บทความ

   Corrective Waves สังเกตุดีๆมีกำไรเห็นๆ ( Elliott Wave)                             หลายคนคงเคยได้ยิน คำว่า  Elliott Wave มาบ้างแล้ว Elliott Wave เป็น ทฤษฏีที่ใช้สำหรับ วิเคราะห์ตลาดจากการนับคลื่น  แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจพฤติกรรมของมันจริงๆ ส่วนใหญ่แล้ว คลื่นพวกนี้เกิดจาก พฤติกรรมการซื้อขายของคนหมู่มากในตลาดการเงินระดับโลกที่ทำให้เกิดเทรนแนวโน้มและชี้ชัดทิศทางการไปของราคา  โดยจะมีวิธีการ นับคลื่น  โดยคลื่นหลักๆ จะมี5 คลื่น ซึ่ง 5 คลื่นนี่แหละ ก็จะมีคลื่นย่อยเล็กๆอีก จากตอนแรกที่มีแค่  5คลื่น ก็ต่อยาวไปอีกเป็น 6 7 8 คลื่นและก็อาจจะยาวต่อไปอีก เป็น 8 9 10  ไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่า อีเลียตเวฟไม่เคยสิ้นสุดจริงๆ แล้วเราจะสังเกตุอย่างไรดีละ                 วันนี้แอดจะมาแนะแนวทางในการนับคลื่นและจับสังเกตุคลื่นเล็กหรือคลื่นย่อยๆในอีเลียตเวฟกัน ซึ่งเจ้าคลื่นย่อยนี่แหละ ที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า  Corrective Waves แล้ว คอลเลคทีฟเวฟ คืออะไรละ มันดียังไง แอดจะมาแนะนำให้อ่านกัน    Corrective Waves  เรียกให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็น คลื่นสำหรับขาลงระยะสั้น แต่....หากเทรนใหญ่เป็นเทรนขาลง ไอ่เจ้า  Correct
รูปแบบการทำกำไร นอกจากที่เราเทรดเอง หรือ copy trade หรือกองทุนแล้ว ยังอีกหนึ่งรูปแบบการทำกำไรนั้นคือ การใช้  Expert Advisor หรือ EA โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ วันนี้เราจะไปทำความรู้กจัก  Expert Advisor หรือ EA ไปพร้อมๆ กัน  Expert Advisor หรือ EA คือ โปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้เทรดสามารถทำการซื้อ-ขายในตลาด Forex ได้อัตโนมัติ โดยผู้เทรดไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลาเพื่อรอเปิด-ปิดออร์เดอร์  ข้อดีในการใช้งาน Expert Advisor 1.ระบบจะทำการเทรดเอง โดยการจะเปิดและปิดตามเงื่อนไขที่เราตั้งใว้ 24 ชม โดยที่เราไม่ต้องนั่งเฝ้ากราฟ  2.ลดความเครียดจากการเทรด 3.ตัดสินใจโดยไม่ต้องมี อารมเข้ามาเกียวข้อง 4.ทำตามระบบและเงื่อนไข 100 %  ข้อระมัดระวัง สำหรับการใช้  แม้ว่าจะทำงานได้ 24 และตัดสินใจถูกต้องตามเงือนไขที่เราวางใว้ แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ยังขาดทุนจากการใช้ Expert Advisor  ฉนั้น หากใครจะใข้งาน Expert Advisor ควรมีข้อระมัดระวังดังนี้  1.ต้องเข้าใจโคร้างสร้างเงือนไขทั้งหมดของ  Expert Advisor เพือให้รู้ว่า EA ที่เราใช้นั้นมันตรงกับ จริตของเราหรือป่าว และทำให้เราเข้าใจเงื่อนไขการเข้าออเดอร ,  การแก้ออเดอ
วันนี้จะทำความรู้จัก อีกหนึ่งเครืองมือสำหรับการเทรดที่ไม่ได้มาในรูปอินดิเคเตอร์ แต่มาในรูปแบบเทียนเทียนที่แสดงผล นอกจากรูปแบบแท่งเทียน Candlestick ที่เราใช้กันปกติ ยังมีอีกรูปแบบแท่งเทียนอีกหนึ่งรูปแบบที่นิยมใช้นั้นคือ Heikin-Ashi วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Heikin-Ashi ไปพร้อมกัน  Heikin-Ashi คืออะไร  Heikin-Ashi (ไฮ-เค็น-อะ-ชิ) มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลรวมกันว่า ‘average bar’ หรือ ‘แท่งเทียนเฉลี่ย’ หน้าตาของ Heikin-Ashi ก็จะเป็นประมาณนี้ โดยรูปแบบก็ยังเป้นแท่งเทียนเหมือนกับ candlestick ทั่วไปแต่หากสักเกตุ จะเห็นว่า Heikin-Ashi มีความ Smooth เพราะเนืองด้วยมีการคำนวณที่แตกต่าง candlestick ทั่วไป เพื่อการตัดทอน Noise ที่เป็นความผันผวนระยะสั้นต่างๆ โดยการนำราคา open-high-low-close ของแท่งเทียนแบบปกติมาคำนวณใหม่แล้วพล็อตบนกราฟใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือกราฟที่ดูง่ายขึ้น สูตรคำนวณ Heikin-Ashi แท่งเทียน 1 แท่งเท่ากับ 1 Timeframe ที่เราเลือก เช่น ถ้าเราเลือกกราฟ Day แท่งเทียน 1 แท่งจะหมายถึงราคาที่ขึ้นลงในระยะเวลา 1 วัน จุดสำคัญของกราฟแท่งเทียนมีอยู่ 5 จุด คือ ราคาเปิด (open), ราคาสูงสุด (high), ราคาต่ำส
12 คำศัพท์มือใหม่เทรดคริปโต Crypto Currency ต้องรู้                      หากคุณกำลังจะซื้อขาย คริปโทเคอร์เรนซีสักตัว แต่ก็มีข่าวลือออกมาสักอย่าง ด้วยคำศัพท์เฉพาะตัว ที่อ่านแล้ว ฟังแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี และด้วยความที่คุณเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าคำศัพท์เหล่านั้น มันสื่อถึงอะไร เป็นไปในทิศทางไหน สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ก็คือ คำศัพท์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตลาดหุ้น เทรดฟอเร็กซ์รายวัน หรือตลาดคริปโทเคอร์เรนซี หากคุณได้ยินคำศัพท์เหล่านี้ มันอาจะช่วยทำให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้น หรือฟังหูไว้หูก็ได้ สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์มาก หากเราติดตามข่าวสาร ความเป็นไปต่างๆที่เกิดขึ้น จะทำให้เราเข้าใจความหมาย และแก้เกมส์หรือสถานการณ์ที่จะเกิดต่อไปข้างหน้าได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 1. Fear, Uncertainty, and Doubt (FUD)                     FUD ไม่ใช่คำศัพท์เฉพาะสำหรับการเทรด แต่ FUD มักใช้ในตลาดการเงิน FUD เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างความเสื่อมเสีย ให้กับบริษัท โดยการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด สร้างความกลัวและสร้างความได้เปรียบจากการลดลงของราคาหุ้น  วิธีการเช่น นักลงทุนเปิ
-- หลังจากที่เรานำเสนอเว็บ  ตัวเลขเศรษฐกิจ ยอดนิยมอย่าง Forexfactoryไปแล้ว  วันนี้เราจะมานำเสนอเว็บยอดนิยมที่อีกหนึ่งเว็บในการแสดงตัวเลขเศรษฐกิจ นั้นคือเว็บ  Investing.com ซึ่งเป็นเว็บที่รองรับภาษาไทยโดย Investing.com เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับตลาดการเงินแบบเรียลไทม์ ราคาซื้อขายล่าสุด กราฟ เครื่องมือทางการเงิน ข่าวสาร และบทวิเคราะห์สำหรับตลาดแลกเปลี่ยนจำนวน 250 แห่งทั่วโลก และครอบคลุมตราสารทางการเงินกว่า 300,000 รายการ โดยที่มีการให้บริการเว็บไซต์จำนวน 44ภาษา รวมทั้งภาษาไทย ด้วยจำนวนผู้ใช้เว็บไซต์ในแต่ละเดือนมีจำนวนมากกว่า 21 ล้านคนและการเข้าใช้เว็บไซต์กว่า 180 ล้านครั้ง จึงทำให้ Investing.com เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของเว็บไซต์การเงินระดับโลกตามการจัดอันดับของทั้ง SimilarWeb และ Alexa  วิธีการดู ตัวเลขเศรษฐกิจ บน Investing.com โดยวืธีการเข้าถึง ตัวเลขเศรษฐกิจ เริ่มต้นเข้า เว็บ Investing.com หลังจากนั้นเลือก ภาษา โดยคลิกที่มุมหน้าจอทางขวาสุด จะเห็นรูปธงชาติ  โดยเราสามารถที่เลือกภาษาได้มากถึง 44 ภาษา ให้เลือกภาาษาไทย ให้เคลิกเลือก เครื่องมือ หลังจากนั้นเราก็  ปฏิทินเศรษฐกิ
