เรื่องของการ Carry trade

 
Carry trade คืออะไร
คุณทราบหรือไม่ว่า ยังมีวิธีการเทรดที่สามารถทำกำไรได้ แม้ว่าว่าช่วงเวลานั้นราคาจะไม่เคลื่อนที่เลยก็ตาม วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากของพวกบริษัทใหญ่ๆในโลกแห่งการเงิน
Curry trade หมายถึง การที่กู้ยืมเงินหรือขายตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปซื้อตราสารทางการเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า
ในขณะที่คุณจ่ายดอกเบี้ยต่ำในตราสารทาง การเงินที่คุณกู้ยืมหรือขายมา แต่คุณได้ดอกเบี้ยที่มากกว่าในตราสารทางการเงินที่คุณได้ซื้อมา ดังนั้นผลกำไรของคุณก็คือผลต่างของกำไรนั่นเอง พูดง่ายๆก็คือ “Curry trade คือ การทำการค้าโดยหวังผลต่างของดอกเบี้ย ระหว่างดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และดอกเบี้ยที่ได้รับ บวก-ลบออกมาเป็นผลกำไร นั่นเอง”ตัวอย่างเช่น
คุณได้ทำการกู้ยืมเงินจากทางธนาคารมา $10,000 โดยคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ทางธนาคารในอัตรา 1% ต่อปี
เมื่อได้เงินมาแล้วคุณก็นำเงินนั้นไป ซื้อพันธบัตร ที่จ่ายดอกเบี้ยให้คุณในอัตรา 5% ต่อปี ดังนั้น คุณก็จะเหลือผลกำไรจากผลต่างอัตราดอกเบี้ยนี้ 4% ต่อปี
คุณอาจคิดว่า การทำกำไรแบบนี้มันไม่ตื่นเต้น เพราะไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ไม่เหมือนกับการทำกำไรโดยการเทรดความเคลื่อนไหวของราคาในตลาด แต่เมื่อคุณนำวิธีการนี้มาใช้ในตลาด Forex ที่มีศักยภาพ และเงินมหาศาลหมุนเวียน คุณจะได้ดอกเบี้ยรายวัน
ลองนึกดูว่าจะดีแค่ไหนถ้ากำไรจากผลต่าง ของอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี กลายมาเป็น ผลกำไร 60% ต่อปี เท่ากับว่าคุณมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 20 เท่า จากเดิม


