จิตวิทยาการลงทุน ( Investment Psychology )


จิตวิทยาการลงทุน




1.) เห็นคนอื่นขายก็ขายตามคนอื่น

อันนี้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์นะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายๆคนโดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่าที่ขี้ตกใจกระทำกัน โดยเรามักจะรีบขายหุ้นตัวที่ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ติดลบมาก และมี การโยนขายแบบไม้ใหญ่ๆต่อเนื่อง

การขายแบบขาดสติเพราะคิดว่าหุ้นตัวนั้นย่อมเกิดปัญหา แต่เราอาจจะไม่รู้ถึงได้โดนคนส่วนมาก(ดูจากปริมาณการขาย) ขายทิ้ง ซึ่งความคิดนี้อาจจะทำให้เสียโอกาสโดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว ที่ขายเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยลืมที่จะวิเคราะห์หรือพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน 

ซึ่งส่วนมากคนที่ขายตามน้ำแบบนี้มักจะไม่สามารถเก็บหุ้นกลับมาได้เพราะ จะเกิดความกลัว ขยาดที่จะเก็นหุ้นที่ตกลงมากๆกลับมา

พอคิดว่าจะซื้อ Volume ก็เข้าแบบทะลักไล่ราคาขึ้นมาสูงแล้ว ทำให้เสียหุ้นไป พลาดโอกาสการลงทุน

2.) พวกพ้องมีไม่เป็นไร

คนเรามักจะทำอะไรตามๆกันเพราะว่าจะรู้สึกว่าปลอดภัย เช่นเวลาเราเดินข้ามถนน ถ้ามีเพื่อนข้ามหลายๆคน เรารู้สึกว่าปลอดภัย เสี่ยงน้อยลงแท้จริงแล้วมันก็อาจจะไม่ใช่ เสี่ยงเท่าเดิม

กรณีแบบนี้พบได้ในการลงทุนเช่น ถ้าเราซื้อหุ้น A และหุ้นมันเกิดลง เร็วๆ แต่เราอาจจะยังทนถือไม่อยากขาดทุน ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อนเรา คนที่เรารู้จักก็ยังถืออยู่ ยังไม่ขายทั้งที่จริง สุดท้ายก็ตายหมู่ครับ

หรือกรณีการซื้อหุ้น เรามักฮึกเหิมซื้อตามเพื่อน ตามคนอื่นๆ มาร์ กระซิบบอกว่า นี้ทุกคนเค้าซื้อกันนะค่ะ เราก็จะประมาท ไม่วิเคราะห์อะไรกลัวตกรถซื้อตามไป สุดท้ายก็ขาดทุน แต่จะรู้สึกดีเพราะมีเพื่อนขาดทุนด้วยเยอะไม่เสียหน้า (ฮา) 😅

3.) ฉันเก่ง

ผมเชื่อว่า"นักลงทุนจำนวนไม่น้อย มักมีระดับการศึกษาที่ดี และหลายคนประสบความสำเร็จในสายอาชีพ รวมถึงประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมาก่อน"

ดังนั้นเมื่อเข้ามาลงทุนในตลาด ไม่ว่าจะ Forex หรือ Option จึงเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป บวกกับการหาเงินได้บางครั้ง (ครั้งสองครั้งแรก) ได้ง่ายจากการลงทุนทำให้ย่ามใจและประมาท ที่น่ากลัวคือประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป ส่งผลให้ขาดทุนและล้มเหลวในการลงทุน

สาเหตุหลักๆ คือชุดความรู้ที่ใช้ในการลงทุน มันเป็นคนละชุดความรู้ในการดำเนินชีวิต ดังนั้นต้องระลึกเสมอว่าเมื่อท่านเพิ่งจะเริ่มลงทุน จงอย่าประมาทกับตลาด แม้จะ จบ ดร. หรือ ประสบความสำเร็จสักแค่ไหน‼️ ก็จงเจียมตัวและเปิดใจที่จะเรียนรู้ชุดความรู้ใหม่ๆ เหมือนกับวันแรกที่เราเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย 