 กลยุทธิ์การเทรด (Martingale ) มาติงเกล  คืออะไร????                     หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย กับการใช้กลยุทธิ์การเทรดแบบมาติงเกล   เทพเซียนหลายรายตกม้าตายกับกลยุทธิ์นี้มาก็เยอะ แต่บางคนก็มาเหนือเทพเหนือเซียนก็มี และอยู่รอดในตลาดได้ด้วยกลยุทธิ์การเทรดนี้เช่นกัน  มาติงเกลคือกลยุทธื์ที่ใช้สำหรับออกคำสั่งซื้อขาย แบบต่อเนื่อง เรียกว่าซอยไม้ ยิกๆๆๆๆ เลยแหละ ยิ่งออกออเดอร์มากเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าคุณใช้จำนวนเงินที่มากขึ้นในการเข้าซื้อในแต่ละครั้ง  เรียกว่าโอเวอร์ลอท หรือโอเวอร์เทรด นั่นแหละ การเทรดกลยุทธิ์แบบนี้มีทั้งความน่ากลัวและน่ายินดีรวมกัน   หากถูกทางเราก็จะยิ้มจนแทบจะแก้มปริ หรืออาจจะตะโกนลั่นบ้านเลยก็เป็นได้ ในทางกลับกัน แต่หากผิดทาง คุณก็อาจจะตะโกนแหกปากลั่นบ้านได้ด้วยเช่นกัน เพราะหนทางนี้มีแค่คำว่าแพ้และชนะเท่านั้น  แล้วเทรดอย่างไรจะอยู่รอดได้ด้วยกลยุทธิ์มาติงเกล                     วิธีการเทรดนั้น ไม่ยุ่งยากซับซ้อน อยู่ที่การบริหารจัดการเงินทุน การบริหารหน้าตักให้เป็นก็พอ แอดจะมาแนะนำวิธีการเทรดง่ายๆด้วยระบบเทรดนี้กัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง                  1.
Grid trading หรือ ระบบกริด เป็นระบบเทรดประเภทหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ในการเทรด forex  โดยทั่วไปจะใช้เทรดในตลาด แบบ Sideway ข้อดีของ Grid trading นั้นคือ ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ เราสามรถที่ที่ตั้ง Buy stop และ Sell stop  โดยระบบ Grid trading  จะเป้นการการเข้า ออเดอรแบบ กระจายออเดอร์ หรือ พูดง่ายๆ นั้นคือการซอยไม้ แต่ไม่ใช้ซอยไม้แบบเข้าโดยไม่มีแผน แต่เป็นการซอยไม้ที่มีราคาเข้าที่ชัดเจน และช่องว่างของออเดอรจะเท่ากันทุกไม้ และเข้าหลัก 5 -15 ขึ้นไป นั้นทำให้เราเข้าออเดอร์ได้ทุกราคา หรือพูดง่ายๆ เราจะไม่ตกรถนั้นเอง   ตัวอย่าง: ระยะห่างที่กำหนดเท่ากับ 10 pips ราคาปัจจุบันคือ 1.3550 ตั้งออเดอร์ buy ที่ 1.3560, 1.3570, 1.3580, 1.3590 ตั้งออเดอร์ sell ที่ 1.3540, 1.3530, 1.3520, 1.3510 เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปถึงออเดอร์ buy ออเดอร์แรก ที่ 1.3560 ระบบก็จะเปิดออเดอร์เทรดดังกล่าวโดยอัตโนมัติ และหากราคาพุ่งขึ้นไปถึง 10 pips นั่นก็หมายความว่าท่านได้กำไร 10 pips นั่นเอง จากนั้น คำสั่งซื้อออเดอร์ที่ 2 ก็จะถูกเปิดขึ้นเมื่อราคาไปแตะระดับ 1.3570 และเมื่อราคาพุ่งขึ้น ก็จะมีขั้นตอนในการทำกำไรเกิดขึ้นซ้ำๆ เดิมไปเรื่อย
  กลยุทธิ์การเทรด เทคนิคSnowBall Trading คืออะไร                     รูปแบบการเทรดนี้ เป็นระบบการเทรดระยะยาว ยาวชนิดที่ว่า ดูกราฟวีค กราฟเดือนและเทรดกราฟวีคกราฟเดือนกันเลยทีเดียวเชียว  สายสั้นสายซิ่ง อาจจะหงุดหงิดใจกับการรอนานๆได้ แต่เทคนิคนี้ใช้ทุนพอสมควร คุณจะต้องมีทุนที่หนาหน่อยจึงจะเพียงพอสำหรับการวางหมาก  แต่เราสามารถนำมาดัดแปลงโดยใช้บัญชีเซนหรือ ไมโคร ได้ ก็จะช่วยให้ สามารถเทรดได้เยอะขึ้น เพียงแต่เราต้องอดทนรอ ให้มากขึ้นจึงจะได้เงินตามเป้าหมายให้กลายเป็นทุนที่ใหญ่มากๆได้  