Carry trade ทำงานอย่างไรในตลาด Forex
ในตลาด Forex สกุลเงินที่เทรดนั้นโดนจับคู่ไว้แล้ว เช่น ถ้าคุณ Buy USD/CHF นั่นคือคุณได้ซื้อสกุลเงิน U.S.Dollar และทำการขาย Swiss francs ในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ คุณจ่ายดอกเบี้ยให้สกุลเงินที่คุณขาย และได้ผลกำไรจากดอกเบี้ยในสกุลเงินที่คุณซื้อ เหมือนกับที่เราได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น
ความพิเศษในตลาด Forex ก็คือ คุณสามารถรับดอกเบี้ยได้ทุกวันที่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย เมื่อมีการปิดออเดอร์ซื้อขายนั้นๆคุณก็จะได้รับการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณเปิดและปิดออเดอร์ของคุณเอง เมื่อคุณปิดออเดอร์ซื้อขายคุณก็จะได้ผลต่างกำไรในครั้งนั้นๆทันที และคุณสามารถเลือกที่จะปิดในวันนี้ หรือจะถือสถานะต่อไปก็ได้
ถ้าคุณไม่ปิดออเดอร์ในวันที่ทำการเปิด โบรคเกอร์ก็จะปิด และเปิด สถานะของคุณใหม่ในวันถัดไป และจะคำนวณอัตราความต่างระหว่างดอกเบี้ยของสองสกุลเงินที่คุณได้เปิดออเดอร์ ข้ามวันไว้ และจะเป็นค่าใช้จ่ายในการถือสถานะข้ามวัน (หรือที่เราเรียกกันว่า Swap)
ในตลาด Forex นั้น โบรคเกอร์จะมี Leverage (เปอร์เซนต์ของเงินที่โบรคเกอร์ให้ยืมเพื่อศักยภาพในการเปิดออเดอร์ในการเท รด) จึงทำให้การ Carry trade เป็นที่นิยมมากในตลาด Forex
การซื้อขายในตลาด Forex จะใช้ Margin Base หมายความว่า คุณจะใช้เงินของคุณเพียงเล็กน้อย โบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะต้องการแค่ 1-2% ในการเปิดออเดอร์นั้นๆ ส่วนที่เหลือโบรคเกอร์ของคุณจะเพิ่มให้ ทีนี้เราลองมาดูตัวอย่างของ “โจ” เทรดเดอร์หน้าใหม่ในตลาด Forex กัน
โจ ได้รับของขวัญวันเกิดจากคุณตาและยายของเขาเป็นเงินสด $10,000 และแทนที่จะใช้เงินนี้เพื่อฉลองวันเกิดของเขา เค้าก็ตัดสินใจว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ใช่ในยามที่จำเป็น จึงไปที่ธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อที่จะเปิดบัญชีออมทรัพย์ และผู้จัดการธนาคารได้บอกกับเค้าว่า “โจ บัญชีออมทรัพย์ จะให้ดอกเบี้ยเพียงแค่ 1% ในบัญชีออมทรัพย์ของคุณ ต่อปี” โจก็หยุดคิดคำนวณดูว่า ดอกเบี้ย 1% ของเงินฝาก$10,000 ก็เท่ากับว่าเค้าได้ดอกเบี้ย $100 ต่อปี เท่านั้นเอง โจจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้เงินของเขางอกเงยมากกว่านั้น เค้าจึงได้บอกกับผู้จัดการธนาคารไปว่า “ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่าผมจะนำเงินนี้ไปลงทุนอะไรซักอย่าง”  โจได้มีประสบการณ์กับหัดเทรดบัญชีสาธิต (Demo) ในหลายระบบเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิธีการซื้อขายในตลาด Forex เป็นอย่างดี เขาจึงเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีเทรดจริง ด้วยเงิน $10,000 ของเค้า
จากนั้น โจได้เลือกคู่สกุลเงินที่มีค่าความต่างของอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี และได้ทำการซื้อไว้ด้วยมูลค่า $100,000 เพราะโบรคเกอร์ของโจ ต้องการ 1% ของเงินเพื่อทำการเปิดสถานการณ์ซื้อครั้งนี้ เท่ากับว่าโบรคเกอร์จะถือครองเงินของโจไว้ $1,000 สำหรับ Margin (100:1 leverage) ดังนั้น ตอนนี้โจมีสิทธิ์ในสกุลเงินคู่นี้ ในมูลค่า $100,000 (โจสามารถใช้เงินของเขาเพียง $1 เพื่อซื้อสกุลเงินมูลค่า $100 เมื่อเค้าใช้ Leverage 100:1)
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับบัญชีของโจ ถ้าเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเวลา 1 ปี เราลองมาดูความเป็นไปได้ 3 อย่างว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง
  1. คู่สกุลเงินที่โจซื้อไว้นั้นลดมูลค่า ลง หากความเสียหายนั้นทำให้บัญชีของย่ำแย่จนถึงขอบเขตควบคุมคือ ระดับ Margin ที่โจได้ตั้งไว้ ($1000)  ออเดอร์ที่ได้เปิดไว้ก็จะปิดโดยอัตโนมัติ สิ่งที่จะเหลือในบัญชีของโจก็คือ Margin - $1,000 ( $10,000 - $1,000 = $9,000)
  1. อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินคู่เงินนี้ยัง คงอัตราแลกเปลี่ยนเดิมจากเมื่อตอนแรกที่ซื้อไว้ ในกรณีนี้โจไม่ได้ขาดทุน หรือได้กำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา แต่เขาจะได้รับดอกเบี้ย 5% จากการถือครองสกุลเงินคู่นี้ในมูลค่า $100,000 โจจะได้ดอกเบี้ยจำนวน $5,000 สำหรับบัญชีของเขาที่มีเงินฝากอยู่ $10,000 นั่นคือ กำไร 50%
  1. คู่สกุลเงินนั้นเพิ่มมูลค่าขึ้นจาก เดิม ดั้งนั้นนอกเหนือจากกำไรที่ได้จากอัตราดอกเบี้ย $5,000 แล้ว โจยังจะได้กำไรจากการที่คู่สกุลเงินนี้เพิ่มมูลค่าขึ้นด้วย
เห็นได้ว่า เพราะ leverage 100:1 จึงทำให้โจสามารถทำกำไร 50% ต่อปีได้จากเงิน $10,000 และต่อไปจะเป็นตัวอย่างของคู่สกุลเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่างกันที่ 4.40% เมื่อเดือนกันยายน 2010


