band และถ้าราคาวิ่งไปชนจุด SL ที่ตั้งไว้นี้ ก็หมายความว่า ราคาได้ Breakout กรอบราคาแล้ว

หยุดตามความผันผวน

การหาค่าเฉลี่ยความผันผวนอีกวีหนึ่งคือการใช้ Average True Range (ATR) ซึ่งเป็น Indicator พื้นฐานที่จะติดมากับโปรแกรมเทรดทั่วไปอยู่แล้ว และที่สำคัญคือมันใช้งานง่ายด้วย ค่าที่คุณต้องเซทใน ATR ก็คือ Period
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังดู Daily chart และคุณใส่ค่า Period ของ ATR ไว้ที่ 20 เจ้าตัวบีงชี้ ATR ก็จะคำนวณค่าเฉลี่ยของช่วงราคาในระยะ 20 วันที่ผ่านมา  หรือถ้าคุณกำลังดูกราฟที่ H1 และคุณตั้งค่า Period ของ ATR ไว้ที่ 50 แล้ว ตัวบ่งชี้ ART จะแสดงค่าเฉลี่ยของการเคลื่อนไหวใน 50 ชั่วโมงล่าสุด

หยุดตามความผันผวน

วิธีการเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายๆด้วยตัวคุณเอง โดยอาจจะนำไปใช้ร่วมกับกลยุทธ์การตั้ง SL ในแบบอื่นๆ ที่สำคัญก็คือ การตั้งจุด SL ควรจะมีพื้นที่มากพอโดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับความผันผวนที่มีอยู่ในเวลานั้น


4. หยุดตามเวลา
การตั้ง SL ตามกำหนดเวลาที่คุณตั้งไว้ในการเทรดแต่ละครั้ง (อาจจะจำกัดเป็นชั่วโมง เป็นวัน สัปดาห์ ฯลฯ) หรือ คุณอาจจะกำหนดเวลาที่จะเทรดเฉพาะช่วงทำการของตลาด ช่วงเวลาที่ตลาดเปิดหรือเฉพาะช่างที่มีการซื้อขายเยอะๆ เป็นต้น


หยุดตามเวลา

จะปล่อยเงินของคุณให้จมอยู่กับช่วงเวลาที่ตลาดไม่เคลื่อนไหวทำไมในเมื่อคุณสามารถทำกำได้ได้จากตลาดที่เคลื่อนไหวมากๆอย่างภาพตัวอย่าง
หยุดตามเวลา


ตามกฎในการเทรดที่คุณมีอยู่แล้ว อันที่จริงหากคุณเป็น Day trade คุณก็ไม่ชอบถืออเดอร์ข้ามวันกันซักเท่าไหร่ คุณก็ก็จะเลือกปิดออเดอร์เมื่อตลาดปิด แล้วค่อยเริ่มเทรดใหม่ในวันต่อไป
หรือถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดตามสวิง (Swing trader)  และคุณมีการกำหนดไว้แล้ว่าจะปิดออเดอร์ในวันศุกร์ จะไม่ถือข้าสัปดาห์ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ใจช่วงสุดสัปดาห์
นอกจากนี้ การที่ปล่อยให้มาจิ้นติดอยู่กับออเดอร์ที่ไม่ทำกำไร เป็นการลดโอกาสในการเปิดออเดอร์ใหม่ที่มีโอกาสในการทำกำไรที่ดีกว่า
ดังนั้น ควรกำหนดระยะเวลา และตัดออเดอร์ที่ไม่มีประโยชน์และถ่วงมาจิ้นทิ้งไป เพื่อโอกาสในการทำกำไรที่ดีกว่า


ข้อผิดพลาดในการใช้งาน SL
ต่อไปนี้เราจะพุดถึงความผิดพลาดทั่วไปในการใช้ SL แน่นอนว่ามันเป็นวิธีหนึ่ง สำหรับการฝึกการจัดการกับเงินที่เหมาะสม แต่เมื่อนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เสียหายมากกว่าที่จะได้กำไร และคุณก็คงไม่ชอบใจแน่นอน

