Part 2 : Accepting the Obvious (ยอมรับสิ่งที่เห็นชัดๆ)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับอีเมล์ที่มีคำถาม ที่ทำให้คิดถึงมุมมองเก่าๆ ของผม, เนื้อหาคือ ทำไมมีเทรดเดอร์ ต่อต้าน การ break out หรือ เทรดสวนเทรน แม้ว่ามันเห็นชัดมาก ? บางครั้งผมเห็น เทรดเดอร์ ปฏิเสธที่จะเข้าออเดอร์ ตอนที่ทะลุ Low เดิม เพียงเพราะว่า “ฉันไม่อยากจะขายที่ Low”, ที่แย่กว่านั้นคือ เทรดเดอร์ทื่ถือออเดอร์ที่ต้านเทรนอยู่ เพราะพยายามเชื่อว่า “มันจะต้องกลับมา” หรือ “ตลาดกำลังถูกปั่นจากเจ้า” งานนี้ต้องย้อนกลับไปถึงพื้นฐานการเทรด

Volume จะบอกคุณว่าเทรดเดอร์ และนักลงทุน กำลังยอมรับราคา ณ เวลานั้นๆ, ถ้าตลาดตลาดกำลังเทรดอยู่ในช่วงราคาแคบๆ มาระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นทะลุขอบบนของช่วงราคาไป ด้วย Volume มากๆ, มันหมายถึงว่า ตลาดได้ยอมรับราคาที่สูงขึ้นเรียบร้อย, สมมุติว่า คุณเป็นเจ้าของชิ้นงานศิลปะ ในงานประมูล พอเริ่มประมูลก็พบว่า มีผู้ประมูลจำนวนมาก เสนอราคาประมูลสูงๆ และเสนออย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน, ณ 

ตอนนั้น ที่คนกลังเริ่มรุมประมูล คุณควรเข้าใจว่า ชิ้นงานศิลปะของคุณ ยังไม่ถึงราคาขายที่ดีที่สุด ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า คุณไม่ควรจะขายงานศิลปะของคุณให้กับ กลุ่มผู้ประมูลกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มแข่งกันอย่างดุเดือด ที่ราคาเริ่มต้น !

ตลาดก็ดำเนินในลักษณะเดียวกัน บนพื้นฐานของการประมูล Bid-Offer, (ดู หนังสือ Mind Over Markets , หนังสือที่ยอดเยี่ยมของ Jim Dalton และ ผู้แต่งอื่นๆ สำหรับการพูดถึงเรื่อง ทฤษฏี การประมูล และ ใช้ประโยชน์จาก สภาพตลาด) ในแต่ละวัน, เราได้เห็นการประมูลเหมือนงานศิลปะ ในตลาด S&P, NASDAQ, พันธบัตร, ฯลฯ

การเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดหย่อนระหว่างคนซื้อ กับคนขาย เป็นสิ่งกำหนดราคาของตลาด, เมื่อเราเห็น Volume ขยายออกพร้อมๆ กับเมื่อราคาวิ่ง เมื่อนั้นเราก็ควรจะหนักว่า ตลาดไม่สมดุลอีกต่อไป มันจะวิ่งไปในทิศนั้นๆ จนกว่ามันจะได้แรงที่สมดุลระหว่างแรงซื้อ กับแรงขาย ที่ราคาใหม่จึงจะหยุดลงได้

บางครั้ง ผมลองถามเทรดเดอร์ว่า ตอน Break out นั้น เกิดอะไรขึ้นกับ Volume ? บ่อยมากที่ผมจะได้รับคำตอบว่า “ไม่รู้” เพราะ เทรดเดอร์นั้นสนใจแต่กับราคา และ ความอยากเข้าทำต่อการวิ่งของราคา จึงทำให้พลาดความสำคัญของ พื้นฐานเรื่องการประมูลไป