Carry trade ทำงานอย่างไรใน Forex

ตามภาพคือ ถ้าคุณ Buy AUD/JPY และถือออเดอร์ข้ามปี คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างของอัตราของดอกเบี้ยจากคู่สกุลเงินนี้ 4.40% เรียกว่า “positive curry” และถ้าคุณ Sell AUD/JPY สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม ดังภาพด้านล่าง
 Carry trade ทำงานอย่างไรใน Forex

ถ้าคุณขาย AUD/JPY และถือออเดอร์ข้ามปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ การขาดทุนในส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย 4.40 % เรียกว่า “negative carry”
ตัวอย่างเหล่านี้เป็นตัวอย่างโดยทั่วไป เพื่อให้เห็นภาพว่า Carry trade ทำงานอย่างไร ต่อไปจะเป็นเรื่องที่มีส่วนสำคัญมากสำหรับบทนี้ คือ ความเสี่ยงของการ Carry trade


เมื่อไหร่ควร-ไม่ควร Carry Trade
Carry Trade นั้นเหมาะในสถานการณ์ที่นักลงทุนรู้ถึงความเสี่ยง แต่ยังมองโลกในแง่ดีมากพอที่จะซื้อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง และขายสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนต่ำไป
เหมือนกับการมองโลกในแง่ดีเมื่อเห็นน้ำ ครึ่งแก้ว เหมือนกับว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็มีความหวังว่าสิ่งต่างๆจะต้องดีขึ้น เช่นเดียวกับในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน สภาวะเศรษฐกิจอาจจะไม่ดี แต่ว่าแนวโน้มของสกุลเงินที่ต้องการซื้อก็ไม่จำเป็นจะต้องดีก็ได้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศดี ก็จะเป็นโอกาสให้ธนาคารกลางของประเทศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจะดีกับการ Carry trade เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หมายถึงความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าด้วย
หรือในอีกกรณี ถ้าแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ดี ก็จะไม่มีใครต้องการสกุลเงินนี้ถ้าพวกเขาคิดว่า ธนาคารกลางจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ถ้า ให้เข้าใจง่ายๆก็คือ Carry trade นั้นเหมาะเมื่อเวลาที่นักลงทุนเห็นว่า อยู่ในสภาวะ “Low risk aversion” และไม่เหมาะที่จะ Carry trade ในเวลาที่นักลงทุนเห็นว่าเป็น “High risk aversion” (Risk aversion คือ ภาวะที่นักลงทุนพยายามลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน)
หลักการ Carry trade และการบริหารความเสี่ยง
หลักการง่ายๆ 2 อย่างที่จะเลือกคู่สกุลเงินในการ Carry Trade
  1. หาคู่สกุลเงินที่มีความต่างของอัตราดอกเบี้ยมาก
  2. หาคู่สกุลเงินที่มีแนวโน้มที่มีเสถียรภาพ หรือ เป็นเทรนขาขึ้น และให้ผลตอบแทนสูง สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้อย่างยาวนาน และได้กำไรจากผลต่างของอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลานานได้
หลักการช่างเรียบง่าย ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างจริงของ Carry trade กัน


