Part 15 : การบำบัดโดยสังเขป – ส่วนที่ 1 : การบำบัดด้านจิตใจอย่างดี

โดยทั่วไปแล้วมักสันนิษฐานกันว่า บทบาทของนักจิตวิทยาคือ การช่วยเหลือให้ผู้คนแก้ไขปัญหาของตนเองได้ ซึ่งสิ่งที่เก็บไว้เบื้องหลังอยู่ในใจของเราคือ ภาพลักษณ์ของคนป่วยที่นอนอยู่บนเก้าอี้ยาวกำลังคุยกับนักวิเคราะห์โฟรเดียน ความจริงแล้วจิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่มีมานานนับตั้งแต่เริ่มต้นในฐานะที่เป็น “การเยียวยาด้วยการสนทนา” แท้จริงแล้ววิธีการใหม่ๆ หลายแบบที่ได้มีการศึกษาค้นคว้าและพิสูจน์ความถูกต้องกันอย่างกว้างขวางผ่าน การวิจัย โดยไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องของการสนทนาเลย

อย่างไรก็ดี สมมติฐานเดิมนั้นค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ผู้คนอาจทึกทักว่า คุณนั้นจำเป็นจะต้องมี “ปัญหา” เพื่อพบนักจิตวิทยา จริงๆ แล้วบริษัทประกันภัย จะไม่ชำระเงินคืนให้กับการไปพบนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ ยกเว้นว่าจะมี “การวินิจฉัย” ปัญหาที่ “ได้รับการบำบัด” ซึ่งมีข้อสงสัยเล็กน้อยว่า แบบแผนตัวอย่างที่ยังยืนกรานว่ายังมีบางสิ่ง บางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับคุณ หากคุณจำเป็นต้องพบกับ “จิตแพทย์”

ความเป็นจริงคือ นักจิตวิทยาที่ดีไม่ใช่จิตแพทย์ แต่เป็นการขยายจิตใจและวิสัยทัศน์ของบุคคลเป้าหมายไม่ใช่การแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่เป็นการสร้าง ความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น จิตวิทยาเป็นเรื่องของการสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ซึ่งบางครั้งความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์เหล่านี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในวิธีการคิด, วิธีที่เรารู้สึก หรือวิธีที่เราแสดงออก ทั้งนี้ การใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาไม่ได้จำเป็นว่าคุณจะต้องมีปัญหา เพียงแต่ต้องมีความปรารถนาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น

กลุ่มวิธีการต่างๆ ที่รู้จักกันว่าเป็นการบำบัดโดยสังเขปคือ สิ่งที่ดูมีความหวังสดใสอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยเร่งกระบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นเร็วขึ้น ผมได้อ้างอิงถึง การบำบัดโดยสังเขปว่า เป็นสิ่งที่ดีกับจิตใจอย่างมาก ทั้งนี้ มีหลายคนที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตเรื้อรัง ซึ่งไม่ใช่คนที่จะเหมาะสม กับงานโดยสังเขปชีวิตอันยาวนาน, ปัญหาร้ายแรงที่มักเกิดขึ้นและต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงความช่วยเหลือในการรักษาด้วยยาเช่นกัน อย่างไรก็ดี การบำบัดทางจิตใจไม่ใช่สิ่งที่รุมล้อมไปด้วยปัญหา เพราะเป็นเพียงความสนใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงเพื่ออธิบายจุดแข็งต่างๆ ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นจนสามารถทำในสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ค้าที่ทำรายได้กว่า 2ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เมื่อปีก่อนและทำรายได้มากกว่านั้นในปีก่อนหน้านี้ถือเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยัน ในการประชุมกับผมเมื่อเร็วๆ นี้ก่อนวันปีใหม่ เพื่อกำหนดแง่มุมต่างๆ ในการปรับปรุงและกำหนดเป้าหมายอันเป็นแนวทางในการประชุมเกี่ยวกับเป้าหมาย เหล่านี้สำหรับปี 2007 เป้าหมายของเขาคือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ใช่การกำจัดปีศาจในตัวเขาเอง ซึ่งนั่นเป็นการใช้ประโยชน์จากการบำบัดได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับการเยียวยา ทางจิตใจเป็นอย่างดี

