สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เมื่อจะเทรด Forex



1.คุณจะต้องฝึกการวิเคราะห์ แน่นอนคุณจะได้เงินได้อย่างไร ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันจะวิ่งไปทางไหน ถูกไหม? การวิเคราะห์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆก็คือ

1.1 การวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเราจะใช้ เครื่องมือ หรือ Indicator เพื่อวิเคราะห์ว่ากราฟจะไปในทิศทางไหน มันอาจจะดูเหมือนง่ายเพราะ Indicator (ตัวจับสัญญาณ) มันจะบอกได้เลยว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกเพราะมันจะมีสัญญาณหลอกด้วยเช่นกัน เครื่องมือ หรือ Indicator ต่างๆ จะมีประโยชน์ถ้าคุณใช้มันเป็น ดังนั้นคุณจึงต้องมีการฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำกำไรให้คุณได้สูงสุด ซึ่งการฝึกที่ว่านี้อาจจะนานร่วมปีหรือหลายปีเลยเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณเอง

1.2 การวิเคราะห์จากข่าว ไม่ว่าจะเป็นข่าว ปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการต่างๆ หรือข่าวอะไรก็ตามที่มีผลกระทบต่อการเงินประเทศนั้นๆ ก็สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เช่นกัน


2.การฝึกอารมณ์ตัวคุณเอง*****

ข้อนี้ผมคิดว่ามันสำคัญมากสำคัญกว่าการวิเคราะห์กราฟซะอีก ทำไมน่ะหรอ เพราะว่าบางทีเมื่อคุณวิเคราะห์กราฟแล้ว คุณคิดว่ามันจะขึ้นคุณก็ Buy ทันใดนั้นหุ้นก็ทิ่มหัวลง หรือคุณวิเคราะห์แล้วว่ามันจะลงคุณก็ Sell ทันใดนั้น มันก็พุ่งขึ้น เอาล่ะ

 
ยกตัวอย่างว่า...

หากคุณวิเคราะห์กราฟแล้วมันจะขึ้นคุณก็ Buy แล้วมันก็ขึ้นไปได้ซักพักคุณเริ่มมีความรู้สึกอารมณ์ดี~~~ โลกนี้มันช่างน่าอยู่เสียนี้กระไร แต่ทันใดนั้น!!!! มันก็ทิ่มกลับลงมาอย่างรวดเร็วขนาดที่คุณยังไม่ทันเอื้อมมือมาจับเม้าส์มันก็ทิ่มลงไป 10 กว่าจุดแล้วแล้วก็ยังทิ่มลงไปไม่หยุดคุณอาจจะเริ่มคิดว่าเอาน่ะเดี๋ยวมันก็ขึ้น....แต่มันก็ยังค่อยๆคืบคลานลงมาเรื่อยๆจนสุดท้ายคุณเริ่มคิดได้แล้วว่ามันคงไม่ขึ้นไปแล้วล่ะคุณจึงยอมตัดใจปิดขาดทุนไปแล้วคุณก็ส่งออเดอร์Sell เข้าไปแทนแต่ครั้งนี้คุณลงเงินไปหนักกว่าเดิมเพราะต้องการจะเอาคืนที่เสียไปเมื่อกี้นี้แล้วจะเอากำไรอีกด้วย สมมุติว่าเมื่อกี้คุณลงไปจุดละ 1แต่คราวนี้คุณอาจจะลง 3 หรือ 5เพื่อเอาคืน คุณเริ่มคิดว่า หึหึหึ...เอาเลยลงต่อไปเลยสิลงแรงๆแบบเมื่อกี้เลยนะ แต่ทว่า...มันกลับดีดตัวขึ้น 0_o!! แถมขึ้นแรงซะด้วยขึ้นแบบไม่หยุดขึ้นไปซะจนเลยออเดอร์ที่คุณ Buy ไว้ตอนแรก หรือ ไปจนถึงเป้าหมายของราคาที่คุณตั้งไว้ตอนแรกเลยด้วยซ้ำ เท่ากับว่าแทนที่คุณจะได้กำไร คุณกลับเสียเงิน 2 ครั้งติดแถมครั้งที่ 2 คุณชิบ....หนักกว่าเดิมด้วย

ทางเลือกที่มีให้ ก็คือ....

1.โยนคอมทิ้งออกไปนอกหน้าต่างซะ

2.เผาคอมทิ้งเหมือนมือกีตาร์วงดนตรีร๊อค

3.ทุ่มคอมลงพื้นแล้วกระทืบมันซ้ำ

4.ร้องไห้ไปพลางหัวเราะไปพลาง

 
คุณเข้าสู่สภาวะจิตหลุดแล้ว....

ถ้าเป็นตัวอย่างข้างบนคุณน่ะจิตหลุดตั้งแต่คุณส่งออเดอร์ ครั้งที่ 2 เข้าไปแล้วแต่นั่นมันยังไม่เต็มรูปแบบมันจะมาเต็มรูปแบบก็ตอนที่คุณ เสียออเดอร์ที่ 2 ไปนั่นแหละสภาวะจิตหลุดเป็นสภาวะที่ การคิดวิเคราะห์ ของคุณมันไม่มีอีกต่อไปอารมณ์เป็นตัวนำพาไปล้วนๆ การเข้าออเดอร์ในแต่ละครั้งมันช่างไร้ซึ่งเหตุผลสิ้นดี

 
ตัวอย่างที่ 2 

ในวันนั้นคุณสามาถรทำกำไรได้พอสมควรแล้ว ในใจคุณเหมือนมีเทวดากับซาตานกำลังเถียงกันอยู่แบบนี้

เทวดา วันนี้พอแค่นี้นะได้กำไรแล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเหอะได้เงินแล้ว

ซาตาน เฮ้ย!! พอได้ไงฟะ วันนี้เราเจ๋งสุดๆ กราฟเป็นใจให้เราจะตายเห็นไหมได้แต่กำไร พอได้ไงเทรดต่อสิเฟ้ย ได้เงินเพิ่มเห็นๆนะมึง เล่นต่อเลย

ถ้าคุณเชื่อ เทวดา :วันนั้นคุณได้เงินแล้วแน่ๆแล้วมันก็ไม่หนีไปไหน

ถ้าคุณเชื่อ ซาตาน : คุณจะต้องเทรดต่อไปแล้วก็วิเคราะห์ต่อไป

ถ้าคุณเริ่มเทรดต่อแล้วคุณเริ่มเสียแต่คุณก็นึกเสียดายกำไรที่เพิ่งจะทำไปคุณก็เลยเทรดต่อ ต่อไปเรื่อยๆ จนกำไรที่คุณทำมาหมดไป คุณยิ่งอยากได้กำไรที่ทำไปกลับคืนมาคุณก็หน้ามืดตามัวเทรดต่อไปเรื่อยๆ จนคุณขาดทุน หรือ ถึงขั้นหนักก็คือทุนหมด O_o!!!

ยินดีด้วยคุณจิตหลุดอีกแล้ว......

สาเหตุที่ทำให้เราจิตหลุด

มันมาจากสาเหตุเดียวเลยก็คือ อารมณ์ ของตัวคุณเองถ้าคุณปล่อยให้อารมณ์ อยุ่เหนือเหตุผล ความชิบ...ก็จะเกิดขึ้น แล้วถ้าคุณยังปล่อยให้อารมณ์มันครอบงำต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเป็น หายนะ... มีหลายคนที่สามารถเสพติดการเล่นหุ้นได้ ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับติดการพนัน ยิ่งเสียยิ่งอยากได้คืน สุดท้ายก็หมดตัว...


ทำอย่างไรไม่ให้จิตหลุด

-พอ หมายถึงถ้าคุณตั้งเป้าหมายไว้ในแต่ละวัน ว่าคุณจะทำกำไรเท่านี้ อาจจะซัก 5-10ของทุน ต่อวันเมื่อคุณทำได้ คุณก็ พอ.... แล้วค่อยไปต่อในวันพรุ่งนี้

-มั่นใจ หมายถึงเมื่อคุณวิเคราะห์มาเรียบร้อยแล้วว่า เป้าหมายของราคาอยู่ตรงไหน จุดตัดขาดทุนอยู่ตรงไหน ให้คุณมั่นใจในการวิเคราะห์ นั้นถ้ามันจะวิ่งไปหาจุดตัดขาดทุนคุณก็ต้องยอมรับและตัดขาดทุนทิ้งไปโดยไม่มีความลังเล และมองหาจังหวะในครั้งต่อไป

-ความโลภ คุณโลภได้เมื่อมีโอกาสจงปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันซะให้พอ แต่ถ้าไม่ใช่โอกาสนั้น ก็อย่าปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ

-ความกลัว กลัวที่จะเสียเงินขนาดว่าติดลบไปบานตะไทแล้วก็ยังหน้ามึนถือต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมคัททิ้งไป กลัวจะไม่ได้เงิน ได้กำไรแล้วแต่แค่นิดเดียวทั้งๆที่วิเคราะห์ถูกทางแล้วมันได้เยอะกว่านั้น แล้วกราฟก็เป็นไปตามที่วิเคราะห์แต่ก็รีบปิดไปก่อนเพราะกลัวไม่ได้เงิน ประมาณว่ายอมติดลบ 50 จุด แต่เก็บกำไร แค่ 5 6 จุด

จะเห็นว่าในส่วนของการเรียนรู้เรื่องอารมณ์นั้นจะยาวมากเพราะผมอยากให้เน้นในส่วนนี้มากกว่าเพราะมันฝึกได้ยากมาก คำว่าเงิน ใครๆก็อยากได้ และ ใครๆ ก็ไม่อยากเสีย เหมือนกัน การฝึกและเรียนรู้ในเรื่องอารมณ์นั้นคุณอาจจะใช้เวลาแค่ ไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน ไม่กี่ปี หรือ...คุณอาจจะไม่สามารถทำได้เลย สติไม่มา ปัญญาก็ไม่เกิด ดังนั้นถ้าคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในข้อ 2 ได้นั้น ข้อ 1 ในเรื่องการวิเคราะห์คุณก็ไม่ต้องไปเรียนรู้ เพราะคุณไม่ได้ใช้อยู่แล้ว

ข้อคิดที่ผมได้เห็นมาในการเทรดนี้อาจจะมาจากคำพูดของคนอื่นบ้างแต่ผมดันจำที่มาไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่เห็นมันมีประโยชน์เลยอยากแบ่งปัน

-         ไม่มี ระบบ หรือ การวิเคราะห์ไหนที่ถูกต้องแม่นยำ 100%

-         ไม่มีใครสามารถทำกำไรได้ทุกวัน เชื่อผม

-         สำคัญกว่ากำไร คือ การรักษาต้นทุน

-         ผิดทางก็คือผิด อย่าคิดว่ามันจะกลับมา แล้วปล่อยให้โดนลากยาวๆ

-         ถ้าคุณอยากได้กำไร คุณก็ต้อง ทำใจเรื่องขาดทุน

-         อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดที่ผันผวนที่สุดในโลกนี้

-         สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำตามสิ่งที่ง่ายที่สุด

-         อย่าซื้อเพราะเห็นว่ากราฟลงมาต่ำ อย่าขายเพราะเห็นว่าราคาขึ้นมาสูง

ขอให้ทุกคนเทรดอย่างรอบคอบ เข้าออเดอร์แต่ละครั้งต้องมีเหตุผล มันมีวันที่ดี และ วันแย่ๆ เสมอ....


Credit:foundationbike

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