การตั้งจุด SL ในระยะที่ใกล้เกินไป
ข้อผิดพลาดแรกที่พบได้บ่อยคือ การตั้ง SL ใกล้เกินไป มันก็เหมือนกับว่าคุณรัดเข็มขัดซะจนแน่นเกินไป จนตัวเองหายใจไม่ออก และในการตั้งจุด SL ใกล้เกินไปก็เหมือนกับว่าคุณไม่ได้มีพื้นที่เผื่อให้ความผันผวนของราคาก่อนที่ราคาจะวิ่งไปทำไรให้คุณ มันก็มีโอกาสสูงมากที่จะวิ่งไปโดน SL ของคุณก่อน
ดังนั้นจงจำไว้เสมอราคามีความผันผวน และอาจจะวิ่งไปมาแถวๆจุดแดออเดอร์ของคุณก่อนที่มันจะเลือกทางวิ่งไปทางใดทางหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณเปิดออเดอร์ซื้อ GBP/JPY ที่ราคา 145.00 และตั้ง SL ที่ 144.90 แม้ว่าการวิเคระห์ของคุณจะถูกต้อง แต่ก็เป็นไปได้ที่ราคาอาจจะปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาเปิดของคุณประมาณ 10-15 จุด ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นไปตามทิศทางที่คุณคาดไว้  ที่ 147.00
แล้วลองเดาซิว่าอะไรเกิดขึ้น ? ใช่คุณไม่สามารถทำกำไร 200 จุด ได้เลยแม้ว่าคุณจะคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ถูกต้อง เพราะว่าคุณตั้งจุด SL ไว้น้อยมาก และความผันผวนก็ทำให้ราคาก็ไปชน SL ของคุณก่อนที่จะวิ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ดังนั้น จงอย่าลืมเผื่อพื้นที่ SL ไว้สำหรับความผันผวนของราคาด้วย

ตั้งจุด SL จากขนาด Lot size
เราได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้แล้วในเรื่องของ ตั้ง SL ตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน แทนการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นไม่ได้เช่นความคิดที่ดี เราได้เรียนรู้ว่าจากตัวอย่างคือนายแดงไปแล้ว จำได้ไหม ว่าการใช้ขนาด Lot size เพื่อการคำนวณหารนะยะการตั้ง SL ไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่ได้ดูพฤติกรรมของราคา และเราะว่าเรากำลังซื้อขายอยู่ในตลาด ดังนั้นการตั้ง SL ก็ต้องคำนึงถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดด้วย
และหลังจากที่เราได้เลือกจุดที่จะเปิดออเดอร์และจุดทำกำไรจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว เราก็ต้องรู้ด้วยว่าตรงไหนที่คุณจะวาง SL ของคุณ
ตั้งจุด SL จากขนาด Lot size

เราไม่ได้บอกว่าขนาด Lot size ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่คุณควรทำคือหาระยะที่คุณควรจะวาง SL ก่อน แล้วค่อยเอาระยะนั้นมาคำนวณหาขนาด Lot size ที่เหมาะสมกับออเดอร์ของคุณ

ตั้งจุด SL ไกลเกินไป
เทรดเดอร์บางคนทำผิดพลาดด้วยการตั้ง SL ไกลเกินไป อย่าลืมว่าในการเทรดแต่ละครั้ง คุณต้องตั้งจุด TP ให้มากกว่าจุด SL เพราะกำไรที่คุณหวังควรจะคุ้มค่ากับความเสี่ยง
ดังนั้นกฎทั่วไปก็คือ ในการเปิดออเดอร์ ควรตั้งจุด SL ไว้ใกล้กับจุดเปิดออเดอร์มากกว่าจุดเป้าหมายในการทำกำไร นั่นก็คือ " less risk and bigger reward" อย่างเช่น อัตราส่วนของ Reward : Risk ที่ 2:1 ดูเหมือนจะทำให้คุณสามารถทำกำไรได้ เพราะแม้ว่าคุณจะมีเปอร์เซนต์การเทรดที่ถูกต้องเพียง 50% แต่คุณก็ยังได้กำไรอยู่ดี

การตั้ง SL ตรงกับแนวรับ-แนวต้าน
การตั้ง SL ใกล้ไป หรือ ไกลไปก็ไม่ดี แล้วเราควรตั้ง SL ไว้ตรงไหนดีล่ะถึงจะดี แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตรงแนวรับแนวต้านแน่ๆ ทำไมนะหรือ ก็อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือวิธีที่เราจะใช้เพื่อพิจารณาหาจุด SL
และแน่นอนว่า การที่เรารู้ว่าแนวรับแนวต้านอยู่ตรงไหนนั้นเป็นประโยชน์มากในการตั้งจุด SL  ถ้าคุณเปิดออเดอร์ซื้อ  คุณก็แค่หาแนวรับของราคาให้เจอ แล้วตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับนั้นนิดหน่อย และถ้าคุณเปิดออเดอร์ขาย คุณก็มาองหาแนวต้าน แล้วก็ตั้ง SL ไว้เหนือแนวต้านนั้นเล็กน้อย
แต่อย่าตั้ง SL ไว้ที่แนวรับหรือแนวต้านแบบแป๊ะๆ เพราะมีโอกาสมาที่ราคาจะวิ่งมาชน เพื่อทดสอบแนวนั้นๆ ก่อนที่จะวิ่งไปในทิศทางที่มันควรจะไป ดังนั้นคุณจึงควรตั้ง SL เหนือแนวต้าน และ ต่ำกว่าแนวรับออกไปซักเล็กน้อย เพื่อป้องกันการกลับมาทดสอบแนวรับแนวต้านของราคา  และถ้าราคาวิ่งทะลุแนวรับแนวต้านนั้นๆมาได้ (Breakout) ก็หมายความว่า สิ่งที่คุณคิดที่แรกนั้นผิด คุณก็ควรปรับแผนการเทรดใหม่ 