แถมยังสามารถเก็บกำไรระยะทางได้เพื่อเพิ่มทุนไปเรื่อยๆอีกด้วยกลยุทธิ์การเทรด เทคนิค Snow Ball Trading   ที่มีโอกาสผิดทางน้อยมาก เพราะไม่ต้องเทรดบ่อย เดือนนึง เข้าออเดอร์แค่ครั้งเดียว แล้วรอยาวไปเป็นปีเลย เทคนิคSNOWBALL  เทรดยังไง                     เทคนิค snow ball คือ การสร้าง Money Manage ด้วยการดัก และการรอ คือโดนลากไปก็รอจังหวะตามแนวรับต้าน แล้วใส่ออเดอร์เพิ่มเข้าไป เน้นเล่นแค่เพียงทางเดียวเท่านั้น โดยจะใส่ออเดอร์ ตามระยะทางที่เราคำนวนไว้ไปเรื่อยๆ เน้นเล่นตามเทรนด์ (follow trend) ไปเรื่อยๆ หากถูกทางกำไรเร
ถ้าถามว่าเส้น Moving Average ที่ได้รับความนิยมสูง ก็คงไม่พ้นสองตัวนี้ นั้นคือ SMA และ EMA  แต่หลายคนอาจจะ งง ว่า สองตัวนี้มันต่างกันอย่างไร และเราจะใช้ตัวใหนดี วันนี้เราก็จะมาไขข้อข้องใจนี้ไปพร้อมๆ กัน โครงสร้างทางคณิตศาสตร์ต ของ SMA  EMA  Simple Moving Average (SMA) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย ตรงตามชื่อ (Simple Moving Average) เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันแพร่หลาย มีลักษณะล้อไปตามการเคลื่อนไหวของราคา วิธีในการหาเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จะถ่วงน้ำหนัก ให้ค่าทุกค่าที่นำมาคำนวณมีความสำคัญต่อราคาเท่ากันหมด โดยอาศัยหลักการเอาข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่ง หรือวิธีการ “หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต” ในทางคณิตศาสตร์นั่นเอง Exponential Moving Average (EMA) คือ หลักการคำนวณเส้นค่าเฉลี่ยจะแตกต่างกันออกไป โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA เป็นการคำนวณในลักษณะถ่วงน้ำหนักอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ให้ความสำคัญกับตัวแปร ที่ทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาค่อนข้างเร็ว และ การถ่วงน้ำหนัก  จะให้ค่าสุดท้ายมีความสำคัญเพิ่มขึ้น   ความต่างกันที่สำคัญ  SMA กับ EMA   EMA จะมีความเร็วต่อการตอบสนองต่อราคาเร็วกว่า SMA โดยจากความชั้นขอ
Correlation Trading การเทรดค่าความสัมพันธ์ของค่าเงิน   (ตอน 2) การเทรดโดยใช้ Correlation แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. การเทรดโดยใช้ความเชื่อมโยงทางปัจจัยเศรษฐกิจ                     ในโลกของสกุลเงินต่างประเทศนั้นมีสินค้าและทรัพยากรที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น USD, CAD , AUD , NZD ,EUR , GBP ฯลฯ โดยจะมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่แตกต่างกันด้วย ทำให้ค่าเงินเกิดการผันผวนและมีราคาที่แตกต่างกันออกไป การเทรดในลักษณะนี้จะเป็นลักษณะการเทรดแบบค่าเงินเดี่ยว  โดยดูปัจจัยเศษฐกิจเป็นหลัก 2. การเทรด โดยใช้ความเชื่อมโยงของค่าเงิน                     คือการเทรดโดยคู่เงินที่มีทิศทางไปในทางเดียวกัน และสัมพันธ์กันการเทรดแบบนี้เรียกอีกอย่างว่าการเทรดแบบตระกร้า BASKET โดยจะจับกลุ่มจัดทำคู่เงินที่มีความเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หากเลือกสกุลเงินฝั่งยุโรป ก็จะมีความคล้ายคลึงกัน  EURUSD  GBPUSD  USDCHF DKKUSD  แล้วทำการจดสถิติ ค่าความสัมพันธ์ของค่าเงินทั้งหมด เพื่อนำมาหาค่าเฉลี่ยความสัมพันธ์   สมมุติว่าคู่เงิน  AUDUSD มีความสัมพันธ์เป็นบวกกับคู่เงิน GBPUSD ซึ่ง 2 คู่นี้ก็จะมีการวิ่งของราคาที่ค่อนข้างไ
