'' ไอเดียต่อยอดเงินทุน '' กับ "เกียร์แห่งความมั่งคั่ง"

"รถ หรือ ลด" รถยนต์มีค่าเสื่อมราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1% ของราคาตั้งต้น

สมมติ : รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,000 บาท ซื้อรถยนต์ปี2016 มูลค่า 1,300,000 บาท มีค่าผ่อนรถต่อเดือน 15,000 บาท /เดือน
รายได้ 50% ของคุณหมดไปกับรถยนต์คันนี้เสียแล้ว แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น
รถยนต์ยังมีค่าเสื่อมคือ 1% ต่อเดือน เป็นเงินมูลค่า 13,000 บาท คิดเป็น 43% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน

ถ้าลองนำมา รายได้ - ผ่อนรถ - ค่าเสื่อมอนาคต = 7,000 บาท
ถ้าหักค่าที่พัก + ค่าอาหาร ต่อเดือน 7,000 บาทคงไม่เหลือเก็บ
โชคดีมันเป็น "ค่าเสื่อม" เรื่องของอนาคตหลังจากผ่อนทั้งหมดเสร็จแล้ว
----------------------------------------------------------------
ถ้าเป็นคุณจะนำเงินค่าเสื่อมราคา 13,000 บาท/เดือน
นี้ไปลงทุนให้เกิดประโยชน์กับชีวิตคุณอย่างไร
ภายในระยะเวลา 5 ปี [ ไม่จำเป็นต้องลงทุนในForex ]




เกียร์แห่งความมั่งคั่ง" หลายคนในตลาดForexที่ผมพบเจ

เข้ามาในตลาดเพื่อต้องการเปลี่ยนชีวิตตนเอง เปลี่ยน ฐานะทางการเงินของตนเอง "ผมก็เช่นกัน"

เมื่อสามปีที่แล้ว : ผมเปรียบเสมือนรถยนต์ที่พึ่งวิ่งอยู่ในตลาดแห่งนี้ หลายๆคนก็เช่นกัน

เราทุกคนริ่มต้นด้วยกันเหมือนกันหมดคือ " เกียร์หนึ่ง"

แต่ปัจจุบัน : ผมแซงผู้คนเหล่านั้นมามากมาย มันเกิดอะไรขึ้น

หลายคนพยายาม เปลี่ยนจาก เกียร์หนึ่ง เป็น เกียร์สี่ ทันที
[ มือสมัครเล่น -> มืออาชีพ]

มือสมัครเล่น คือ ไม่มีประสบการณ์

มืออาชีพ คือ มีประสบการณ์ สร้างแสเงินสด

แน่นอน พอร์ตของเขายังไม่ใหญ่นัก แต่พวกเขาก็พยายามจะนำพอร์ตเล็กๆของพวกเขา ดึง Cash flow ออกมา

ทั้งที่ พอร์ตที่ เขามีนั้นยังไม่มั่นคงพอ ที่ควรดึง กระแสเงินสดออกมา

ก็เปรียบเสมือนรถยนร์ ที่เปลี่ยนจาก เกียร์หนึ่ง เป็นเกียร์สี่ ทันที

"รถจะเหยียบไม่ขึ้น ต่อให้เขาเหยียบคันเร่งสุดฝีเท้า แต่ล้อก็ไม่หมุนดังใจที่เขาต้องการ"

ล้อ คือ กระแสเงินสด , คันเร่ง คือ พยายามเทรด

สำหรับผม : ผมอยู่เกียร์หนึ่งเหมือนกัน และ ยิ่งกว่านั้น ผมโดนรถคันอื่นชนเต็มๆ กลาง U-turn

เพราะผม เปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไป จึงทำให้ รถผมเหยียบไม่ไปขณะ U-turn จึงทำให้ผมโดนชน อย่างเต็มคัน [ ล้างพอร์ต ]

ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า : เราไม่ควรรีบเปลี่ยนเกียร์ ในขณะที่รถกำลังเร่งทำความเร็วสูงสุด ใน รอบนั้น

เมื่อความเร็วได้ที่ เราควรผ่อนคันเร่ง เพื่อชะลอ ความเร็วลงมา
[ Backtest,วางแผน,ทบทวน,กลยุทธ์,ทีมงาน,เวลา สุขภาพ]

เมื่อทุกอย่างพร้อม จังหวะมาแล้ว ผมถึงจะค่อยเปลี่ยน "เกียร์" ถัดไป "อย่างมั่นคง"

ตลาดนี้ไม่มีลิฟท์ หรือ ทางลัด หรอกครับ ถึงมันจะมีบางครั้งที่คุณทำกำไรได้มาก จนคุณ รู้สึกประสบความเร็จ ในการเทรด

เมื่อเวลาผ่าน พอร์ตของคุณก็จะกลับมาที่เดิม เพราะนั้นไม่ใช่ลิฟท์

แต่มันคือ "สปริง" ที่ทำให้คุณ กระโดด ขึ้น ลง ขึ้น ลง อยู่อย่างนั้น

เพราะพื้นฐานคุณยังไม่แน่นพอ คุณยังไม่รู้วิธีการจัดการความเสี่ยง คุณยังไม่รู้วิธีเก็บรักษาเงินที่ได้มาของตนเองได้

สุดท้าย : คุณก็จะอยู่กับที่เหมือนไม่ได้ขยับไปไหน

ผมจึงอยากบอกมือใหม่ทุกคนว่า :

ปีแรกยังไม่ต้องรีบดึง กระแสเงินสด ออกจากตลาด แต่พวกคุณควรที่รู้จัก "รักตัวเอง" ให้อยู่รอด พ้น 1 ปีแรกไปให้ได้เสียก่อน

เน้นการ ปั้นพอร์ต ให้เติบโต เพราะ คุณไม่ได้เทรดเพียงแค่ ปีสองปี แต่คุณจะเทรดมันทั้งชีวิต

เพราะฉะนั้น : คุณเสียเวลาเพียงแค่ 1 ปี เพื่อปั้นพอร์ตให้โต แล้วค่อยดึงกระแสเงินสด จากพอร์ตที่เติบโตมาใช้ในจ่ายทั้งชีวิตที่เหลือของคุณ

สำหรับผมคิดว่า 1 ปีที่อดทน แลกกับ 80 ปีต่อมา มันช่างคุ้มยิ่งนัก

Ex : นาย A ต้องการ รายได้ต่อเดือน 15,000 บาท เงินทุน 30,000 บาท [ ต้องทำกำไร 50% ต่อเดือน ]

Ex: นาย B ต้องการ รายได่ต้อเดือน 15,000 บาท เงินทุน 30,000 บาทเช่นกัน แต่นาย B เลือกที่จะไม่ถอนเงิน นำกำไรมาทำดอกเบี้ยทบต้น และ ฝากเงินประจำเข้าพอร์ต[เดือนละ5,000บาท]

ในปีที่สอง นายB มีเงินในพอร์ต 120,000 บาท แล้วค่อยดึง กระแสเงินจากกำไร เดือนละ 15,000 บาท [ต้องทำกำไร 12.5%ต่อเดือน]

คุณว่า ระหว่างนาย A และ นาย B สภาพจิตใจ ของใครจะดีกว่ากัน และ ใครมีโอกาสทำกำไร ตามเป้าหมายสำเร็จมากกว่ากั

ระหว่างทำกำไร 50% กับ กำไร12.5% ต่อเดือน

"คำตอบนั้นอยู่่ที่ตัวคุณ" #พื้นฐานนั้นสำคัญ #การเทรดก็เช่นกัน


ขอบคุณบทความดีๆจาก
Credit: เพจ Forex Risk Way

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