Full Time Worker (พนักงานประจำ) VS Trader Full Time (เทรดเดอร์ฟูลทาม) ใครดีกว่ากัน ‼️


ตลาด Forex และ Option ในตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อเทียบกับสมัยเมื่อสองสามปีที่มาผ่าน...กระแสของการลาออกจากงานประจำมาเทรดเป็น Trader Full Time นั้นดูจะยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอยู่เรื่อยๆและเนืองๆ
ถึงแม้ว่าบางคนที่ออกจากงานประจำมาเทรดในช่วงแรกๆหรือหลังก็ยังมีความคิดที่จะกลับไปทำงานประจำอยู่เพราะเห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดเหล่านี้
ความคิดเห็นส่วนตัวของผม : มองว่าว่าอาชีพเทรดเดอร์นี้สามารถเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้(เพราะผมก็ทำอยู่) หลายๆคนก็ได้พิสูจน์แล้วว่า "ทำได้จริงนะ"
ถ้าคุณมีเงินทุนสัก 1 แสน ถึง 1 ล้านบาท ตอนที่ผมออกงานมาเทรดเมื่อ 3 ปีก่อน ผมมีเงินทุนแค่ หกหมื่นบาท เทรดมาสามปีตอนนี้มีเงินในพอร์ทไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นเหรียญ ทุกวันนี้ผมเทรดได้โดยเฉลี่ยวันละ 3,000 บาท ได้บ้าง เสียบ้าง แต่รวมๆทั้งเดือนก็กำไรครับเพราะผมไม่ใช่เทพ มีได้มีเสีย ปรกติครับ แต่พยายามเทรดไม่ให้ขาดทุนก็พอ
ผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไรมากมาย(ช่วงนี้ผมกำลังเก็บเงินทำบ้าน) และก็ทำธุรกิจร้านอาหารไปด้วย
ส่วนใครที่มีครอบครัวอาจจะต้องมีเงินทุนและสร้างกำไรให้ได้มากกว่านั้นแต่ก็ไม่ใช่ว่า"ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จจากการเป็น Trader Full Time ได้"
ส่วนตัวผมมองว่า"ทุกคนนั้นสามารถออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลาได้" ขึ้นอยู่กับความพร้อมด้วยนะ เพราะเรามีสิทธิ์เลือกครับ แต่อีกทางหนึ่งก็มองว่า"หากทุกคนในประเทศออกมาเป็นเทรดเดอร์ฟูลทามกันหมด" แล้วใครจะมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจละ....
ในความเป็นจริงแล้ว...ไม่มีใครออกมาเทรดเต็มตัวกันหมดหรอกครับ เพราะผู้คนเหล่านั้นแค่อยากมีรายได้หลายๆทางครับ เช่น ครู ตำรวจ ทหาร หมอ อื่นๆอีกมากมายครับ....จนกว่าพวกเขาจะเบื่องาประจำแล้วออกมาเองครับ....
เพราะอีกหน่อย หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่การทำงานแล้ว ฉนั้นมนุษย์อย่างเราๆก็ควรหาทางเลือกเผื่อไว้บ้างนะครับ เช่น การเทรด เป็นต้น ต่อไปนี้คือ 6 ข้อ ในการเปรียบเทียบ (พนักงานประจำ) VS (เทรดเดอร์ฟูลทาม)

1.) ข้อแรก…เบื่อคนที่ทำงาน

เป็นเหตุผลแรกๆสำคัญที่สุดที่ทำให้คนเราอยากออกจากงานประจำที่สุดเลยครับ เพราะเบื่อที่ต้องมาระแวงคนรอบข้าง โดนเพื่อร่วมงานเอารัดเอาเปรียบ เจ้านายไม่เห็นความสำคัญ มองข้ามความสามารถ ฯลฯ
การเทรดสามารถสร้างรายได้จากคนๆเดียวได้โดยที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครเลย
ข้อนี้ผมยกให้ Trader Full Time เป็นฝ่ายชนะครับ เพราะแน่นอนว่าเมื่อคุณออกมาเทรดแล้วก็จะไม่เจอปัญหากับเพื่อนร่วมงานแน่นอน เว้นแต่ว่าคุณจะไปด่า พาดพิงว่าร้ายใส่กันกับเพื่อนๆนักเทรดด้วยกันครับ