ความแตกต่าง OlympTrade  และ MT4 มีอะไรบ้าง ❓ สำหรับคนที่เทรด Forex มาสักพัก ก็คงเคยชินกับการใช้งาน MT4 หรือ Metatrader 4 เป็นส่วนใหญ่ แต่การเทรด Forex นั้นก็ไม่ได้ กำจัดว่าจะต้องเทรดแค่ MT4 เนื่องด้วยสมัยนี้โบรคเกอร์ดังหลายโบรค ก็เริ่มที่สร้างแอฟสำหรับการซื้อขายขึ้นมาเอง และหนึ่งในนั้นก็คือโบรคเกอร OlympTrade และวันนี้เราก็มาหาความแตกต่างว่า OlympTrade กับ  MT4   
Correlation Trading การเทรดค่าความสัมพันธ์ค่าเงิน(ตอน 1) Correlation คืออะไร?                     Correlation คือค่าความสัมพันธ์ทางสถิติของชุดตัวเลข 2 ชุด ตัวอย่างเช่น ควายฝูงหนึ่งมีสมาชิกฝูงเพิ่มขึ้น 1 ตัว และนกกระยางที่หากินบริเวณนั้น มีสมาชิกฝูงเพิ่มขึ้น 2 ตัว เมื่อควายคลอดลูก 1 ตัว นกกระยางก็จะเพิ่มขึ้น 2 ตัวเท่ากัน หรือในอีกกรณีหนึ่ง ปริมาณเสือดาวเพิ่มขึ้น 1 ตัวต่อปีจะทำให้กวางลดลง 3 ตัวต่อปี เมื่อปริมาณเสือดาวเพิ่มขึ้นปริมาณกวางก็จะลดลง ซึ่งเป็นการบอกความสัมพันธ์แบบตรงกันข้ามกันนั่นเอง                     ดังนั้นการเทรดโดยใช้ค่าความสัมพันธ์ของค่าเงิน หรือที่เรียกว่า Correlation Trading มันคือ การหาคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กันสูง แล้วหาว่าคู่เงินไหนที่แตกต่างกัน และมีค่าความสัมพันธ์กันต่ำจะเน้นไปเทรดที่คู่เงินนั้น   ตัวอย่างเช่น อเมริกา (USD) กับ แคนาดา(CAD) เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินสอดคล้องกัน แต่จะมีเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งการเคลื่อนไหวจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันอยู่เสมอ หาก ค่าเงิน USD มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ค่าเงิน CAD ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก
 Forex & Bitcoin                  ในยุคสิบกว่าปีก่อน forex จัดเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรามากในการหาเงินออนไลน์  แต่พอมาถึงยุคสมัยนี้ ยุคที่ทุกสิ่งอย่างต้องมีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเข้ามาเกี่ยวข้องภายในชีวิตประจำวัน มันเป็นยุคดิจิตอล หรือเรียกโดยรวมๆว่า ยุค GLOBALIZATION  การเกิดสกุลเงินใหม่ๆในโลกดิจิตอลจึงมีเพิ่มมากขึ้น  โดยเราอาจจะคุ้นหูกันมามากแล้วกับคำว่า  Cryptocurrency  หรือเรียกสั้นๆว่า คริปโต ซึ่งหลายคนมองว่ามันเป็นสกุลเงินในอนาคต  และสกุลเงินที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด ก็คงไม่พ้น "Bitcoin" (บิทคอยท์) หลายคนยังเข้าใจว่า  Forex และ Bitcoin มันเหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว มันแค่คล้ายกัน และแตกต่างกัน                     เนื่องจาก forex เราจะใช้เงินจริงของเราเพื่อซื้อสุกลเงินต่างประเทศเพื่อทำการเก็งกำไร โดยที่ค่าของสกุลเงินนั้นจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ตามช่วงเวลาในตลาดและเปลี่ยนแปลงทุกวัน การเข้าทำกำไรจึงเป็นเหมือนการซื้อมาขายไป ซื้อถูกขายแพง ที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในตลาดต่างประเทศนั่นเอง  และยังเชื่อมโยงไปยังเศรษฐกิจ และเรื่องอื่นๆด้วย แต่ คริปโต นั้นไ