มันมีกฎอันหนึ่งที่กล่าวถึงกัน คือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในตลาด เทรดเดอร์ที่ดี จะสนใจต่อตลาด และความหมายของเหตุการณ์, ส่วนเทรดเดอร์ที่แย่ จะสนใจตัวเขาเอง และความหงุดหงิดจากการพลาดเหตุการณ์นั้น แล้วมัวแต่คิดว่า จะเอาคืนได้อย่างไรเป็นต้น, ผมเคยเห็นแม้แต่การพลาดเทรนชัดๆ ทั้งวัน เพียงเพราะพวกเขามัวแต่ยึดติดว่า ได้พลาดการเล่น Break out ตอนแรกไป

นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกเหตุผล จะทำให้พลาด การเคลื่อนไหวที่เห็นชัดๆ, จะยกตัวอย่างสักสามอันที่เกี่ยวข้องกันให้ดู ว่า “การปฏิเสธที่จะยอมรับ สิ่งที่เห็นชัดๆ”

1. ผู้หญิงคนหนึ่งไปหาที่ปรึกษา เรื่องปัญหาครอบครัว, หล่อนเล่าว่า สามีกลับบ้านดึกตลอด ไม่ใช้เวลาร่วมกับเธอ บอกว่าทำงานบริษัทดึก แต่เวลาโทรไปบริษัทเขาไม่เคยอยู่ที่นั่น, มีครั้งหนึ่งเขาพบของใช้ผู้หญิงในรถ เมื่อถามสามี เขาก็ตอบว่าเป็นของภรรยานั่แนหละที่ลืมทิ้งไว้นานแล้ว, ที่ปรึกษาเลยบอกว่า สามีคงจะมีหญิงอื่น ผู้หญิงคนนั้นได้ยินแล้ว โกรธมาก และต่อว่าที่ปรึกษาว่า หล่อนมาเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย ไม่ใช่มาทำลาย, หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ สามีก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่

2. คนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายคนหนึ่ง วันหนึ่งอาการแย่ลงกระทันหัน, ผลการตรวจแลป ชี้ว่ามะเร็งระยะสุดท้ายได้ลุกลามไปทั่วร่างกาย, หมอได้นัดพูดคุยกับครอบครัว เรื่อง การบรรเทาความเจ็บระยะสุดท้าย ด้วยการปล่อยผู้ป่วยให้ไปด้วยดี ครอบครัวผู้ป่วยโมโหมาก และยืนยันให้ใช้การรักษาที่เข้มข้นขึ้นอีก เพื่อที่ผุ้ป่วยจะได้กลับบ้านและทำงานต่อได้, ขณะที่กำลังพูดกันนั้น ผุ้ป่วยไม่สามารถถืออะไรได้ แม้แต่อาหารที่จะเข้าปาก เพราะร่างกายซูบผอมจัด ติดกระดู และ คนนอกเห็นได้ชัดมากว่า กำลังทรมาน

3. ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกทารุณกรรมทางเพศในวัยเด็กโดยพ่อของหล่อนเอง ได้ยืนยันว่า พ่อของหล่อนดูแล ห่วงใย และ พยายามทำให้หล่อนเจ็บปวดน้อยที่สุดในวัยเด็ก, ซึ่งขัดกับหลักฐานว่าหล่อนถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกทุบตี และ ถูกทำให้อับอายขายหน้าบ่อยๆ, หล่อนยืนยันว่า คนที่ผิดคือหล่อน ที่ทำให้พ่อไม่พอใจบ่อยๆ และ ไม่ยอมรับคำว่า ทารุณ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น, หล่อนอยู่ในภาวะหดหู่มาตลอดถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังพยายามติดต่อพ่อซึ่งปฏิเสธโทรศัพท์มาตลอด

ทั้งสามกรณีที่ยกมา ความยากในการยอมรับสิ่งที่เห็นชัดๆ เป็นผลมาจาก “ความต้องการเชื่อ” ที่จะเชื่อในสิ่งที่แตกต่างออกไป, ปัญหาไม่ใช่แค่ ตาบอดจากโลกความเป็นจริง แต่หนักกว่านั้นคือ ความต้องการที่จะมีโลกที่แตกต่างจากความเป็นจริง, กลับมาที่การเทรด, ถ้าเทรดเดอร์พลาดที่จะเข้าตอน Breakout (หรือเลวร้ายกว่านั้นคือ อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วกำลังเจ็บหนัก) เทรดเดอร์จะอยู่ในภาวะที่ต้องการตลาดที่แตกต่างจากความจริง, และเมื่อความต้องการนี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ตลาด มันก็เริ่มกลายเป็นความเห็นของพวกเขา และ เมื่ออีโก้(ความทรนงในตนเอง) เข้าครอบงำแล้วก็จะกลายเป็นภาวะที่มีชื่อเฉพาะที่เรียกกันว่าภาวะ “แต่งงานกับความเห็นของตัวเอง”