เพราะที่นี้คือสนามรบ ⚔️ เงินที่ท่านได้รับก็คือเงินของนักลงทุนคนอื่นๆที่ซื้อหุ้นตัวเดียวกับท่าน ในขณะเดียวกันคนอื่นๆย่อมจ้องที่จะงับเงินในกระเป๋าท่าอยู่เช่นกันเพราะฉนั้น ที่นี้จึงเป็นที่ที่แข็งขันกันสูง คนที่แข็งแกร่งและหาแนวทางระบบการลงทุนของตัวเองเจอเท่านั้นถึงจะอยู่รอดระยะยาวครับ 💸

4.) ห้ามมีอคติเด็ดขาด

อคติเป็นเหมือนงูพิษ 🐍ข้างบ้าน หอกข้างแคร่ที่คอยทำร้ายเราเสมอ คนส่วนมากมันเลือกฟังแต่สิ่งที่ตนเองชอบและเชื่อ จนละเลยข้อมูลข่าวสารอีกด้าน ทำให้เกิดความผิดพลาด เช่น ถ้าท่านเชื่อว่าหุ้น BB จะขึ้น (เพราะท่านซื้อไว้แล้ว) ท่านก็จะเชื่อแบบนั้น จะซื้อเพิ่มเมื่อมีข่าวดี แต่จะละเลยและไม่สนใจเมื่อมีข่าวร้าย หรือเมื่อมีคนมาวิเคราะห์ วิจารณ์ทางด้านลบ ⛔

สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ ความหายนะก็มาเยือน คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ออกจากหุ้นตัวนี้ ท้ายสุด หรือไม่ก็ทนติดดอยไปจนตาย

5. )เก็บตัวแดง ขายตัวเขียว

แนวคิดนี้เหมือนสัจธรรมของการลงทุนในหุ้นและตลาดอื่นๆ คนทั่วไปมักจะเลือกทำตามจิตวทยาในลักษณะที่เป็นบวกต่อจิตใจ การขายหุ้นที่กำไรในพอร์ต จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจ สามารถคุยบอกใครได้ อย่างน้อยก็คิดว่ามาร์จะรู้และชมเราว่าเราเก่ง แต่ขณะเดียวกันจะเก็บหุ้นขาดทุน ติดลบถล่มทลายไว้ในพอร์ต เพราะเชื่อว่าสักวันมันจะกลับขึ้น สักวันมันจะเขียว(ไม่ขายไม่ขาดทุนโว๊ย) จนเกิดความเสียหายจำนวนมาก นักลงทุนมักคิดว่าขาดทุนมันจะเจ็บในช่วงแรก(แป๊บเดียว) ทนผ่านอาทิตย์แรกได้ก็จะสบาย ชิวๆ

แท้จริงแล้ว การที่เราตัดสินใจผิดซื้อหุ้นไม่ดี ทั่วไปการขาดทุน 10% เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์เพราะการ ถือหุ้นที่ผิดทางไปเรื่อยๆความเสียหายจะลุกลาม และโอกาสกลับขึ้นมาก็จะน้อยหรือใช้เวลานาน ส่วนหุ้นตัวที่เขียวนั้น มักจะเป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโต และมีการเพิ่มขึ้นของราคาได้อีก ซึ่งควรค่าแก่การถือไว้มากกว่าในอนาคต


6.)อย่างนี้มันต้องถอน

เวลาขาดทุน จังซี่มันต้องถอน ‼️ จังซี่มันต้องถอน‼️ ขาดทุนรอบแรกไม่หน่ำใจโทษดิน โทษฟ้า โทษเจ้ามือ พยายามถอนทุนด้วยการซื้อเข้าไปอีก จัดหนักเป็นสองเท่าเพื่อเอาของเก่าคืน สุดท้ายก็ขาดทุนหนักกว่าเดิม ต้องมาร้อง รู้งี้ รู้งี้อีก ‼️

เพราะเมื่อคุณพลาด สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่า "พลาด"

  • ขาดทุนเพราะอะไร⁉️ 
  • ระบบการเทรดมีปัญหาหรือไม่ ⁉️
  • ควรหยุดเพื่อตรวจสอบ หรือไม่ก็ควรเทรดในอัตราที่น้อยลงเพื่อพิสูจน์ตรรกะการตัดสินใจ 
  • ถ้าพลาดอีกต้องปรับปรุง อย่าปล่อยให้ความโกรธ โทสะครอบงำจิตใจ อารมณ์มันจะปกคลุมความสามารถในการตัดสินใจแบบเป็นเหตุเป็นผล 
สุดท้ายก็เน่าสนิท ควรตั้งสติและรวบรวมสมาธิ ให้อยู่ในระบบของเราและแก้ไขข้อผิดพลาดดีกว่าการไป ฝืนจะเอาชนะ เพราะทำเท่าไหร่ก็จะมีแต่แพ้ครับ

