รวมเทคนิค/กลยุทธ์ การลงทุน/เล่นหุ้น ของเกจิอาจารย์ต่างๆ


ขอฝากเทคนิค กลยุทธ์ การลงทุน/เล่นหุ้นของเกจิอาจารย์จากสำนักต่างๆ มาให้อ่านในวันหยุดเพื่อเตรียมตัวกันนะครับ
คาดว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ถึงปลายปี คงเล่นกันแรงแน่ (อาจเห็นยาวๆ ติดๆ กัน) เม่า เตือน เม่า

หลักการ 10 ข้อ ของการลงทุนของตระกูลเดวิส
1. อย่าซื้อหุ้นถูกๆ (แปลว่า บริษัทนั้นมันห่วยมากๆ เมื่อเทียบกับคนอื่น)/ แต่กับ Forex เรื่องซื้อ(Buy)ถูก - ขายแพง เป็นของธรรมดา
2. อย่าซื้อหุ้นแพง (แปลว่า แพงเกินปัจจัยพื้นฐานของตัวมันเอง)/ แต่กับ Forex ขาย(Sell)ตอนราคาขึ้นสูงๆแล้วปิดออร์เดอร์ตอนมันลงสุดๆ
3. ซื้อหุ้นราคาปานกลางที่มีกำไรเติบโตสูงปานกลาง (แปลว่า บริษัทนั้น ไม่ใช่ธุรกิจแฟชั่น ไฮเทคที่ขึ้นลงตามกระแส แต่เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง คนใช้ประจำ ไม่หวือหวา) /ในตลาด FX ทำตามแผนของเราดีที่สุดครับ
4. จงรอคอยจนกว่าราคาหุ้นจะน่าซื้อ (แปลว่า ความสามารถในการรอคอยนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก วิกฤตินั้น ทำให้หุ้นดี ๆ ราคาถูกลงมามากๆ on sale Buffet รอเวลาถึง 7 ปี จึงได้ซื้อหุ้น Coke ในราคาถูกมากๆ ตอนวิกฤติ .net ของมะกัน)/ ข้อนี้ฝึกความอดทนครับ
5. อย่าหวังรวยทางลัด อย่าข้ามขั้นตอน (แปลว่า กู้เงินเล่น เล่นมาจิ้น เล่น future แบบเก็งกำไร)/ ในตลาด Fx อย่าอัด Lotz เยอะนะครับ ไม่งั้นเจ๊งมากๆด้วยนะครับ ต้องระวัง
6. มองการลงทุนทั้งพอร์ต (แปลว่า กระจายการลงทุนในหลายตราสาร)/ เล่นอย่างอื่นไปด้วยครับ อย่าง คู่เงินตัวอ่านๆ หรือ ทอง น้ำมัน Silver เป็นต้น
7. ปล่อยให้หุ้นที่ซื้อมาขึ้นต่อไป (let profit run ถ้ายังไม่เข้า recession นะ) /ก็ไม่ควรจะปล่อยนานนะครับกำไรแล้วรีบตัดขาดทุนสะ
8. จงเดิมพันกับบริษัทที่มีการจัดการที่ยอดเยี่ยม (ให้ความสำคัญกับผู้บริหารที่เก่งๆ) แต่ในตลาด Fx ให้ความสำคัญกับตัวเองดีที่สุด
9. อย่ามัวแต่มองอดีต (แปลว่า การลงทุนคือการซื้อราคาในอนาคต ไม่ใช่ซื้อราคาอดีต กลยุทธ์ยิ่งตก ยิ่งซื้อจึงใช้ไม่ได้ผล)
10. มั่นคงในแผนการลงทุนที่ได้วางไว้ (แค่เห็นสัญญานของฟองสบู่ ก็แผ่นได้แล้ว)


ของแถม
ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 15% ต่อปี ใช้เวลาแค่ 5 ปี เงินลงทุนก็จะเพิ่มเป็น 2 เท่า 1.15^5=2
Soros บอกว่า การลงทุนโดยทั่วไปคือการพยายามปกป้องเงินต้นก่อน แล้วเมื่อจังหวะเวลามาถึงจึงค่อยหาจังหวะตีลูกโฮมรัน

หลุมดักกินคนในตลาดหุ้น 5 หลุม
หลุมที่ 1. เริ่มลงทุนตอนหุ้นแพง (ส่วนใหญ่ตอน ศก ดี คนชอบเล่นหุ้น ซึ่งผิด)
หลุมที่ 2. หลอกให้เล่นเสียวบ่อยๆ จนติดใจ (เล่นรอบ ขึ้นขาย ลงซื้อ ลืม cut loss)
หลุมที่ 3. เจอขาลงของจริง (พวกที่ขอบถือหุ้นเต็มพอร์ต โดนหมด ออกไม่ทัน)
หลุมที่ 4. แกล้งให้ทนกับความเบื่อ (ระยะ recession ยาวๆ 1-2 ปี หุ้นไม่ไปไหนเลย)
หลุมที่ 5. แกล้งให้ขายเร็วเกินไป (รอมาตั้งนาน พอเริ่ม ศก ดีขึ้นหน่อย ก็ขายไปหมดแล้ว ลืม let profit run)