ดังนั้น คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากงานโดยสังเขปนั้นได้อย่างไร? นี่คือคำแนะนำบางประการ ได้แก่ พฤติกรรมที่ถูกกำหนดไว้เป็นรูปแบบวิธีการคิด, รู้สึก และแสดงออกของเราเป็นสิ่งมีแบบแผน ซึ่งแบบแผนดังกล่าวนี้เองคือ สิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็น อย่างที่เราเป็น และผลรวมของแบบแผนของเรานั้นก็คือบุคลิกภาพของเรานั่นเอง

อย่างไรก็ดี บางครั้งแบบแผนของเรากลับเป็นสิ่งที่แทรกแซงเป้าหมายในชีวิต และขัดขวางตัวตนของเรา ไม่ให้เป็นในแบบที่เราอยากเป็น หรือประสบความสำเร็จใน สิ่งที่เราปรารถนา
บางทีอาจมีช่วงเวลาที่คุณพูดกับตัวเองว่า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันจึงยัง (เติมคำในช่องว่าง) ฉันหวังว่าฉันจะหยุดมันได้สักที” คุณสามารถเติมคำในช่องว่างได้ด้วยวลีต่อไปนี้ หรือวลีอื่นๆ ตามต้องการ
“อารมณ์เสีย”
“ตกต่ำอยู่อย่างนี้”
“ลงเอยด้วยความสัมพันธ์แย่ๆ”
“กินมากเกินไป”
“ทำร้ายตัวเอง”
“ซื้อขายแบบโง่ๆ”
“ผลัดวันประกันพรุ่ง”
“ผลักไสผู้คนให้ไปไกลๆ”
“เป็นกังวล”
“อึดอัดภายใต้สภาวะกดดัน”
สถานการณ์แต่ละอย่างข้างต้นนี้ทำให้เราตระหนักว่า มีรูปแบบพฤติกรรมบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ รูปแบบนี้มักเป็นสิ่งที่ผู้คน ยึดมั่นถือมั่นอย่างมาก จนกลายเป็นนิสัย หากคุณสามารถระบุแบบแผนที่กำลังเกิดขึ้นในเส้นทางของคุณได้แล้ว คุณก็จะสามารถใช้ประโยชน์จาก การประยุกต์ใช้จิตวิทยาระยะสั้นได้

การบำบัดโดยสังเขปนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ ที่ไม่สามารถตอบสนองเราได้ดีอีกต่อไปโดย ขั้นตอนที่สองของการบำบัดด้านจิตใจนี้คือ การถามตัวคุณเองว่า อะไรคือรูปแบบที่ฉุดรั้งตัวคุณไว้จากเป้าหมายและจากคนที่คุณอยากเป็นมากที่สุด?

ถ้าอย่างนั้นแล้วอะไรคือขั้นตอนแรกล่ะ? คำตอบก็คือ การรู้จักเป้าหมายของเรานั่นเอง เพื่อให้รู้ว่าคุณอยากจะเป็นคนแบบไหน มีคนจำนวนมากที่ไม่เคยก้าวเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเอง นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยกำหนดจุดหมายปลายทางไว้นั่นเอง

ดังนั้น นี่คือที่ที่เราจะเริ่มต้นกันในโพสต์ถัดไปของชุดบทความนี้ อันเป็นการค้นหาว่าคุณต้องการจะไปยืนอยู่ ณ จุดใดในชีวิต จากนั้นเราจะมาดูกันต่อว่า อะไรที่อาจจะเป็นสิ่งที่กำลังฉุดรั้งคุณไว้
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญประการแรกที่ควรทราบก็คือ การแก้ไขปัญหาไม่ได้ช่วยให้เป้าหมายกับคุณ การปีนป่ายอยู่บนบันไดแห่งความสำเร็จอย่างเกรี้ยวกราด ก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณได้ หากคุณยังคงพึ่งพาอยู่กับโครงสร้างที่ผิดๆ

การบำบัดโดยสังเขปนี้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยปัญหาต่างๆ แต่เป็น สิ่งที่เริ่มต้นด้วยเป้าหมายและวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต ซึ่งหากปราศจากวิสัยทัศน์แล้ว นั่นหมายความว่าเรากำลังใช้ชีวิตราวกับคนตาบอด การบำบัดทางจิตใจอย่างดีนั้นเริ่มต้นไปพร้อมๆ กับการตระหนักรู้ว่า นี่คือเวลาในการเปิดหูเปิดตาให้กว้างเพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ของเราเอง

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