Leverage กับการเทรด Forex


Leverage กับการเทรด Forex
    หลายท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้างหลักการทำกำไรหลัก ๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่าซื้อถูก-ขายแพง (พูดง่ายแต่ทำจริง ๆ ไม่ง่ายเลย) ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัว ๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้นตรงที่เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่งในขณะเดียวกันก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไปหรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยนซื้อขายค่าสกุลเงินกำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ 

    ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรปกับเงินดอลลาร์สหรัฐค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคาซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับ

EUR/USD bid= 1.3500 offer (Ask) = 1.3502 

    ถ้าเราสั่งซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรดเราจะติดลบก่อนเสมอในความเป็นจริงคงไม่มีใครซื้อแล้วขายเลยแบบนี้)

    เราจะทำกำไรด้วยการ buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้นก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order นี้โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่าเราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง แต่ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย

    เมื่อเราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อนเพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมาและเราจะปิด order นี้โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่าเราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูกแต่จะเห็นว่าเราดูจุดหรือ pip กันที่ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กันสมมุติว่าเราพิจารณาแล้วเราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคาที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ)

    เมื่อเวลาผ่านไปราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุดแล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหวจึงปิดทำกำไรที่จุดนี้เราจะได้กำไรมา 50 จุดหรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้นนั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะ ๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียวเป็นเงินที่ไม่น้อยเลยแล้วเราจะทำอย่างไรล่ะเดี๋ยวเรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage นะครับว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะจากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร

Leverage คืออะไร?

    ในการที่เราสั่งซื้อหรือขายด้วยเงินเพียง $1 ของเราเองกำไรมันน้อยนิดมากขนาด +50 จุด ยังทำเงินได้ 17 สตางค์เองหากเราอยากทำกำไรเยอะ ๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียวมีทุนไม่พอแน่ทำไงดีตรงนี้แหล่ะครับที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการเทรด Forex อย่างไรเรามาดูกัน

    Leverage 1:100 แปลว่าเราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับเราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่นั้นจะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

    แต่ไม่ต้องห่วงนะครับว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่าเวลามี Leverage แบบนี้เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมากไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับจะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลงมันจะมาบวกหรือลบที่ 90% ที่เหลือหรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อย ๆ จน available หมดระบบจะทำการตัดขาดทุนโดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัตินั่นคือโบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

    คิดคร่าว ๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)
นั่นหมายความว่าด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวันก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10% และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวันก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาทหรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์ค่อย ๆ สะสมไปก็ได้ครับเพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือนลองคิดดูเล่น ๆ ล่ะกันครับถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวันเพิ่มไปเรื่อย ๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่จากทุนเพียง $5 เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับโอ้วววพระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ) ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมากทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา
Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ


ขอบคุณข้อมูลจาก

แหล่งที่มา
[Blogger Thaiforextrading##-##]

เว็บไซต์
[Thaiforex School##-##]


ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