กลยุทธ์การเล่นหุ้น

ภาระกิจหลักคือการรักษาเงินต้น ภาระกิจรองคือหากำไร

ต้องมีวินัยกับตัวเองมากๆ ถึงเวลาขายต้องขายอย่าหลอกตัวเอง (อย่าโลภ) ถึงเวลาซื้ออย่ากลัวที่จะซื้อ(อย่ากลัว) โดยเฉลี่ยแล้ว ปีหนึ่งๆ เซ็ตไทยจะตกต่ำ 100-200-300 จุดให้เห็นๆ เสมอ ปีล่ะประมาณ 2-3 ครั้งแทบทุกปี คุณรอจังหวะอย่างนี้ ตกหนักๆ

ต้องยอมรับในความผิดพลาดของตนเอง จึงจะแก้ไขให้ถูกต้องได้

คนเก่งไม่ใช่คนที่ตัดสินใจถูกทุกครั้ง หากแต่เป็นคนที่รู้จักแก้ไขได้เร็ว
(ซื้อแล้วไม่ขึ้นหยุดซื้อ ขายแล้วไม่ลงหยุดขาย ในทางกลับกันซื้อถูกเทรน ซื้อไปเหรื่อยๆ ขายถูก ต้องขายให้หมด always รักษาเงินต้น เงินสดดีที่สุด)

เวลามองถูกต้องปล่อยกำไรให้ยาว ๆ (แต่อย่าหลอกตัวเอง อย่าโลภ) แต่เวลามองผิด ต้องตัดขาดทุนโดยเร็ว

ใน 10 ครั้งถ้าขาดทุน 8 ครั้ง กำไร 2 ครั้ง ก็อาจไม่ขาดทุนได้
(เพราะ cut loss เร็ว เมื่อรู้ว่าผิดทาง และ let profit run เมื่อจับจังหวะใหญ่)

รายใหญ่อาศัยข่าวร้ายในการซื้อหุ้น และอาศัยข่าวดีในการขายหุ้น
(ต้องทำ volume ให้สูง จึงจะออกของตัวเองได้
โอกาสซื้อของถูก โดยปกติ Volume ต้องน้อยมาก ๆ )

เราต้องรู้จักการขายหุ้น คือ ตอนที่สถานการณ์อะไร ก็ดูดีไปหมด ไม่มีข่าวร้ายอะไร รอยู่ข้างหน้า
(จังหวะนี้ ถ้ามีข่าวลบนิดเดียว มันก็จะลงแล้ว)
หรือข่าวดีออกมาแล้ว ที่เหลือต้องรอไปลุ้นกันในอนาคต
เราจะขายหุ้นเมื่อเห็นว่า หุ้นตัวนั้นดีเกินไปแล้ว ข่าวที่คาดหวังออกมาแล้ว
ธุรกิจนั้น ดีมากเหลือเกิน แสดงว่า ราคาหุ้นตัวนั้น อยู่ในจุดที่สูงมากแล้ว หรือยอดดอยนั่นเอง แต่ทุกคนในตลาดไม่รู้หรอกว่าดอย เพราะอะไรๆของหุ้นตัวนั้น ก็ดูดีไปหมด ขายไปเถอะ จะรอให้ดีไปมากกว่านั้นอีกหรือ

ไม่เล่นหุ้นตอน Recession (เพราะไม่รู้ว่าหลุมลึกแค่ไหน)
ถ้าจะซื้อ ต้องเตรียมที่จะถือยาวมากๆ และต้องซื้อให้ถูกจริงๆ (แง่คิดข้อนี้ ทำยากมากๆ เพราะไม่รู้ว่า ถูกจริง ๆ นั้นอยู่ตรงไหน)

จงอย่าถือหุ้นเข้า recession แต่ให้ถือหุ้นออกมาจาก recession
แล้ว let profit run until the sign of another recession comes to shine.

The only time to buy is the time of maximum pressimism. (Templeton)
In contrast, the time to sell is when everything looks good.

เรียนรู้ยุทธศาสตร์ (Strategy) ระยะยาว และยุทธวิธี (Tactics) ระยะสั้น

รู้จักหุ้น Cash low return, but limited losses.

ปล. ต้องขอบคุณบรรดาเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่คิดค้นสิ่งดีๆ เหล่านี้ด้วยนะครับ

เรื่องราวที่น่าสนใจ