 Stop Loss

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่า ควรจะพิจารณาอะไรบ้างในการหาจุด SL และที่สำคัญอีกอย่างคือ ถ้าราคามาชน SL แล้ว คุณจะต้องทำใจยอมรับมันด้วย ซึ่งแรกๆก็อาจจะยากอยู่ซักหน่อย แต่เทรดเดอร์ที่ดีควรต้องฝึกตัวเองให้ยอมรับความภายแพ้ให้ได้ด้วยเพราะไม่มีใครที่จะชนะได้ตลอดไป เราต้องมีแพ้-ชนะสลับกันไป เพียงแต่เราควรจะชนะให้มากกว่าแพ้ และการตั้ง SL ก็คือการกำหนดและ ควบคุมความเสียหายเวลาที่เราแพ้ไม่ให้มากเกินไป
แต่เทรดเดอร์หลายคน โดยเฉพาะเทรดเดอร์ใหม่ๆ มักจะยอมรับความภ่ายแพ้นี้ไม่ได้ และไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น และจะมีความคิดที่เข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นภายในใจคือ "เดี๋ยวราคาอาจจะกลับมาในทิศทางที่เราคิด" แล้วก็นั่งรอให้ราคากลับมา จนเกิดความเสียหายมากขึ้นจนเกินควบคุม ซึ่งนั่นเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
จงจำไว้ว่า ถ้าราคาวิ่งมาถึงจุด SL ที่คุณตั้งไว้ดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะถือออเดอร์ต่อไปแล้ว และเมื่อคุณอยู่ในตลาดนานขึ้น ประสบการณ์ที่มากขึ้นจะทำให้คุณหาจุด SL ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
นักลงทุนรายใหญ่ทั้งหลายจะปฏิบัติตามกฎการ SL อย่างเคร่งครัด เขาจะไม่ดันทุรังเมื่อเราคาวิ่งมาชน SL ก็จะออกจากตลาดทันที (ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ต่อ) เพราะการที่ราคาวิ่งมาชน SL เกิดความเสียหายแค่นี้ไม่ตาย แต่ถ้าปล่อยให้ความเสียหายลุกลามนี่ซิ อาจตายได้
การตั้ง SL - TP คลิ๊ก

สิ่งที่ควร และ ไม่ควรทำในการย้ายจุด SL
1. อย่าใช้อารมณ์เป็นเหตุผลในการย้ายจุด SL  ในการตั้งจุด SL ของคุณควรถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนที่จะมีการซื้อขาย และหลังจากนั้นแม้ว่าตลาดจะทำให้คุณกลัวก็ไม่ควรใช้ความกลัวนั้นมาเลื่อนจุด SL ที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว
2. ใช้ Trailing Stop  การใช้ Trailing Stop ก็คือ การเลื่อน SL ไปในทิศทางที่คุณเปิดออเดอร์ไว้ อาจเรียกได้ว่า SL+ เป็นการล็อกกำไรที่ได้มาแล้ว และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงในกรณีที่คุณเปิดออเดอร์เพิ่มไปในทิศทางเดิมด้วย

3.อย่าขยายระยะห่างของจุด SL การเพิ่มระยะ SL คือการเพิ่มความเสี่ยงและเพิ่มจำนวนเงินที่คุณอาจต้องเสีย และการที่คุณเลื่อน SL หนีราคาไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณไม่ได้ตั้ง SL เลย เพราะฉะนั้น จงจำไว้ว่า อย่าได้เลื่อน SL หนีราคาเป็นอันขาด ถ้าเราตั้งไว้ดีแล้ว ราคาจะชนก็ให้มันชนไปแล้วค่อยเอาใหม่ เจ็บแค่นี้ไม่ตาย อย่าให้เป็นเหมือนคติที่ว่า "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"



ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