Carry trade

นี่คือกราฟรายสัปดาห์ของ AUD/JPY ที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.10% “Zero Interest Rate Policy” เมื่อ กันยายน 2010
และเนื่องด้วยธนาคารของออสเตรเลียเป็น ธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในบรรดาสกุลเงินหลัก (4.50%) จึงทำให้เทรดเดอร์สนใจคู่เงินนี้กันมาก และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระดับราคาค่อยๆไต่สูงขึ้น
จากต้นปี 2009 ถึงต้นปี 2010 คู่นี้เคลื่อนที่จาก 55.50 -88.00 ซึ่งเป็นจำนวนถึง 3,250 จุด
ถ้ามองในแง่ของผลกำไรที่ได้จากผลต่าง ของอัตราดอกเบี้ย คู่สกุลเงินนี้ก็ให้อัตราดอกเบี้ยในระยะยาว และในปัจจุบันปัจจัยทางเศรษฐกิจการเมืองก็เป็นปัจจัยให้โลกเปลี่ยนแปลงทุก วัน อัตราดอกเบี้ยและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ทำให้ สกุลเงินที่เคยเป็นที่นิยมในการ Carry Trade (เช่น Yen carry trade) หมดความนิยมไป
ความเสี่ยงของ Carry trade
 ก่อนที่คุณจะทำการเทรดทุกครั้ง สิ่งที่คุณควรจะทำคือ “ประเมินความเสี่ยงสูงสุดของคุณว่ารับได้แค่ไหน และคุณจะยอมรับความเสี่ยงนั้นได้หรือไม่” เช่น ในตัวอย่างของ โจ เทรดเดอร์มือใหม่ในตลาด Forex ในบทเรียนเริ่มต้น ถ้าเขาตั้งความเสี่ยงสูงสุดไว้ที่ $9,000 ออเดอร์ของเค้าก็จะถูกปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเค้าเสียเงิน $9,000 ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับ โจ ที่เป็นมือใหม่ แล้วต้องมาเจอกับการตัดการขาดทุน
จำไว้ว่า เมื่อทำ Carry trade คุณสามารถที่จะจำกัดความเสี่ยงที่จะสูญเสีย เช่นเดียวกับการเทรดแบบปรกติ เช่น ถ้าโจ ตัดสินใจว่าจะจำกัดความเสี่ยงของเขาไว้ที่จำนวนเงิน $1,000 เค้าสามารถตั้งค่าให้ออเดอร์ของเค้าปิดสถานะลงโดยอัตโนมัติเมื่อมีการขาดทุน ถึง $1,000 ไม่ว่าราคาจะอยู่ที่ตำแหน่งไหนก็ตาม แต่เขาจะยังคงได้รับการจ่ายอัตราดอกเบี้ยในระหว่างที่เค้าถือออเดอร์อยู่ จนกระทั่งออเดอร์นั้นได้ถูกปิดลง
         
บทสรุป Carry Trade
Curry Trade หมายถึง การที่กู้ยืมเงินหรือขายตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปซื้อตราสารทางการเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ในขณะที่คุณจ่ายดอกเบี้ยต่ำในตราสารทางการเงินที่คุณกู้ยืมหรือขายมา แต่คุณได้ดอกเบี้ยที่มากกว่าในตราสารทางการเงินที่คุณได้ซื้อมา ดังนั้นผลกำไรของคุณก็คือผลต่างของกำไรนั่นเอง พูดง่ายๆก็คือ “Curry Trade คือ การทำการค้าโดยหวังผลต่างของดอกเบี้ย ระหว่างดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และดอกเบี้ยที่ได้รับ บวกลบออกมาเป็นผลกำไร นั่นเอง”
วิธีนี้เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำเงิน จากตลาด Forex โดยไม่ต้องนั่งซื้อขายทุกวันให้ลำบาก และการCarry trade นั้นได้ผลดีในสภาวะที่นักลงทุนรู้สึกเหมือนว่ากำลังได้รับความเสี่ยง สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่จำเป็นต้องดี และแนวโน้มไม่จำเป็นต้องเป็นบวก
          หลักการง่ายๆ 2 อย่างที่จะเลือกคู่สกุลเงินในการ Carry Trade
  1. หาคู่สกุลเงินที่มีความต่างของอัตราดอกเบี้ยมาก
  2. หาคู่สกุลเงินที่มี แนวโน้มที่มีเสถียรภาพ หรือ เป็นเทรนขาขึ้น และให้ผลตอบแทนสูง สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้อย่างยาวนาน และได้กำไรจากผลต่างของอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลานานได้
จำไว้ว่าในปัจจุบันปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมืองก็เป็นปัจจัยให้โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน อัตราดอกเบี้ยและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ทำให้สกุลเงินที่เคยเป็นที่นิยมในการ Carry trade (เช่น Yen carry trade) หมดความนิยมไป และเมื่อคุณ Carry trade คุณควรที่จะจำกัดความเสี่ยงที่จะสูญเสีย เช่นเดียวกับการเทรดแบบปรกติ
ถ้าคุณนำ Carry trade มาใช้อย่างถูกต้อง คุณจะสามารถเพิ่มรายได้เข้าบัญชีของคุณได้อย่างมีนัยยะสำคัญไปพร้อมกับการเท รดโดยหวังผลกำไรจากทิศทางของตลาด



credit:www.thaiforexschool.com

ความคิดเห็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