7.) อย่ายึดติดกับอดีตมากเกินไป

ระบบความคิดของคนส่วนใหญ่มักใช้การเปรียบเทียบมาเป็นตัวตัดสินใจลงทุน ซึ่งก็มีข้อเสียตรงที่ถ้าเราไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน หรืออ่านเกมส์ไม่ขาด เราจะกลายเป็นเหยื่อ

หลายครั้งที่ คนมักจะไม่ซื้อหุ้น เพราะอดีต(การลงทุนครั้งก่อน) เคยซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาที่ถูกกว่า หรือ ไม่ขายหุ้นตัวนี้ เพราะอดีตเคยขายในราคาที่สูงกว่า ความคิดแบบนี้ทำให้เสียโอกาสในการลงทุน พลาดโอกาสการทำกำไร เพราะไปยึดติดกับราคาเก่า เช่นเคยซื้อหุ้น A ที่ 18 บาท (รอบที่แล้ว สัปดาห์ก่อน) ปัจจุบันราคา 25 บาทจอดนิ่งๆคุณก็จะไม่ซื้อ พยายามรอให้ลงมา และแล้วหุ้นก็วิ่งไป 30 35 บาท(ตกรถ) หรือซื้อหุ้น BB และถือจนราคามาที่ 40 บาทก็ไม่ขาย เพราะรอบที่แล้วเคยขายได้ที่ 50 บาทเป็นต้น จนราคาวิ่งลงทดสอบแนวรับ ลงไปเรื่อยๆ (ติดดอยทันที)

คนส่วนใหญ่คิดว่า "จะกำไรต้องซื้อถูก-ขายแพง" แท้จริงแล้วถ้าเราจะเล่นในเกมส์เก็งกำไร "การซื้อแพง ขายแพงกว่า" ก็สามารถสร้างโอกาสชนะได้มากกว่าด้วยซ้ำ การเก็งกำไรมันขึ้นกับ Demand Supply ซึ่งในเวลาที่ต่างกัน ผลย่อมต่างกันซึ่งจะสะท้อนออกมาในการซื้อ-ขาย ถ้าราคาวิ่งขึ้นสูงแต่มีแรงขับมาก การซื้อหุ้นในราคาสูงเพื่อ ขายในราคาที่สูงกว่า ย่อมได้กำไร และมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าการไปรอคอยให้หุ้นวิ่งลงไปหาคุณที่จุดต่ำสุดเดิมที่เคยซื้อ


ก่อนจบขอฝากคำพูดของ อาจารย์ชาลี มังเกอร์ ว่า "ถ้าต้องการชนะในเกมทุกอย่าง ต้องเอาชนะตัวเองก่อนเสมอ" การลงทุนให้ประสบความสำเร็จ 

  1. 60% คือจิตวิทยาการลงทุน 
  2. 20% คือเทคนิคการเทรด (การวิเคราะห์พื้นฐาน หรือ วิเคราะห์ทางเทคนิค) 
  3. สุดท้าย 20% คือการบริหารจัดการเงินทุน (Money Management)

ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าคุณเล่นเทรดไม่เก่ง ลงทุนไม่เก่งไม่ต้องไปใฝ่หาอะไรมากหรอกครับ ‼️

นุ่งขาวห่มขาว หันหน้าเข้าวัดฝึกปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิดูจิต ดูอารมณ์คุณ เอาชนะและจัดการอารมณ์คุณได้ เท่ากับคุณมีโอกาสระสบความสำเร็จแล้วครับ ✅

แถมอีกสักนิดเอาไว้ให้อ่านกัน บทความวิชาการ เรื่อง "การศึกษาจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุน: 
กรณีของนักลงทุนไทยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" ( A Study of Investors’ Psychological Investment: A Case of Thai Investors in the Stock Exchange of Thailand" ) ของคุณ สุทธินันทน์ พรหมสุวรรณ ลองอ่านเพื่อเป็นแนวทางนะครับที่


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