2.) ข้อสอง..เบื่องานจำเจ

นี่ก็เป็นเหตุผลอันดับรองต้นๆเช่นกันครับ พนักงานประจำเกินกว่าครึ่งไม่ได้รักในงานที่ทำอยู่เลย จึงอยากผันตัวเองออกจากงานประจำและหาทางสร้างรายได้อื่นๆแทนไม่ว่าจะเปิดธุรกิจหรือเทรดเอง
ข้อนี้ผมให้เสมอกัน เพราะเอาเข้าจริงแล้วการอยู่กับตัวเลขและตลาดตลอดเวลาอาจจะเป็นเรื่องน่าเบื่อกว่างานประจำก็เป็นได้ ที่สุดแล้วถ้าคุณไม่สามารถรับความเป็นจริงได้ว่าเราต้องทำงานหรือเทรดตลอดชีวิต คุณจะไม่มีความสุขอยู่ดีไม่ว่าจะทำงานประจำหรือเทรดเต็มเวลา

3.)ข้อสาม..ต้องอิสระภาพทางเวลา

คนที่ต้องการออกมาเทรดต็มตัวแน่นอนว่า"ต้องการเวลาเป็นของตัวเอง"พนักงานแทบทุกคนจะต้องรีบเข้าไปตอกบัตรเข้างานแต่เช้าและตอกบัตรออกในตอนเย็น บางอาชีพต้องทำงานหกวันด้วยซ้ำ สู้เทรดไม่ได้เลย เทรดดีกว่าสามารถเลือกได้ว่าวันไหนจะเทรดได้
ข้อนี้ Trader Full Time ชนะเลย : จริงๆครับที่หากเราเป็น Trader Full Time เราสามารถเลือกได้ว่าจะเทรดหรือไม่เทรดก็ได้และจะหยุดวันไหนก็ได้
แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องเทรดกับตลาดทั้ง 5 วันนะครับ ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์เต็มตัวแล้วแน่นอนว่างานของคุณคืออยู่หน้าจอเทรด แถมใครเทรดค่าเงิน ทองคำ ต้องอดนอนมาเฝ้าจออีก แล้วตกลงมีเวลาเป็นของตัวเองตรงไหน?
คำตอบคือ บอทเทรดครับ(แต่ต้องเป็นบอทที่ทนได้ทุกสภาวะนะ) และ เทรดเดอร์สายข่าว (ข่าวมาช่วงไหน ก็วิเคราะห์เล็กน้อย ตั้ว Pending Order จบละครับ)

ข้อสี่...การยอมรับในสังคม

ข้อนี้มนุษย์เงินเดือนชนะฟูลไทม์เทรดเดอร์ครับ ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่าอาชีพเทรดเดอร์ยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคมไทยมากนัก (ขนาดเล่น Forex เล่น Option ไปทำงานไปยังโดนจ้องเขม่นกันเลย)
การที่ออกจากงานประจำมาเทรดอย่างเดียว แน่นอนว่าคุณอาจจะไม่มีสังคมอื่นนอกเหนือจากนักลงทุนด้วยกันเอง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณยังเป็นคนทำงานอาจมีโอกาสได้เจอผู้ใหญ่ เจอผู้คนในวงการเดียวกัน
ถ้าหากเป็นเทรดเดอร์ โอกาสที่จะได้เจอผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหรือพวกเซียนเทรดทั้งหลายก็ไม่ได้มีเยอะมากนัก ถ้าพอร์ตคุณไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากก็คงไม่มีใครมาสนใจมากนัก ไม่เพียงแต่การได้รับการยอมรับในสังคม แม้แต่คนในครอบครัวเองก็อาจไม่ให้การยอมรับด้วยซ้ำ เพราะผู้ใหญ่ในวัยนี้ส่วนมากจำภาพตลาด Forex เป็นเรื่องหลอกลวง,แชร์ลูกโซ่,ระดมทุนเทรด เป็นต้น
ไม่ค่อยมีใครปล่อยให้ลูกหลานออกมาเล่นเทรดอย่างเดียวหรอก แต่เดี๋ยวนี้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นนะครับ...ข้างหน้าอีก 5 - 10 ปี ก็ไปไกลมาก

ข้อห้า…ความมั่นคงทางการเงิน

ข้อนี้มนุษย์เงินเดือนก็เป็นฝ่ายชนะอีก มีเรื่องแปลกแต่จริงอย่างหนึ่งคือเทรดเดอร์มืออาชีพที่มีพอร์ตร้อยล้านบาทอาจจะทำบัตรเครดิตไม่ผ่านก็ได้เพราะธนาคารมองว่าคุณมีรายได้ที่ไม่แน่นอน (คือเดือนนี้กำไร 10 ล้าน เดือนต่อไปอาจจะกำไร 50 ล้าน แต่แบงก์จะมองว่าไม่มั่นคง) แต่ในขณะที่มนุษย์เงินเดือนรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนกลับอนุมัติบัตรเครดิตได้สบายๆคนทำงานประจำ ต่อให้ทำงานก๊องๆแก๊งๆ ออกแรงไม่ถึงครึ่ง สิ้นเดือนคุณก็ได้เงินเดือนเท่ากันทุกเดือน ยกเว้นเป็นเซลล์ ถ้าขี้เกียจก็อด…
ส่วนคนที่เป็นเทรดเดอร์ฟูลไทม์ ขี้เกียจเมื่อไรก็ไม่มีรายได้แต่เอาเข้าจริงแล้ว ทั้งมนุษย์เงินเดือนและฟูลไทม์เทรดเดอร์ ต่างเผชิญความท้าทายในข้อนี้ด้วยกันทั้งคู่ คือคนทำงานประจำที่ไม่มีการพัฒนาตัวเองและเทรดเดอร์ที่ไม่พัฒนาตัวเอง ต่างก็จะไม่มีความมั่นคงทางการเงินเหมือนกันครับ
เพราะสมัยนี้นั่งทำงานอยู่คุณอาจถูกปลดออกจากตำแหน่งหรือถูกเลย์ออฟเอาได้ง่ายๆ หรือพนักงานแก่ๆที่งานน้อยเงินเดือนสูง พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่โดนหมายหัวให้ออกถ้าองค์กรเริ่มไปไม่รอด...ถ้ารู้แล้วอนาคตเป็นแบบนี้ออกมาเทรดแต่เนิ่นๆดีกว่าครับ

ข้อหก..อิสระภาพทางการเงิน

ข้อนี้ผมให้เสมอกัน เพราะต่างฝ่ายต่างต้องพยายามพาตัวเองไปให้ถึงอิสรภาพทางการเงินเหมือนกัน ใช่ว่าทำงานไปเรื่อยๆหรือเทรดไปเรื่อยๆแล้วจะได้มันมาซะเมื่อไร หากคุณทำแต่งานประจำมีรายได้ทางเดียว รับรองได้ว่าคุณจะไม่มีสินทรัพย์เพียงพอสำหรับการเกษียนอย่างสบายใจ
ถ้าไม่มีการแบ่งเงินไปลงทุนอย่างอื่นเทรดเดอร์ก็เช่นกันครับ ถ้าไม่มีการวางแผนทางการเงินที่ดี มีแผนสำรอง รวมถึงรายได้ในรูปแบบ Passive Income (เช่นรายได้ค่าเช่าต่างๆ,ทำ IB ) ก็อย่าหวังว่าจะไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้ครับ
สรุปว่า ใครแพ้ใครชนะไม่สำคัญกันครับ สำคัญกว่าคือเราต้องตอบโจทย์ของเราให้ได้ครับว่าตัวเองเหมาะสมกับอะไร ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าคุณทำงานประจำก็ควรจะต้องศึกษาการลงทุนเอาไว้บ้าง
ส่วนคนเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ก็ต้องยอมรับว่าคุณจะได้บางอย่างไม่เหมือนคนทำงานประจำและก็จะต้องเสียบางอย่างด้วยเช่นกันครับ
แหล่งที่มาบทความ : www.finnomena.com
เรียบเรียงใหม่ : คนเล่น Forex

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