1.Pip and Points
- Pip อ่านว่า ปิ๊บ ย่อมาจาก Price Intercept Point เป็นหน่วยที่ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
- ตัวอย่างเช่น หากคู่เงิน EUR/USD = 1.1234 และวิ่งขึ้นไปที่ 1.1237 การขยับของราคาจะเท่ากับ 3 Pips
- Pip จะเป็นเลขทศนิยม ตำแหน่งที่ 2 ของ คู่เงิน 3 ทศนิยม และ ตำแหน่งที่ 4 ของคู่เงิน 5 ทศนิยม
- Point คือ หน่วยที่เล็กที่สุดที่ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
- Point จะแสดงในทศนิยมตำแหน่งที่ 5 และ 3 ของคู่เงิน 5 ทศนิยม และ 3 ทศนิยม
- โดย 10 Points = 1 Pip
2.Bid Price
- Bid Price คือ ราคาเสนอซื้อ (คล้าย ๆ กับในงานประมูล เวลาคนประมูลสินค้าก็จะ Bid ราคาแข่งกัน) เป็นราคาที่ตลาดเสนอให้เรา (หรือจะเป็น Broker ก็ได้) สมมติว่าเราซื้อคู่เงินไว้เวลาเราจะขาย เราจะขายให้ในราคาฝั่ง Bid Price นี้ (ใครที่เคยอยู่ในตลาดหุ้นก็จะคุ้นเคยกันดีกับ Bid Price นะครับ)
3.Ask Price
- Ask Price คือ ราคาเสนอขาย เป็นราคาที่ตลาดเสนอให้เรา
- ระยะห่างระหว่าง Bid Price และ Ask Price เราจะเรียกว่า Spreads เช่น สมมติว่าคู่เงิน EUR/USD Bid Price = 1.1234 และ Ask Price = 1.1235 ระยะห่างจะเท่ากับ 0.0002 เราจะเรียกจำนวน 0.0002 นี้ว่าห่าง 2 pips หรือ Spreads = 2 pips
- ใน Fx จะเห็นว่าอัตราการแลกเปลี่ยนจะแสดงเป็นคู่เทียบกัน ตัวอย่างเช่น USD/JPY = 110.123 แปลว่า ที่ 1 US. Dollar จะเท่ากับ 110.123 Japan Yen หมายความว่า ถ้าเราทำการซื้อ (Buy) ค่าเงินหนึ่ง ก็เท่ากับเรา ขาย (Sell) อีกค่าเงินหนึ่ง นั่นเอง
4.Leverage/Margin
- Leverage คือ อัตราทด เป็นสิ่งที่ทำให้เราออกแรงน้อยลงในตลาด Fx เพราะ เราใช้เงินจำนวนน้อยเพื่อเทรดคู่เงินที่มีมูลค่าสูงได้
- Margin คือ อัตราการวางเงินของเราในการเทรดคู่เงินนั้น ซึ่งจะวางน้อยกว่ามูลค่าจริง (เหมือนมีคนออกเครดิตให้กู้)
- ตัวอย่างเช่น Margin 1% นั่นแปลว่า เราสามารถเทรดคู่เงินที่มีมูลค่า 100,000 USD ด้วยการวางเงินเพียง 1% ของมูลค่า ซึ่งเท่ากับ 1,000 USD
- ลักษณะการวางเงิน Margin 1% (1,000 USD เพื่อเทรด 100,000 USD) เราเรียกว่ามี Leverage 100 เท่า (1:100)
- ข้อดีของการมี Leverage ก็คือ เราใช้เงินเทรดน้อยก็สามารถเทรดได้ (ที่เหลือเปรียบเสมือน Broker ออกให้) จึงทำให้ได้กำไรเยอะเสมือนเราลงเงินจำนวน 100,000 USD
- ข้อเสียก็คือ หากเราควบคุมความเสี่ยงไม่เป็น เราจะขาดทุนหนัก เพราะขนาดของความเสี่ยงจะเท่ากับเงินจำนวน 100,000 USD เมื่อเทียบกับเงินของเราที่มีเพียง 1,000 USD
- เพราะฉะนั้นหากต้องการจะเทรด Forex ให้กำไรอย่างต่อเนื่อง เรื่องการควบคุมความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ
5.รู้จักตัวย่อคู่เงินสำคัญ ๆ ที่ใช้เทรดในตลาด Forex
การเรียกคำย่อเรามักจะใช้อักษรตัวหน้าของแต่ละสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น- EUR/USD ย่อว่า EU แทนคู่เงิน Euro กับ US. Dollar
- USD/JPY ย่อว่า UJ แทนคู่เงิน US.Dollar กับ Japan Yen
- GBP/USD ย่อว่า GU แทนคู่เงิน British Pound กับ US. Dollar
- AUD/USD ย่อว่า AU แทนคู่เงิน Australia Dollar กับ US. Dollar
- USD/CHF ย่อว่า UC แทนคู่เงิน US. Dollar กับ Swiss Frank
6.ช่วงเวลาทำการของศูนย์กลางการเทรดตามเวลาประเทศไทย
- ตลาด Forex เป็นตลาดที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ จันทร์-ศุกร์ ตามเวลาประเทศไทยจะเป็นดังนี้
หวังว่าบทความนี้จะทำให้มือใหม่ทุกท่านได้ความรู้อัดแน่นกันไปและรู้จักตลาด
Forex มากขึ้นนะครับ ตามที่ผมสัญญาไว้ครับว่า หากเราไม่รู้ 6 สิ่งสำคัญนี้
เราไม่มีทางที่จะทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะ
ทุกข้อที่กล่าวในบทความนี้คือ พื้นฐานสำคัญสำหรับ เทรดเดอร์รายย่อย
อย่างเรา ๆ จึงทำให้ 6 สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้นั่นเองครับ
สำหรับบทความหน้าผมจะพาทุกท่านลงลึกไปให้มากขึ้นอีก เพราะ
บทความต่อไปเราจะไปพูดถึงเทคนิคการคำนวณกำไร/ขาดทุน การเปิด-ปิด สถานะ
จากโปรแกรมการเทรดที่เป็นโปรแกรมที่นิยมใช้กันทั่วโลก
บอกได้เลยว่าใครที่พร้อมจะเทรด Forex แล้ว ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เพราะ
การรู้จักเครื่องมือที่ใช้เทรดนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเลยครับ
อย่าลืม Comment Share หรือ กด Like ติดตาม Fanpage นะครับ จะไม่พลาดการอัพเดตบทความเจ๋ง ๆ ขอบคุณครับ
- [tab]
- ขอขอบคุณที่มาของบทความ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น