วิธีที่ผมพบว่ามีประโยชน์ คือ การสร้างแผน “ถ้าเกิดว่า...” ซึ่งจะช่วยเตรียมการไว้ให้กับสภาวะจิตของเราอย่างชัดเจน, สมมุติ เรากำลังจะเล่นแค่เด้งในกรอบราคาจำกัด ให้คิดล่วงหน้าไว้เลยว่า “ถ้าเกิดว่า”ราคา ทะลุเส้นขอบเขตการเด้งของเราออกมา ด้วย Volume, เราจะรับมืออย่างไร ? ถ้าหุ้นขนาดกลางทะลุเส้นออกมาเหนือช่วงขอบเขต แม้ว่าตลาดโดยรวมจะยังเด้งในขอบเขตละ ? เราจะทำอย่างไร, “ถ้าเกิดว่า”ราคาไปทดสอบ High แต่ว่า Volume ไม่มีละ? พวกแผน “ถ้าเกิดว่า…” เหล่านี้จะป้องกันเทรดเดอร์จากการถูกดักอยู่ในความคิดของเขาเอง ซึ่งจะกลายเป็นความเห็น และ การแต่งงานกับความเห็น, “วางแผนเทรดแล้ว เทรดตามแผน” คือวิธีหลักที่ดี แต่เทรดเดอร์ที่ดี ย่อมจะมีแผนสำรองเสมอ

ท้ายสุด, ลองพิจารณาสถานการณ์ตรงกันข้าม, เมื่อเทรดเดอร์อยากจะเชื่อว่า การ Break out กำลังจะเกิด แต่ตลาด อยู่ในสภาพ Sideway, ราคาเด้งไปเด้งมาอยู่ในกรอบเดิม, “คามต้องการเชื่อ” อาจจะทำงานอีกครั้งตรงนี้, เทรดเดอร์ที่เข้าออเดอร์โดยหวัง Break out เอาไว้ ยอมรับความจริงไม่ได้ว่า ตลาดเจอราคาที่สมดุลและย่ำอยู่ตรงนี้, Volume น้อยๆ สามารถบอกอะไรกับเราอย่างชัดเจนได้ดีพอๆ กับ Volume มากๆ หากคุณเปิดใจรับฟังมัน, ตลาดที่มีปริมาณ Volume น้อยๆ ไม่สามารถดึงดูดผู้เล่นจาก Time Frame อื่นๆ ได้ จึงขับเคลื่อนด้วย กำลังจากเฉพาะผู้เล่นเดิมๆ, ซึ่งถ้าเราไปคาดการณ์ Break out ก็จะสามารถ overtrade ง่ายมาก หากไม่รอหลักฐานที่เพียงพอ, ลางบอกเหตุสำหรับเรื่องนี้คือ เทรดเดอร์เริ่มบ่นกันว่า “ตลาดจะไม่ขยับเลยใช่ไหม”, พวกเขาหงุดหงิด เพราะพวกเขากำลังขัดขืน และพยายามต่อสู้กับตลาด แทนที่จะก้าวตามสิ่งที่ตลาดทำ (Note ผุ้แปล : หมายความว่า ถ้าตลาดเป็น Sideway เราก็ควรจะเล่นโหมด Sideway คือเล่นเด้ง ไม่ใช่หวังเล่น Break out)

เป็นจริงตามที่เขากล่าวกันว่า ปัญหาส่วนมากจะหาทางออกด้วย การหนีความจริง เมื่อความต้องการเชื่อของเรา ขัดกับ โลกความเป็นจริง
ขอบคุณ Bob Kieffer (www.r7.com) and Bill Duryea (www.marketshaman.com) ในการเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบทความนี้ จากการสังเกตอันยอดเยี่ยมของพวกเขา

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